จริงๆผมอยากจะจั่วหัวแรงกว่านี้ แต่คิดว่าถ้าทำแบบนั้นทีมงานเวปคงลบทิ้งแน่ 555
เกริ่นนำสักหน่อยว่า ผมเป็นสมาชิกทางเวปพันทิปมานมนานแล้วครับ หากจะขอพื้นที่เวปมาบ่นบ้างอะไรบ้างคิดว่าคงไม่มีใครว่ากัน
ผมเป็นคนที่ชอบเขียนคนหนึ่ง มีความใฝ่ฝันอยากเป็นนักเขียนเหมือนหลายๆคนในห้องนี้ แต่ผมไม่เคยพูดจริงๆจังๆว่า ตนเองเป็นนักเขียน เพราะผมรู้สึกก้าวไปยังไม่ถึงจุดนั้น ( ต้องได้ซีไรต์ก่อน เอ๊ย.. เกินไปม้างงง)
การที่จะได้เขียนหนังสือ มันเป็นเรื่องยากนะผมว่า สำหรับบางคน ไหนจะต้องหาสำนักพิมพ์พิจารณา ต้องรอลุ้นว่าต้นฉบับจะผ่านไหม สุดท้ายลงตะกร้า อะไรสารพัด
ดังนั้น พื้นที่ในอินเตอร์เน็ตเนี่ยแหละ สบายสุดแล้ว อยากเขียนอะไรก็เขียน ทุกคนก็คิดแบบนั้น ทุกวันนี้บทความในอินเตอร์เน็ตจึงมีจำนวนมาก และมากกว่าหนังสือในโลกแห่งความจริงเสียอีก
ผมเองก็เป็นคนที่ใช้พื้นที่ในอินเตอร์เน็ตเขียนบทความลง ด้วยความที่ใช้อินเตอร์เน็ตมานาน เริ่มสตาร์ทก่อนใครเพื่อน ผมจึงเขียนไว้มาก บทความของผมจึงมีแพร่หลายในหลายเวป
เขียนจนโดน COPY ไปโพสต์หลายเวปไซต์ ( ซึ่งใครๆก็โดนกันเยอะแยะ) แต่ก็มีหลายเวปที่ให้เครดิต มีทั้งบอกก่อนล่วงหน้า และมีทั้งที่เราไปทักท้วงทีหลัง (ฮา)
ช่วงหลังผมมาเขียนในเวปพันทิป ก็มีคนติดตามเยอะ จนมีการโหวตให้ตลอด บางทีสรุปข่าวอะไรสั้นๆมาลงก็โหวตให้ซะงั้น
ทุกครั้งที่มีคนโหวตให้จนกระทู้ผมขึ้นเป็นกระทู้แนะนำ ผมก็จะจดจำไว้ ด้วยความตราตรึงจิต จนบัดนี้ มีกระทู้ของผมที่ได้ขึ้นเป็นกระทู้แนะนำ 155 ครั้งแล้ว ( ซึ่งมันทำให้ผมตราตรึงใจในเพื่อนๆสมาชิกมาก)
ด้วยความที่โดน COPY เยอะ ก็เลยไม่ค่อยอยากจะเขียน เลิกไปเป็นพักๆ แต่ก็เชื่อว่าทุกคนคงเข้าใจว่า มันหยุดลำบาก 555 ถ้าจะต้องหยุดเขียนไปตลอด สุดท้ายก็ต้องกลับมา
ผมจึงไม่ค่อยได้เขียน หลายคนสังเกตจากกระทู้หลังๆของผมเขาก็รู้ เพราะผมก็แค่นำข่าวสารมาลงเฉยๆ
แต่กระนั้น ก็เหมือนกับว่า
ปัญหาการ COPY ยังคงไม่จบ..
หลายๆคนที่รู้จักผม จะรู้ว่าผมเป็นหนอนหนังสือมาก และก็เข้าร้านหนังสือทุกสัปดาห์ ( บางช่วงผมเข้าทุกวัน)
ผมจึงติดตามการออกของหนังสือได้อย่างรวดเร็วฉับไว บางประเภทผมไม่ค่อยสนใจซื้อ แต่ก็จะคอยดูว่ามีอะไรออกใหม่เสมอ
จนกระทั่งวันหนึ่ง ผมได้พบว่ามีหนังสือหลายเล่ม ที่ออกมาติดๆกัน มีการนำข้อความในบทความที่ผมเขียน เอาไปลง ลงแบบ COPY and PASTE มาเลยทีเดียว ผมพลิกดูหลังเล่มอย่างไว มองหาเครดิตหรือบรรณานุกรม.. หรือ อะไรสักอย่าง ..แต่ก็ไม่มี !
