บันทึกของพาพัน@pantip ตอน Dyeing การย้อมสี กลวิธีดึงสีสันจากธรรมชาติ

สวัสดีเพื่อนๆ พี่ๆ ชาวพันทิปครับ
พาพันชอบ

กลับมาพบกับความรู้ดีๆ ในซีรี่ย์ “Scrap Design” ที่พาพันขนความรู้เรื่องการแปลงวัสดุเหลือใช้ให้เป็นของมีค่ามาฝากเพื่อนๆ พี่ๆ อีกเช่นเคยครับ  วันนี้เป็นตอนที่ 3 แล้วครับ พาพันจะมาแบ่งปันเรื่อง “การย้อมสี” ให้พี่ๆได้รู้จักกัน  ตามมาทางนี้เลยครับ
พาพันอาบน้ำพาพันอาบน้ำ

ติดตามกระทู้ที่ผ่านมา คลิกเลยครับ
ตอนที่ 1 บันทึกของพาพัน@pantip ตอน วิชาออกแบบเศษวัสดุเหลือใช้
ตอนที่ 2 บันทึกของพาพัน@pantip ตอน เทคโนโลยีบรรจุภัณฑ์กับเส้นใยธรรมชาติ วิชา Scrap Design

เมื่อเรามองดูรอบตัวเรา  เสื้อผ้าที่เราใส่  ผ้าม่านในห้องนอน  ผ้าปูเตียง  ผ้าสารพัดผ้าต่างๆ ที่มีสีสันสวยงาม  สีสันเหล่านี้ได้มาจากการย้อมครับ  พาพันไม่เคยย้อมผ้า  นี่จึงเป็นความรู้ใหม่ที่พาพันไม่รอช้า  เตรียมสมุดปากกาพร้อมกล้องคู่ใจ  มาเตรียมรอฟังบรรยายในวิชานี้ครับ
พาพันขยันพาพันขยัน


วันนี้เราได้ อาจารย์รุ่งทิพย์ ลุยเลา  อาจารย์จากภาควิชาคหกรรมศาสตร์  คณะเกษตร  มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์มาให้ความรู้เรื่องการย้อมสีกับพวกเราครับ  อาจารย์รุ่ง อธิบายให้พวกเราฟังว่า  ทุกอย่างในธรรมชาติสามารถให้สีได้  ถ้าเพื่อนๆ พี่ๆ มองออกไปในธรรมชาติ  เราจะเห็นต้นไม้  พืชผลต่างๆ  ซึ่งต้นไม้เหล่านี้สามารถให้สีได้ทั้งหมด  โดยในต้นไม้แต่ละชนิดจะมีองค์ประกอบของสารบางอย่างที่จะให้สีบางอย่างแตกต่างกันครับ ถ้าอยากรู้ว่าต้นไหนให้สีอะไร  อันนี้ต้องลองไปทดลองกันดูครับ
พาพันซนพาพันซน

ต้นไม้ 1 ต้น  เราสามารถสกัดสีได้จากทุกส่วนของต้นไม้เลยครับ  พาพันขอย้ำอีกครั้งครับว่า  จากทุกส่วนของต้นไม้  ไม่ว่าจะเป็น  ใบไม้  กิ่งไม้  ดอกไม้  เปลือกไม้  แก่นไม้  ผล  เมล็ด  และไม่ว่าส่วนๆนั้นจะยังติดอยู่กับต้นไม้  หรือร่วงออกมาจากต้นไม้แล้วก็สามารถสกัดสีได้ครับ  โดยใบไม้สดกับใบไม้แห้งก็ให้สีที่ต่างกันแม้จะเป็นชนิดเดียวกัน  และจากส่วนต่างๆ ก็ให้สีต่างกัน  และให้สีที่มากน้อยต่างกันด้วยครับ

ในส่วนเปลือกไม้  สีที่ได้จากเปลือกไม้จะเปลี่ยนไปตามปัจจัยหลายๆ อย่าง  เช่น  ฤดูกาล  อายุของต้นไม้  สภาพดิน  สภาพอากาศ และปุ๋ยที่ใส่  โดยปัจจัยที่สำคัญที่สุดคือฤดูกาลครับ  เพราะบางฤดู  เปลือกไม้อาจไม่ให้สี  เพราะน้ำในเปลือกไม้ระเหยออกไปหมด  ดังนั้นเราจึงควรศึกษาส่วนของต้นไม้ว่าให้สีในฤดูไหน  

