สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 18
แล้วที่เมืองไทยที่โปรโมตว่า คนไทยมีน้ำใจก็ไม่จริงสิ บ้านเราเป็นเมืองพุทธ จิตใจดี ก็ไม่จริงสิ เมื่อไหร่คนบ้านเราจะยอมรับเสียทีว่า ความเจริญทางวัตถุไม่ได้ขัดแย้งกับความเจริญของจิตใจ ฝรั่งพื้นฐานเขาจิตใจดี ความเจริญทางวัตถุก็ตามมา คดีคอรัปชั่นก็น้อย ส่วนคนไทยอ้างอยู่ได้ว่า คนประเทศตนเจริญทางจิตใจมากกว่าฝรั่งที่เจริญทางวัตถุ ตรงใหน ของโดนขโมยเป็นว่าเล่น คนหวาดระแวงกัน สังคมไร้ระเบียบ จิตใจคนหรือก็ใช่ว่าจะดีกว่าฝรั่ง เลิกเข้าข้างตัวเองได้แล้ว และหันมายอมรับความจริง เพื่อปรับปรุงดีกว่า
ความคิดเห็นที่ 11
ผมอยู่เยอรมันในยุคปลาย 70 บ้านที่ผมอยู่ พ่อบ้านเป็นหัวหน้าชุมชน
มีประชุมในหมู่สมาชิกชาวบ้านเสมอ ท่านพยายามจะรณรงค์ให้ทุกบ้านเอารั้วบ้านออก
แม้จะมีรั่ว ก็เป็นรั้วเตี้ยพอเป็นแนวเขตบ้าน วิถีชิวิตเป็นสังคมชนบท คล้ายชนบทของไทย(สมัยก่อน)
ทุกคนรู้จักกัน ข้างบ้านผมเลี้ยงหมูไว้กินเอง เขาฆ่าหมูเอง โดยใช้ปืนยิง กลางคืนถ้าผมได้ยินเสียงปืน
รุ่งเช้าสายๆหน่อย โมนิก้าลูกสาวคนสวย จะมากดกริ่งหน้าบ้าน เอาน้ำซุปที่เป็น byproduct มาแจกเพื่อนบ้านทุกคน
รั้วถัดไป เพื่อนบ้านชอบปลูกพืชสวนครัว สตอร์เบอรี่ ถั่วฝักยาว ก็แบ่งให้เรากิน แกเป็นชาง Elec ผมเล่นเครื่องบินเล็ก
ผมเอามอเตอร์ไปให้แกช่วยซ่อม ...
สังคมเยอรมัน เป็นสังคมที่ดี ผู้ใหญ่จะไม่นิ่งดูดาย ขึ้นรถเดินถนน หากเจอเด็กซุกซน ผู้ใหญ่ที่เห็นจะดุเสียงดัง
เพื่อนบ้านคอยดูแล เป็นหูเป็นตาให้ เช่น ไม่อยู่บ้าน มีใครมาหา ขับรถอะไร เรากลับมาจะรายงานหมด
สิ่งที่ดีอีกอย่างคือ ระบบตำรวจ เขาจะไม่โดนย้ายไปไหน ทำงานที่ไหน ก็อยู่ที่นั่น ทำให้มีความสัมพันธ์อันดีกับชาวบ้าน
แต่ความพยายามของพ่อบ้าน ที่จะให้รื้อรั้วบ้าน ไม่สำเร็จ จนกระทั่งปี 80 ราวๆนี้ ความสงบสุขเริ่มถูกบุกรุก
.. ผมแอบทายไว้ก่อนเรื่องโจรขโมย และไม่นานนักบ้านที่ผมเคยอยู่อย่างสงบสุข ก็มีอันถูกขโมยงัดบ้าน
เข้าไปขโมยของในบ้าน แม่บ้านมาเยี่ยมเราที่เมืองไทยทุกปี แต่ปีหลังๆต้องมีคนเฝ้าบ้าน ครับ
อยากบอกว่า การที่บ้านเมืองฝรั่ง ญี่ปุ่น ไม่มีขโมย ไม่ใช่เพราะ ตำรวจมีประสิทธิภาพ