คือผมรู้สึกว่า มันง่ายไปมั้ย หนังสือสมัยนี้เขาทำกันแบบนี้เหรอ แล้วสำนักพิมพ์ก็ไม่รู้จักมีการตรวจสอบใดๆเลยเหรอ
ตอนแรกๆผมว่าจะปล่อยผ่านไป แต่แล้วมันก็หนักข้อทุกวัน ผมจึงตัดสินใจทำอะไรสักอย่าง
ปัญหาที่ผมจะเล่าในกระทู้นี้ ก็คือปัญหาเรื่องนี้แหละครับ..
แต่ผมจะเล่าแค่ปัญหาของเล่มหนึ่งเล่มเดียวก่อน เพราะมันมีปัญหามากที่สุด
หนังสือเล่มนี้ เรียกได้ว่าลอกผมมาทั้งดุ้นเลย เกือบทั้งเล่ม
คือสามารถเอาชื่อผมไปใส่แทนได้เลย
กรณีของเล่มนี้ ผมได้ติดต่อไปทางสำนักพิมพ์ของหนังสือเล่มนี้ก่อน ทางสำนักพิมพ์ค่อนข้างแสดงตนว่าเป็นปัญหาของผมกับผู้เขียนหนังสือเล่มนั้น แต่ก็พยายามจะขอรอมชอม ( ซึ่งมันมาแบบนี้อยู่แล้ว)
ผมเองก็ได้ปรึกษาตำรวจและเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องจำนวนหนึ่ง และก็เตรียมความพร้อมไว้หมดกรณีฟ้องร้องเรื่องละเมิดลิขสิทธิ์
แต่ทางสำนักพิมพ์และคนเขียนคนนั้น ก็มีการขอโทษขอโพยมา ต่างๆนาๆ จนผมเองก็ขี้เกียจจะเอาความ ครับ..และสุดท้าย ผมก็ไม่ได้เอาความอะไร เพราะคำขอโทษต่างๆนาๆที่ทางสำนักพิมพ์และคนเขียนกวาดใส่ผม
ช่วงนั้นเป็นช่วงที่ผมมีปัญหาอะไรมากในชีวิตส่วนตัว ความรู้สึกตอนนั้นคือมันยุ่ง ไม่อยากจะเพิ่มภาระอะไร ผมเลยตัดสินใจให้ทางสำนักพิมพ์ทำหนังสือถึงผมครับ ว่า จะไม่มีการขายเพิ่มอีก ให้เก็บจากแผงตลาดให้หมด และไม่มีการตีพิมพ์อีกแล้ว และผมก็จะไม่มาต่อล้อต่อเถียงกรณีนี้
ทางสำนักพิมพ์ก็ยอม
และก็ดูเหมือนจะจบไป...
มันก็คงจะจบไปแหละครับ ถ้าผมไม่ได้ไปเดินงานสัปดาห์หนังสือ แล้วเห็นมันวางขายอยู่อย่างพริ้มเลยทีเดียว... โดยเป็นบูธของทางสำนักพิมพ์เองด้วย
สำนักพิมพ์เลว สมชื่อกระทู้มั้ยครับ...
TIPS: ถ้าใครอยู่ในวงการกฎหมายคงทราบกฎ 3 เดือนดี ใช่ครับ..ผมก็รู้ และก็หวั่นมาตลอด ไม่คิดว่าพอพ้น 3 เดือน ก็เล่นแบบนี้เลย
ผมไม่ได้โวยในบูธครับ เพราะมีแต่ลูกจ้าง พนักงานที่ไม่รู้เรื่องอะไร และผมก็เดินงานหนังสือมาทั้งวันแล้ว เหนื่อยมาก
ผมเบื่อมากมากครับ ถ้ามีเรื่องแบบนี้อีก ผมจะไม่คุยแล้วนะครับ จะไม่มีการเจรจาใดๆทั้งสิ้น
ผมจะฟ้องร้องเอาผิด ให้มีโทษตามที่กฎหมายบัญญัติไว้สูงสุด อย่างเดียวเลย
แล้วอย่าหาว่าไม่เตือนนะครับ
ถือว่าเตือนแล้ว
Mr.Terran
๒ เมษายน ๒๕๕๗
๒๑.0๙ น.