เกร็ดความรู้ครับ  เพื่อนๆ พี่ๆ ทราบหรือไม่ครับว่าลำต้นของต้นไม้ให้สีเข้มมากกว่าส่วนดอกครับ อย่างเช่น ต้นนนทรี ที่ลำต้นให้สีมากกว่าดอก และต้นเข็ม  ส่วนที่ให้สีคือลำต้น  ไม่ใช่ส่วนดอก
พาพันรดน้ำต้นไม้พาพันรดน้ำต้นไม้

ในการนำส่วนต่างๆ ของต้นไม้มาสกัดสี  เมื่อเราศึกษาแล้วว่าส่วนไหนของต้นไม้ให้สีในฤดูไหน  สิ่งที่เราควรทำคือลิดหรือเด็ดส่วนนั้นมาใช้  จากนั้นก็ปล่อยให้ต้นไม้รักษาตัวเองและงอกใหม่ผลิใหม่ไปเรื่อยๆ  ไม่จำเป็นที่เราจะต้องโค่นต้นไม้ทิ้งเลยครับ  
และเนื่องจากโจทย์ในการผลิตชิ้นงานในเทอมนี้คือ ขยะอาหาร โดยจะมีส่วนของเปลือกผลไม้ ก้านผัก ซึ่งสามารถนำมาสกัดสีไปใช้  และกากที่ได้ก็สามารถนำไปผลิตงานต่อได้ด้วย

ตัวอย่างพืชที่นำมาสกัดสีอยู่แล้ว  อัญชันและขมิ้น  ซึ่งทั้งสองอย่างนี้สามารถนำมาสกัดสีได้ทั้งตอนสดและแห้ง


ฝาง สมัยก่อนสกัดสีใส่ในน้ำดื่ม  ปัจจุบันกลายเป็นเครื่องสำอาง ซึ่งก็คือ น้ำยาอุทัยที่เราเห็นวัยรุ่นนำมาทาปาก  ทาแก้ม  
กาบมะพร้าว  กาบมะพร้าวสดจะสกัดสีง่ายเพราะมีน้ำเยอะ  กาบมะพร้าวแห้งจะต้องใช้ปริมาณจำนวนมากในการสกัดสีเนื่องจากมีน้ำหนักเบา

พาพันปั่นจักรยานพาพันปั่นจักรยาน

ในการย้อมสี  ผ้าที่เรานำมาย้อมจะต้องเป็นผ้าที่มีเส้นใยจากธรรมชาติ  เช่น  ผ้าไหม  ผ้าฝ้าย  ผ้าลินิน  ผ้าขนสัตว์  และไม่ได้จำกัดแค่ผ้าเท่านั้นนะครับ  เรายังสามารถย้อมกระดาษ  และเส้นใยอื่นๆที่มาจากธรรมชาติได้ทั้งหมด  เช่น  ปอ  ป่าน  เป็นต้น  โดยมีเงื่อนไขเพียงอย่างเดียวว่าสิ่งที่นำมาย้อมจะต้องมาจากธรรมชาติเท่านั้น  พวกวัสดุสังเคราะห์  อย่างเช่น  ผ้าโพลีเอสเตอร์นั้น  จะไม่สามารถย้อมได้อย่างเด็ดขาด  เพราะเป็นเส้นใยที่ทำจากพอลิเมอร์ (พลาสติก)  มันจึงไม่มีองค์ประประกอบของสารเคมีที่จะไปจับกัน  ดังนั้นจึงไม่สามารถย้อมได้ครับ  


เมื่อเราพอจะเห็นภาพแล้วว่าพืชชนิดใดสามารถนำมาสกัดสีได้  ต่อมาเราลองมาดูกระบวนการย้อมสีกันครับ  โดยกระบวนการย้อมสีจะมีทั้งหมด 4 ขั้นตอน

อุปกรณ์ในการย้อมผ้าที่ต้องเตรียมครับ

  

ขั้นตอนที่ 1 เป็นการเตรียมก่อนการย้อมสี โดยการทำความสะอาดผ้าที่จะนำมาย้อมครับ ตอนนี้คงมีคำถามว่าทำไมต้องทำความสะอาดผ้าก่อนที่จะนำมาย้อม ก็เพราะว่าปกติการการวางขาย ผ้าจะถูกลงด้วยแป้งมันก่อนครับ นอกจากนี้ผ้าอาจเปื้อนน้ำมัน
หรือสิ่งสกปรกอื่นๆ ซึ่งสิ่งเหล่านี้จะเป็นตัวขัดขวางไม่ให้สีซึมเข้าสู่เนื้อผ้า ดังนั้นเราจึงต้องทำความสะอาดก่อน