แต่เป็นผลมาจาก สังคมของเขา ถ้าสังคมดี คอยดูแลคนในสังคม ไม่นิ่งดูดาย
ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน ประเทศไหน ก็ไม่ต้องมีรั้วบ้าน
แต่ความสงบสุขมันห่างไกลไปเรื่อยๆ เมื่อมีจำนวนคนในสังคมเพิ่มขึ้น ยิ่งมากเท่าไร สังคมยิ่งแย่ ครับ

มีประชุมในหมู่สมาชิกชาวบ้านเสมอ ท่านพยายามจะรณรงค์ให้ทุกบ้านเอารั้วบ้านออก
แม้จะมีรั่ว ก็เป็นรั้วเตี้ยพอเป็นแนวเขตบ้าน วิถีชิวิตเป็นสังคมชนบท คล้ายชนบทของไทย(สมัยก่อน)
ทุกคนรู้จักกัน ข้างบ้านผมเลี้ยงหมูไว้กินเอง เขาฆ่าหมูเอง โดยใช้ปืนยิง กลางคืนถ้าผมได้ยินเสียงปืน
รุ่งเช้าสายๆหน่อย โมนิก้าลูกสาวคนสวย จะมากดกริ่งหน้าบ้าน เอาน้ำซุปที่เป็น byproduct มาแจกเพื่อนบ้านทุกคน
รั้วถัดไป เพื่อนบ้านชอบปลูกพืชสวนครัว สตอร์เบอรี่ ถั่วฝักยาว ก็แบ่งให้เรากิน แกเป็นชาง Elec ผมเล่นเครื่องบินเล็ก
ผมเอามอเตอร์ไปให้แกช่วยซ่อม ...
สังคมเยอรมัน เป็นสังคมที่ดี ผู้ใหญ่จะไม่นิ่งดูดาย ขึ้นรถเดินถนน หากเจอเด็กซุกซน ผู้ใหญ่ที่เห็นจะดุเสียงดัง
เพื่อนบ้านคอยดูแล เป็นหูเป็นตาให้ เช่น ไม่อยู่บ้าน มีใครมาหา ขับรถอะไร เรากลับมาจะรายงานหมด
สิ่งที่ดีอีกอย่างคือ ระบบตำรวจ เขาจะไม่โดนย้ายไปไหน ทำงานที่ไหน ก็อยู่ที่นั่น ทำให้มีความสัมพันธ์อันดีกับชาวบ้าน
แต่ความพยายามของพ่อบ้าน ที่จะให้รื้อรั้วบ้าน ไม่สำเร็จ จนกระทั่งปี 80 ราวๆนี้ ความสงบสุขเริ่มถูกบุกรุก
.. ผมแอบทายไว้ก่อนเรื่องโจรขโมย และไม่นานนักบ้านที่ผมเคยอยู่อย่างสงบสุข ก็มีอันถูกขโมยงัดบ้าน
เข้าไปขโมยของในบ้าน แม่บ้านมาเยี่ยมเราที่เมืองไทยทุกปี แต่ปีหลังๆต้องมีคนเฝ้าบ้าน ครับ
อยากบอกว่า การที่บ้านเมืองฝรั่ง ญี่ปุ่น ไม่มีขโมย ไม่ใช่เพราะ ตำรวจมีประสิทธิภาพ
แต่เป็นผลมาจาก สังคมของเขา ถ้าสังคมดี คอยดูแลคนในสังคม ไม่นิ่งดูดาย
ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน ประเทศไหน ก็ไม่ต้องมีรั้วบ้าน
แต่ความสงบสุขมันห่างไกลไปเรื่อยๆ เมื่อมีจำนวนคนในสังคมเพิ่มขึ้น ยิ่งมากเท่าไร สังคมยิ่งแย่ ครับ
แสดงความคิดเห็น
เมืองนอกนี่ บ้านเค้าไม่มีรั้วเหรอครับ...เห็นจากในหนัง
เป็นบ้านเราเสร็จแน่ๆๆ