แบ่งปันประสบการณ์สอบ CU-TEP ครั้งแรก

กระทู้สนทนา
สวัสดีชาวพันทิปทุกท่านนะฮะ วันนี้ผมเอาประสบการณ์การสอบ CU-TEP ครั้งแรกของผมมาแบ่งปัน อมยิ้ม01 จริงๆผมเขียนไว้ใน Blog ของผมแล้วที่นี่ http://life2cam.blogspot.com/ (แวะไปอ่านบทความอื่นๆผมได้เลยนะครับอมยิ้ม02) แต่ก็อยากเอามาแชร์ให้ชาวพันทิปได้อ่านกันครับ

เข้าเรื่องเลยแล้วกันนะครับ
พอดีว่าวันนี้ผมได้มีโอกาสไปสอบ CU-TEP ที่ทางคณะวิทยาศาสตร์ของมหาวิทยาลัยขอนแก่นเค้าจัดให้ฟรีๆครับ!! เลยอยากมาแชร์ประสบการณ์ในการสอบครับ ว่าเค้าสอบกันยังไงยากหรือไม่ อันดับแรกผมก็จะพาไปรู้จักซักหน่อยว่าไอ้ CU-TEP ที่เค้าพูดกันเนี่ยมันคืออะไร?

CU-TEP เป็นชื่อย่อมาจาก Chulalongkorn University Test of English Proficiency ถ้าแปลไทยแบบมั่วๆสไตล์ผมก็ได้ประมาณว่าการทดสอบความถนัดทางภาษาอังกฤษของจุฬาฯ เอาง่ายๆคือเป็นการทดสอบภาษาอังกฤษที่ทางจุฬาเค้าจัดขึ้นครับผม และ CU-TEP นี้เป็นการสอบที่มีมาตรฐานและเป็นที่ยอมรับในประเทศไทยด้วยครับ

CU-TEP เอาไว้ใช้ทำอะไรบ้าง?
คนที่สงสัยว่าสอบ CU-TEP ไปแล้วสามารถเอาคะแนนส่วนนี้ไปทำอะไรได้บ้าง ในเรื่องนี้ผมขอตอบในภาพรวมนะครับ อย่างที่ผมได้บอกไปแล้วข้างต้นว่า CU-TEP เป็นการสอบที่มีมาตรฐานและเป็นที่ยอมรับในประเทศไทย ซึ่งบางมหาวิทยาลัยในประเทศไทยจะใช้คะแนนในการสอบนี้เป็นหนึ่งในเกณฑ์คัดเลือกผู้เข้าเรียนต่อ ทั้งในระดับปริญญาตรี ปริญญาโท และปริญญาเอก เอาง่ายๆคือเอาคะแนนไว้สอบเรียนต่อครับ ฮ่าๆๆ

CU-TEP สอบอะไรบ้าง?
ในการสอบ CU-TEP จะแบ่งเป็น 3 ส่วนหลักๆครับ คือ
1. Listening 30 ข้อ ให้เวลา 30 นาที
2. Reading 60 ข้อ ให้เวลา 70 นาที
3. Writing 30 ข้อ ให้เวลา 30 นาที
โดยเมื่อสอบแต่ละส่วนเสร็จทางผู้คุมสอบจะแจกข้อสอบชุดต่อไปในเวลา 10 นาที และทำการเริ่มสอบ เช่น ผมเริ่มสอบ Listening เวลา 09.00-09.30 น. ผมจะได้สอบชุด Reading ตอนเวลา 09.40 น. อย่างนี้เป็นต้นครับ

สอบครั้งแรกรู้สึกอย่างไรบ้าง?
บอกได้เลยครับว่าไม่ได้อ่านหนังสือไปสอบซักตัว ฮ่าๆๆๆๆ เพราะไม่ได้คิดอะไรมาก คิดแค่ว่าไปลองสนามก่อน พอไปสอบนี่ถึงกับจุกครับ พูดแทบไม่ออก มันยากได้มาตรฐานเค้าจริงๆ สอบไปกุมหัวไปเลยครับ คนที่จะไปสอบก็เตรียมตัวไว้ให้ดีนะครับ

การสอบแต่ละส่วนยากหรือไม่?
ในอันดับแรกผมจะขอพูดถึงในส่วนของ Listening ก่อนนะครับ

สำหรับด่านแรกนี้จะเป็นในส่วนของ Listening ครับ ในด่านนี้ผู้เข้าสอบทุกท่านต้องเตรียมในเรื่องของการฟังให้ดี เพราะทางผู้คุมสอบจะเปิดเทปให้ฟังเสียงเพียงแค่รอบเดียว(หากเผลอไปนิดนึงก็พลาดได้ง่ายๆเลยหละครับ) สำหรับเสียงที่เปิดให้ฟังจะเป็นเทปเสียงการสนทนา พอบทสนทนาจบ เค้าก็จะถามคำถาม แล้วเราก็เลือกคำตอบในข้อสอบครับ ส่วนที่ยากก็คือจะมีข้อสอบในส่วนนี้อยู่ 30 ข้อ ซึ่งแต่ละข้อจะเป็นบทสนทนาที่แตกต่างกันไป ในช่วงแรกจะเป็นบทสนทนาที่สั้น(มาก!) หลังๆจะเริ่มยาวขึ้นจนอยากหลับเลยครับ สำหรับเรื่องของเวลา Listening ไม่น่าจะมีปัญหาเท่าที่ควรนะครับ เพราะเค้าให้เวลามาได้เหมาะพอดี