สำนักพิมพ์เลว
เกริ่นนำสักหน่อยว่า ผมเป็นสมาชิกทางเวปพันทิปมานมนานแล้วครับ หากจะขอพื้นที่เวปมาบ่นบ้างอะไรบ้างคิดว่าคงไม่มีใครว่ากัน
ผมเป็นคนที่ชอบเขียนคนหนึ่ง มีความใฝ่ฝันอยากเป็นนักเขียนเหมือนหลายๆคนในห้องนี้ แต่ผมไม่เคยพูดจริงๆจังๆว่า ตนเองเป็นนักเขียน เพราะผมรู้สึกก้าวไปยังไม่ถึงจุดนั้น ( ต้องได้ซีไรต์ก่อน เอ๊ย.. เกินไปม้างงง)
การที่จะได้เขียนหนังสือ มันเป็นเรื่องยากนะผมว่า สำหรับบางคน ไหนจะต้องหาสำนักพิมพ์พิจารณา ต้องรอลุ้นว่าต้นฉบับจะผ่านไหม สุดท้ายลงตะกร้า อะไรสารพัด
ดังนั้น พื้นที่ในอินเตอร์เน็ตเนี่ยแหละ สบายสุดแล้ว อยากเขียนอะไรก็เขียน ทุกคนก็คิดแบบนั้น ทุกวันนี้บทความในอินเตอร์เน็ตจึงมีจำนวนมาก และมากกว่าหนังสือในโลกแห่งความจริงเสียอีก
ผมเองก็เป็นคนที่ใช้พื้นที่ในอินเตอร์เน็ตเขียนบทความลง ด้วยความที่ใช้อินเตอร์เน็ตมานาน เริ่มสตาร์ทก่อนใครเพื่อน ผมจึงเขียนไว้มาก บทความของผมจึงมีแพร่หลายในหลายเวป
เขียนจนโดน COPY ไปโพสต์หลายเวปไซต์ ( ซึ่งใครๆก็โดนกันเยอะแยะ) แต่ก็มีหลายเวปที่ให้เครดิต มีทั้งบอกก่อนล่วงหน้า และมีทั้งที่เราไปทักท้วงทีหลัง (ฮา)
ช่วงหลังผมมาเขียนในเวปพันทิป ก็มีคนติดตามเยอะ จนมีการโหวตให้ตลอด บางทีสรุปข่าวอะไรสั้นๆมาลงก็โหวตให้ซะงั้น
ทุกครั้งที่มีคนโหวตให้จนกระทู้ผมขึ้นเป็นกระทู้แนะนำ ผมก็จะจดจำไว้ ด้วยความตราตรึงจิต จนบัดนี้ มีกระทู้ของผมที่ได้ขึ้นเป็นกระทู้แนะนำ 155 ครั้งแล้ว ( ซึ่งมันทำให้ผมตราตรึงใจในเพื่อนๆสมาชิกมาก)
ด้วยความที่โดน COPY เยอะ ก็เลยไม่ค่อยอยากจะเขียน เลิกไปเป็นพักๆ แต่ก็เชื่อว่าทุกคนคงเข้าใจว่า มันหยุดลำบาก 555 ถ้าจะต้องหยุดเขียนไปตลอด สุดท้ายก็ต้องกลับมา
ผมจึงไม่ค่อยได้เขียน หลายคนสังเกตจากกระทู้หลังๆของผมเขาก็รู้ เพราะผมก็แค่นำข่าวสารมาลงเฉยๆ
แต่กระนั้น ก็เหมือนกับว่า
ปัญหาการ COPY ยังคงไม่จบ..
หลายๆคนที่รู้จักผม จะรู้ว่าผมเป็นหนอนหนังสือมาก และก็เข้าร้านหนังสือทุกสัปดาห์ ( บางช่วงผมเข้าทุกวัน)
ผมจึงติดตามการออกของหนังสือได้อย่างรวดเร็วฉับไว บางประเภทผมไม่ค่อยสนใจซื้อ แต่ก็จะคอยดูว่ามีอะไรออกใหม่เสมอ
จนกระทั่งวันหนึ่ง ผมได้พบว่ามีหนังสือหลายเล่ม ที่ออกมาติดๆกัน มีการนำข้อความในบทความที่ผมเขียน เอาไปลง ลงแบบ COPY and PASTE มาเลยทีเดียว ผมพลิกดูหลังเล่มอย่างไว มองหาเครดิตหรือบรรณานุกรม.. หรือ อะไรสักอย่าง ..แต่ก็ไม่มี !
