สมัยมัธยม เป็นเด็กผู้ ญ ตัวดำ หลังแถว ที่แอบชอบรุ่นพี่หน้าหล่อ fc ตรึม แต่ไม่ค่อยมีโอกาสได้รู้จักสนิทสนมกันมากมายเท่าไหร่ จนพี่เค้าจบม.6 ออกไป กาลเวลาทำให้ความรู้สึกดูเลือนลาง แต่เอาจริงๆคือ มันยังไม่หายไป 3ปีผ่านไป เราได้มีโอกาสเจอพี่เค้าอีกครั้งโดยบังเอิญ ในสภาพที่เราเป็นเฟรชชี่ในมหาลัยแห่งหนึ่ง คือเราลืมมมมไปเลยว่าตอนนั้นเค้าสอบติดมหาลัยนี้ เราเจอเค้าตอนเดินสวนทางกันตรงมุมตึก เค้าทักเราก่อน ซึ่งตอนนั้นเราสตั้นอึ้งมาก ที่ได้เจอเค้าอีกครั้งและก็เป็นการเจอที่ไม่ทันตั้งตัว เค้าก็ถามคำถามเบสิก เห่ยเรียนนี่เหรอ สบายดีมั้ย จะไปไหน โชคดีนะ แล้วก็เดินสวนกันไป แต่ระหว่างเราเดินเราก็ยังอึ้งไม่หายกับการเจอกันในครั้งนี้ มันเป็นความรุ้สึกดีใจปนคิดถึงอยู่ลึกๆ วันนั้นมันทำให้เรากลับมาสืบข้อมูลของเค้าอีกครั้งนึง สิ่งที่สืบได้ก็คือ เค้ายังคบกับแฟนคนเก่าสมัยม.ปลายอยู่ ซึ่งพอรู้เรื่องก็จบไป การเจอกันครั้งนี้คือการเจอกันในรั้วมหาลัยครั้งแรกและครั้งเดียว หลังจากนั้นเราก็ไม่ได้เจอกันอีก ระหว่างที่เราเรียนมหาลัยเราก็มีแฟน เราก็ให้ความรักกับแฟนเราดีคบกันหลายปี ซึ่งหลายปีในที่นี่เราก็ไม่ได้คิดถึงหรือโฟกัสพี่เค้าเท่าไหร่ แต่ก็จะมีบ้างที่บางครั้งได้ยินคนเรียกชื่อนี้ขึ้นมา หรือว่าแหงนมองไปตรงหัวนอนแล้วเห็นภาพวาดกลุ่มเค้าที่เราเคยให้เค้าตอนเค้าจบม.6 แต่ก็เป็นแค่บางครั้งเท่านั้น ไม่ได้โฟกัสจริงจัง จนกระทั่ง 3ปี ต่อมาเราไปเล่นสงกรานต์ที่ RCA เราไปเจอกลุ่มเพื่อนเค้าโดยบังเอิญ เราสตั้นอีกครั้งจากที่ไม่เจอคนในแวดวงของเค้ามานาน แต่การเจอครั้งนี้เราเจอแค่เพื่อนเค้าแต่ไม่ได้เจอเค้า เรารู้สึกคิดถึงเค้าขึ้นมาอีกครั้งนึง เลยตามแอดเฟสเพื่อนเค้าที่เราเจอตอนสงกรานต์ และก็ค้นหาเฟสเค้าจากเพื่อนเค้า และเราก็หาเจอ...เปิดหน้าเฟสเค้าค้างอยู่นานพอสมควรว่าเราจะแอดดีมั้ย และเค้าจะจำเราได้รึป่าว เค้าจะรับแอดเรามั้ย และก็แคร์คนข้างๆเราด้วย สารพัดมากความคิดตอนนั้น แต่คือแค่อยากรู้ว่าเค้าเปนยังไงแค่นั้น เลยตัดสินใจกดแอด และผลตอบรับที่ไม่คาดคิดมาไวมากกก เค้ารับแอดเราและก็ที่อึ้งกว่านั้นคือเค้าเข้ามาโพสทักทายเราทันทีที่รับแอด "น้อง......ป่ะเนี่ยยยยยยยยย" (ขอเซนเซอร์ชื่อนะคะ) สิ่งที่เรากังวลในใจหายไปหมดเลย เค้าจำเราได้ เราได้รู้ว่าวันสงกรานต์ในวันนั้นที่เราไม่เจอเค้าเพราะเค้าไปเรียนต่อที่เมกาได้หลายเดือนแล้ว จากการแอดเฟสครั้งนั้นทำให้เราได้มีโอกาสคุยและรู้จักพี่เค้ามากขึ้น มากกว่าแต่ก่อนตอนม.