สารเคมีที่ใช้ในการทำความสะอาดจะแยกตามชนิดของผ้า เป็น 2 ชนิดครับ ชนิดแรกเป็นสารที่ใช้ทำความสะอาดพวกผ้าผ้าจากใยโปรตีน  เช่น ผ้าไหม  สารที่ใช้มี Wetting Agent  ซึ่งก็คือพวกสบู่เหลวอ่อนๆ  หรือน้ำยาล้างจานครับ  ไม่ใช่สิ่งที่หายากหรือดูไกลตัวเลย  หรือ Soda ash หรือที่เราคุ้นชื่อกันว่า ปูนขาว

ผ้าชนิดที่สองคือ ผ้าจากเซลลูโลส  เช่น ผ้าลินิน ผ้าฝ้าย ครับ  เนื่องจากมีเซลลูโลสเยอะ  สารเคมีที่นำมาทำความสะอาดจึงต้องมีความเข้มข้นครับ  ซึ่งสารที่ว่าคือ NaOH หรือ โซเดียมไฮดรอกไซด์  หรือ ไฮเตอร์ที่พวกเรารู้จักกันครับ  การทำความสะอาดทำได้โดยนำผ้าไปต้มกับสารเคมีดังกล่าว  โดยต้มที่อุณหภูมิ 90 องศาสเซลเซียส  หรือเอาแบบเดือดแต่ไม่ถึงขั้นเดือดเป็นฟองปุดๆ ครับ  ใช้เวลา 30-60 นาที  ตามความสกปรกของผ้าครับ
พาพันยิ้มพาพันยิ้ม


ต่อมาขั้นตอนที่ 2  ในการย้อมสี คือ การเตรียมสกัดสี  ซึ่งสีที่ใช้มี 2 แบบครับ  คือ แบบแห้งและแบบสด  (เอะ! อะไรๆ ก็ 2 แบบไปหมด) ในขั้นตอนนี้จะมีความแตกต่างกันของแบบแห้งและแบบสดตรงที่ปริมาณน้ำที่ผสมครับ  โดยแบบแห้งต้องผสมน้ำเยอะๆ ในอัตราส่วน ของที่นำมาสกัด 1 ส่วนต่อ น้ำ 20 ส่วน  เพื่อให้ได้สีออกมา  แต่แบบสดไม่จำเป็นต้องใช้น้ำเยอะ  เพราะมีน้ำอยู่ในส่วนที่จะนำมาสกัดสีอยู่แล้ว จึงใช้อัตราส่วน ของที่นำมาสกัด 1 ส่วนต่อ น้ำ 5 ส่วน  เมื่อผสมน้ำแล้วจึงต้ม  โดยใช้เวลา 1 ชั่วโมง  ระหว่างนั้นให้คนไปเรื่อยๆ  เมื่อต้มเสร็จให้กรองเอาเฉพาะน้ำเพื่อนำไปย้อมสีในขั้นตอนต่อไปครับ
พาพันขยันพาพันขยัน


ขั้นตอนที่ 3 ย้อมสี  โดยในขั้นตอนนี้สามารถย้อมได้ 2 แบบคือ แบบเย็น  และแบบร้อน โดยการย้อมแบบเย็น  ใช้เวลาประมาณ 60 นาที  ส่วนแบบร้อนให้ใช้อุณหภูมิ 70-80 องศาเซลเซียส  โดยต้มเป็นระยะเวลา 30 นาที  โดยในระหว่างการย้อมให้พลิกผ้าไปเรื่อยๆ  เพื่อให้สีซึมเข้าสู่เนื้อผ้า  ให้ได้สีที่สม่ำเสมอกัน  และในขั้นตอนนี้สามารถสร้างลวดลายกับผ้าได้เลย  และเมื่อเสร็จขั้นตอนนี้จะถือว่าเสร็จกระบวนการย้อมก็ได้ครับ  แต่จริงๆยังมีอีก 1 ขั้นตอนที่เป็นการเคลือบและรักษาสีให้ติดทนครับ เราไม่อยากให้สีตก ก็ต้องทำขั้นต่อไปนะครับ
พาพันไฟท์ติ้งพาพันไฟท์ติ้ง