คือผมรู้สึกว่า มันง่ายไปมั้ย หนังสือสมัยนี้เขาทำกันแบบนี้เหรอ แล้วสำนักพิมพ์ก็ไม่รู้จักมีการตรวจสอบใดๆเลยเหรอ
ตอนแรกๆผมว่าจะปล่อยผ่านไป แต่แล้วมันก็หนักข้อทุกวัน ผมจึงตัดสินใจทำอะไรสักอย่าง
ปัญหาที่ผมจะเล่าในกระทู้นี้ ก็คือปัญหาเรื่องนี้แหละครับ..
แต่ผมจะเล่าแค่ปัญหาของเล่มหนึ่งเล่มเดียวก่อน เพราะมันมีปัญหามากที่สุด
หนังสือเล่มนี้ เรียกได้ว่าลอกผมมาทั้งดุ้นเลย เกือบทั้งเล่ม
คือสามารถเอาชื่อผมไปใส่แทนได้เลย
กรณีของเล่มนี้ ผมได้ติดต่อไปทางสำนักพิมพ์ของหนังสือเล่มนี้ก่อน ทางสำนักพิมพ์ค่อนข้างแสดงตนว่าเป็นปัญหาของผมกับผู้เขียนหนังสือเล่มนั้น แต่ก็พยายามจะขอรอมชอม ( ซึ่งมันมาแบบนี้อยู่แล้ว)
ผมเองก็ได้ปรึกษาตำรวจและเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องจำนวนหนึ่ง และก็เตรียมความพร้อมไว้หมดกรณีฟ้องร้องเรื่องละเมิดลิขสิทธิ์
แต่ทางสำนักพิมพ์และคนเขียนคนนั้น ก็มีการขอโทษขอโพยมา ต่างๆนาๆ จนผมเองก็ขี้เกียจจะเอาความ ครับ..และสุดท้าย ผมก็ไม่ได้เอาความอะไร เพราะคำขอโทษต่างๆนาๆที่ทางสำนักพิมพ์และคนเขียนกวาดใส่ผม
ช่วงนั้นเป็นช่วงที่ผมมีปัญหาอะไรมากในชีวิตส่วนตัว ความรู้สึกตอนนั้นคือมันยุ่ง ไม่อยากจะเพิ่มภาระอะไร ผมเลยตัดสินใจให้ทางสำนักพิมพ์ทำหนังสือถึงผมครับ ว่า จะไม่มีการขายเพิ่มอีก ให้เก็บจากแผงตลาดให้หมด และไม่มีการตีพิมพ์อีกแล้ว และผมก็จะไม่มาต่อล้อต่อเถียงกรณีนี้
ทางสำนักพิมพ์ก็ยอม
และก็ดูเหมือนจะจบไป...
มันก็คงจะจบไปแหละครับ ถ้าผมไม่ได้ไปเดินงานสัปดาห์หนังสือ แล้วเห็นมันวางขายอยู่อย่างพริ้มเลยทีเดียว... โดยเป็นบูธของทางสำนักพิมพ์เองด้วย
สำนักพิมพ์เลว สมชื่อกระทู้มั้ยครับ...
TIPS: ถ้าใครอยู่ในวงการกฎหมายคงทราบกฎ 3 เดือนดี ใช่ครับ..ผมก็รู้ และก็หวั่นมาตลอด ไม่คิดว่าพอพ้น 3 เดือน ก็เล่นแบบนี้เลย
ผมไม่ได้โวยในบูธครับ เพราะมีแต่ลูกจ้าง พนักงานที่ไม่รู้เรื่องอะไร และผมก็เดินงานหนังสือมาทั้งวันแล้ว เหนื่อยมาก
ผมเบื่อมากมากครับ ถ้ามีเรื่องแบบนี้อีก ผมจะไม่คุยแล้วนะครับ จะไม่มีการเจรจาใดๆทั้งสิ้น
ผมจะฟ้องร้องเอาผิด ให้มีโทษตามที่กฎหมายบัญญัติไว้สูงสุด อย่างเดียวเลย
แล้วอย่าหาว่าไม่เตือนนะครับ
ถือว่าเตือนแล้ว
Mr.Terran
๒ เมษายน ๒๕๕๗
๒๑.0๙ น.