ปลายที่เปนเพียงแค่รุ่นน้องโนบอดี้ ตัวดำยืนหลังเสา แอบมองมอบของเปนพิธี เราคุยในแชทกับเค้าเกือบทุกวัน คุยจากตอนแรกเกรงใจพอเริ่มคุยบ่อยสนิทๆเข้าก็เริ่มคุยกันแบบเหมือนรู้จักกันมานาน คุยมากกว่าตอนมัธยมมากกกกกเราก็พอรู้อยู่ว่าเค้าอาจเหงาเพราะเค้าเพิ่งเลิกกับแฟนตอนมัธยมคนนั้นไปและก็คงกำลังอยู่ในช่วงปรับสภาพที่ต้องไปอยุ่ที่นั่น แต่เราก็ดีใจมากที่เราได้มีโอกาสได้คุยและรุ้จักพี่เค้ามากขึ้น คุยจากแชทก็ลามมาเปนline คุยเกือบทุกวัน ความรู้สึกเราคืนกลับมาหมดเลยสำหรับรุ่นพี่คนนี้ เราเหมือนกลับไปเป็นเด็กมัธยมอีกครั้ง เราคุยกับเค้าผ่านการพิมพ์ตัวอักษรบ้าง ส่ง voice บ้าง โทรบ้างเปนบางครั้ง ติดต่อกันมาเรื่อยๆจนเค้าจะกลับมาพักร้อนที่ไทย เค้าบอกให้เราดีใจอยู่อย่างนึงคือ กลับมาเค้าอาจจะต้องได้มาพบปะกับเราบ้าง ซึ่งตอนเค้ากลับมาการเจอกันของเราคือเรื่องจริง เค้าชวนเราไปกินข้าวบ้าง เที่ยวจตุจักร เที่ยวห้างบ้าง แต่เรายังรุ้สึกเขินอยุ่เลย ปฏิเสธทุกทางไม่กล้าไป อีกอย่างไม่เคยนึกมาก่อนว่าเราจะถูกชวนจากปากพี่เค้าแบบนี้ ถึงดูแล้วมันจะเปนเรื่องธรรมดาแต่สำหรับเราแล้ว เราไม่เคยคิดว่าเราจะมีโอกาสแบบนี้มาก่อน แต่การนัดหมายของเราก็เปนไปตามคาดและไม่อาจหนีพ้น55 เรานัดกับกับพี่เค้าที่แฟชั่น เราไปเลททำให้พี่เค้าต้องรอกินข้าวพร้อมเรา เปนการเจอกันในรอบหลายปี และเปนการเจอกันที่ไม่ใช่ความบังเอิญ และเปนการเจอกันที่ไม่มีเพื่อนเราหรือเพื่อนเค้ามาด้วย เรามาเจอกับพี่เค้าแค่ 2 คน ตื่นเต้นมากกก นี่คือการกินข้าวด้วยกันครั้งแรก บรรยากาศก็ไม่ค่อยเกรงนะเหมือนพี่เหมือนน้องมากินข้าวกัน แต่เราเนี่ยดิ เหมือนฝันและไม่อยากตื่น : ) หลังจากกินข้าวก็พาพี่เค้าไปวัดสายตาซื้อแว่นสายตา เค้าตั้งใจไว้แล้วว่าเค้าจะมาวัดสายตาเปลี่ยนแว่นที่ไทย เราก็ไปช่วยเค้าเลือกเดินวนกันอยุ่หลายร้านจนตกลงปลงใจ และระหว่างที่รอแว่นเราก็พากันไปเดินเล่นรอเวลา รู้สึกทั้งคิดถึงทั้งดีมากกกอะไรหลายอย่าง ตอนกลับพี่เค้าก็ขับรถมาส่ง เวลามันผ่านไปไวมาก เรารู้สึกเหมือนเราฝันไป ฝันทั้งที่ยังตื่น แต่คนที่เสียใจคงเปนแฟนเราถึงเค้าจะรับรุ้และเข้าใจเราทุกอย่างและเรากับพี่เค่ก็ไม่ได้ทำอะไรเสียหาย แต่เราก็รุ้สึกผิดเหมือนกันกับการลืมอดีตของเราไม่เคยได้ เราได้เจอกับพี่เค้าก่อนเค้ากลับเมกา โดยพี่เค้ามารับและก็ไปกินเค้กแถวมอ คุยกันตามสไตล์สบายๆเหมือนเดิม แต่ก็ใจหายอยุ่เหมือนกันที่พี่เค้าจะกลับวันพรุ่งนี้แล้ว พอเค้ากลับเมกาไปเราก็ยังหาเรื่องคุย ติดต่อเค้าอยุ่เหมือนเดิม