ขั้นตอนที่ 4 ขั้นตอน Mordanting   หรือการ fix สี คือ การรักษาสีให้ติดทน และเป็นการเปลี่ยนสีจากที่เราย้อมให้เป็นสีที่เราต้องการ  โดยใช้ สารที่ชื่อว่า Mordant คือสารที่เอาไว้ยึดเกาะระหว่างสีกับโมเลกุลของผ้า ซึ่งสารนี้จะมีความเป็น กรด-ด่าง ตามสารที่ใช้ เช่น  ปูนขาว เป็นด่าง  สารส้ม เป็นกรด  น้ำสนิม เป็นกรด  มะนาว มะขามเปียก เป็นกรด  ขี้เถ้า  เป็นด่าง  ซึ่งความเป็นกรด ด่าง จะให้สีต่างกันแม้เราจะเอาผ้าที่ย้อมจากสีเดียวกันไปชุบครับ  อันนี้ต้องลองดูว่าแบบไหนจะได้สีอะไร

เมื่อทำครบทั้ง 4 ขั้นตอน  เท่านี้ก็เป็นอันเสร็จกระบวนการย้อมอย่างสมบูรณ์แล้วละครับ

พาพันดี๊ด๊าพาพันดี๊ด๊า


อันนี้เป็นการย้อมสีของชาวต่างชาติครับ  โดยการนำเอาส่วนต่างๆ ของหัวหอมใหญ่มาย้อมสีครับ  สีที่ได้จะเป็นแบบนี้เลย
ที่มา : http://www.folkfibers.com/blogs/news/6652230-natural-dyes-yellow-onion-skins

พอจบการอธิบายเรื่องการย้อมสีแล้ว  อาจารย์รุ่งและอาจารย์สิงห์ มีผลงานทดลองการออกแบบเศษอาหารให้เป็นชิ้นงานมาให้พวกเราดูกันครับ  เพื่อนๆ พี่ๆ ลองทายกันดูครับว่ารูปข้างล่างมันคืออะไร

ท้าดา....  นี่คือส้มครับ  เป็นเปลือกส้มที่นำไปอบ  รูปแรกมีรูปร่างเหมือนชามเล็กๆ หรือกระถางเลยครับ  ส่วนลูกที่สองอาจารย์รุ่งกับอาจารย์สิงห์ ต้องยัดโครงลวดในเปลือกส้ม เพื่อรักษารูปทรงกลมของส้มไว้


ว่าแต่  รูปต่อไป  เพื่อนๆ พี่ๆ จะนึกออกไหมหนอว่ามันคืออะไร

เฉลย.... มันคือเปลือกส้มโอ   เปลือกส้มโอกลับด้านครับ  เอาไปอบเช่นกัน  อันนี้ยังอบไม่นานพอ เลยยังไม่แห้งเท่าไหร่ แต่ผิวสัมผัสเท่ห์ มากๆ เลยครับ หลายคนอาจสงสัยว่าอาจารย์เอามาให้ดูทำไม  ...อาจารย์เอามาให้ดูเป็นไอเดียหน่ะครับ  ผลไม้ที่เราทาน  เพียงแค่แกะดีๆ  แล้วเอาไปอบ  รูปร่างมันออกมาสวยสุดๆ เลย  ทีนี้ก็เหลือแค่เอาไปพัฒนาต่อเป็นผลิตภัณฑ์ละครับ

วันนี้พาพันก็ยังตื่นตาตื่นใจ  เรียนไปแอบมีเสียงหูวววว  โหววว  แปลกใจกับสิ่งใหม่ที่ยังไม่เคยรู้  พาพันสนุกมากเลยครับ  และแน่นอนพาพันไม่ลืมสัญญาเรื่องผลงานของพี่ๆ นักศึกษา  แต่คาดว่ากระทู้ต้องยาวแน่ๆ  พาพันขอแยกไปอีกกระทู้นึงละกันนะครับ
พาพันขอบคุณพาพันขอบคุณ

ท้ายกระทู้นี้น้องพาพันขอขอบคุณอาจารย์รุ่งทิพย์ ลุยเลา และอาจารย์สิงห์ อินทรชูโต ที่ให้พาพันมานั่งฟังเก็บความรู้มาฝากเพื่อนๆ พี่ๆ ชาวพันทิปคร้าบบ บ้ายบาย พาพันลาไปก่อน ตามกันต่อกระทู้หน้าเลย  สวัสดีครับ
พาพันชอบพาพันชอบ

แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่