ส่วนต่อมาเป็นเรื่องของ Reading นะครับ

มาถึงในส่วนของ Reading... ผมอยากบอกว่าส่วนนี้มันโค-ตะ-ระยากเลยหละครับ "แล้วมันยากตรงไหน?" ในส่วนนี้มันยากตรงที่ต้องอ่านนี้แหละครับ เพราะว่าเค้าให้เวลาในการทำข้อสอบมา 70 นาที สำหรับข้อสอบ 60 ข้อ นั่นคือต้องใช้เวลาในการทำข้อสอบข้อละนาทีกว่าๆ ซึ่งข้อสอบเค้าจะให้มา 5 บทความ ในบทความที่ 1 จะเป็นข้อสอบแบบให้เติมคำในบทความ ใครแม่นเรื่องศัพท์ก็สามารถเก็บส่วนนี้ได้สบายๆเลยครับ บทความที่ 2-3 เป็นบทความให้อ่าน ความยาวครึ่งหน้ากระดาษA4 แล้วจะมีคำถามให้ครับ บทความที่ 4-5 เป็นบทความให้อ่านเช่นเดียวกัน ความยาวหนึ่งหน้ากระดาษA4 แล้วจะมีคำถามให้ครับ จากที่สอบมา.. บทความที่ 1-5 ผมก็แบ่งได้ดังนี้
บทความที่ 1 ไม่ยาก ไม่ง่าย ทำได้รวดเร็ว
บทความที่ 2-3 บทความยาวใช้ได้ เน้นจับใจความ ใครอยากอ่านหมดก็ไม่ว่า
บทความที่ 4-5 บทความโคตะระยาว จับใจความไม่ได้ตายสถานเดียว Facepalm
ใครที่จะไปสอบหรือเตรียมตัวไปสอบ ให้ศึกษาวิธีการจับใจความของบทความให้ดีนะครับ ไม่งั้นอาจจะทำไม่ทัน

สำหรับส่วนสุดท้ายจะเป็นในส่วนของ Writing นะครับ

บางคนที่ได้ยิน Writing ตอนแรกถึงกับถอดใจไปเลยครับว่า ต้องสอบเขียนบทความอะไรพวกนี้ด้วยเหรอ ไม่ใช่ครับ! ถึงจะตั้งชื่อว่า Writing แต่จริงๆแล้วในส่วนนี้ข้อสอบทุกข้อล้วนมีแต่ Error Identification หรือมีแต่ข้อสอบ Error นั่นเอง สำหรับส่วนนี้ไม่ยากมากครับ ผมแนะแนวว่าเน้นในการดูรูปประโยคว่าแต่ละส่วนใช้ถูกที่หรือไม่ ใครที่ชอบ Error หรือแม่นๆ Grammar ก็คงเก็บแต้มได้สบายๆเลย ส่วนใครที่ไม่ค่อยได้ ก็ต้องวัดใจการเดาอย่างเดียวแล้วครับ ฮ่าๆๆ

แล้วมีเวลาพักเบรคเข้าห้องน้ำบ้างหรือไม่?
มีครับ ทางผู้คุมสอบจะอนุญาติให้เข้าห้องน้ำได้ในช่วงระหว่างสอบนะครับ แต่ช่วงที่แจกข้อสอบ 10 นาที ไม่ให้ไปเข้าครับ

กฏระเบียบในการสอบเป็นอย่างไร?
เข้มงวดสุดๆครับ!! ผมสรุปส่วนที่สำคัญจากการที่ผมได้เห็นมาให้ดูครับ
1. ห้ามนำโทรศัพท์ กระเป๋าสะพาย เข้าห้องสอบ ใครเอามาให้วางไว้หน้าห้องสอบ
2. เครื่องเขียนต้องใส่ไว้ในถุงใสที่ทางผู้คุมสอบเตรียมให้เท่านั้น
3. หากประตูห้องสอบปิดแล้ว ผู้ที่มาช้ากว่านั้นจะหมดสิทธิ์สอบ
4. ผู้ที่ชื่อภาษาอังกฤษในบัตรประจำตัวประชาชนไม่ตรงกับชื่อที่สมัครไว้ ก็หมดสิทธิ์สอบเช่นกัน ดังนั้นเวลาสมัครก็ตรวจสอบให้ละเอียดด้วย
จริงๆมีเยอะกว่านี้ครับ ผมสรุปส่วนที่จำเป็นมาให้ดู

อยากฝากอะไรถึงผู้ที่จะสอบหรือผู้ที่เตรียมตัวสอบไหม?
อยากแนะนำว่าให้เตรียมตัวกันให้ดีครับโดยเฉพาะในส่วนของ Reading และอยากให้ฝึกทำข้อสอบให้รวดเร็วเอาไว้ครับ ไม่งั้นก็จะทำไม่ทันเหมือนผม สุดท้ายก็อยากให้สู้ๆครับ คะแนนเยอะหรือคะแนนน้อยก็ขึ้นกับตัวเราเองนี่แหละว่าตั้งใจทำแค่ไหน

ขอขอบคุณทุกท่านที่อ่านจนจบนะครับ หวังว่าจะสนุกกับการอ่านนะครับ อมยิ้ม01
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่