แต่รุ้สึกมันเริ่มจางลงไป เรารุ้สึกว่าเราเหมือนไม่ได้ฟีลคุยกันเหมือนแต่ก่อน และเราก็ตัดสินใจเลิกกับแฟนเพราะเราคิดว่าเราคงลืมอดีตไม่ได้ เราควรให้โอกาสเค้าในการได้เจอคนใหม่ที่ไม่ต้องทำให้เค้าต้องไม่สบายใจแบบนี้ แต่มันไม่ได้เปนตามคาดนะ เราเลิกกับแฟนมา คิดว่าเหมือนจะทำอะไรก็ได้ที่เปนการเริ่มต้นใหม่ของเราได้มากขึ้น แต่ไม่ใช่เลย เราเลิกกับแฟนมาเรายิ่งดูห่างจากพี่เค้าไปด้วยเช่นเดียวกัน ไม่ใช่ว่าเราคุยไม่ได้นะ ถึงตอนนี้เราจะคิดถึงแต่เค้า แต่เราก็ทำได้แค่นิ่งๆ ไม่กล้าทักสัพเพเหระเหมือนแต่ก่อนด้วยซ้ำ เพราะเราก็ไม่อยากให้เค้ามองเราไม่ดีว่าเลิกกับแฟนแล้วแล้วก็พุ่งหลามาแบบนี้ เราก็คิดอ่านะว่ามันจะดูแย่สำหรับเรา และก็ดูว่าเราดูจริงจังเกินไป หากว่าเค้าคิดกับเราเปนพี่น้องไม่คิดพัฒนาเปนอย่างอื่นแน่ๆ เราเนี่ยแหละจะเปนฝ่ายแพ้ฝ่ายยอมฝ่ายทำลายความสัมพันพี่น้องย่อยยับก็เปนได้ ยิ่งเค้ารู้ว่าเราชอบเค้าเราก็ยิ่งไม่อยากจะทำให้ดูเยอะ ดูน่ารำคาญ แต่การที่เราไม่คุยแบบนี้ จนมันรู้สึกว่าเริ่มห่างๆออกไปไม่ใช่ว่าเราไม่คิดถึงเค้านะ การกลับมาครั้งนี้ทำให้เราสนิทกันมากขึ้นแบบนี้ มันยิ่งทำให้เราลืมเค้า หรือทำให้เค้าจางเหมือนครั้งก่อนๆไม่ได้ คิดถึงก็พูดยาก เราเองก็รุ้ว่าเค้ายังไม่คิดอะไรกับเราตอนนี้ แต่เราก็แอบมีหวังนะ อันนี้พูดตรงๆเลย ว่าเราก็แอบมีหวังว่าเราจะมีโอกาสได้สนิทกันมากกว่านี้มั้ย ทั้งเค้าทั้งเราก็วัยทำงานกันแล้ว ถ้าตอนนี้เค้ายังไม่ได้จริงจังกับใคร หรือว่าเค้าก็ยังเห็นคุณค่าของการรอคอยของเราบ้าง เราจะมีหวังรอได้อยู่มั้ย? ไม่ขอเร่งรัดอะไรแต่เพียงแค่ว่า ถ้าให้มองเราในแบบใหม่ ที่เปนคนที่มีการศึกษาที่ไม่ได้แย่ และก็มีการงาน บุคลิกที่ไม่ได้ดูแย่มากเมื่อเทียบกับเด็กมัธยมตัวดำๆคนนั้น เราจะยังพอมีหวังอยู่มั้ย ไม่เกี่ยงเลยถ้าจะต้องใช้เวลา แต่เพียงแค่ว่าถ้ายังมีหวังอยุ่ เราจะไม่ถอยเลย เราจะรุ้สึกว่าการคิดถึงของเรามันไม่ได้ล่องลอย มันสามารถที่จะเติมให้เต็มได้ซักวัน เราวางตัวไม่ถูกจริงๆตอนนี้ จะไปต่อหรือเงียบแล้วปล่อยให้พออยู่แค่นี้ ยังบอกตัวเองไม่ได้เลย แต่ที่รุ้แน่ๆตอนนี้เลยคือ พี่เค้าคิดกับเราแค่น้อง แค่นั้นจริงไที่รู้ นอกนั้นเรื่องพัฒนาการข้างหน้ายังไม่นึกไม่ออก. แต่เอาจริงๆก็โอเคนะถ้าได้รู้ว่ามันคงจะต้องเปนแบบนี้ แค่นี้ เพราะว่าคิดอยุ่เสมอว่า "เรามาไกลเกินที่เราเคยคิดไว้แล้ว" ก็คงจะไม่เสียใจมากหรอก แต่ก็คงคิดถึงจนเจือจางไปแต่ไม่เลือนหายเหมือนเดิม วัฏจักร : )
ควรพอหรือรอต่อไป?