ถ้าเอ่ยถึงพิธีกรโทรทัศน์ที่ไม่ให้เกียรติผู้ร่วมรายการและมารยาททรามแบบถ่อยได้โล่ห์
คงไม่พ้นชื่อ
"สุทธิชัย หยุ่น"
ยังจำได้ติดตาเมื่อสิบกว่าปีก่อนที่หยุ่นเชิญรองประธานอุตสาหกรรมมาออกรายการของตนเอง
ตอนนั้นหยุ่นโจมตีรัฐบาลเชาวลิตสุดตัว เล่นงานทุกทางด้วยสื่อในมือกะจะล้มให้ได้
หยุ่นพยายามบีบและต้อนให้ผู้ร่วมรายการท่านนั้นดิสเครดิตรัฐบาลเชาวลิตให้ได้
เมื่อเขาปฏิเสธที่จะพูด เราจึงได้เห็นอาการที่เรียกว่า
"สำราก"
นา ๆ ถ้อยคำที่ประเคนให้กับผู้ร่วมรายการทั้งคำ ขี้ขลาด ปอด รับใช้ ฯลฯ ตามแต่สันดานดิบจะขับดันให้ถ่มทุ๋ยออกมา
ทั้ง ๆ ที่ผู้ร่วมรายการวันนั้นเป็นอาจารย์พิเศษของมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง และวันนั้นได้นำนักศึกษาเขาไปฟังในรายการด้วย
แต่หยุ่นกลับพูดกับแขกรับเชิญแบบไม่ไว้หน้าและไม่ให้เกียรติเลยแม้แต่น้อย
แทบไม่น่าเชื่อว่านั่นคือพิธีการรายการทีวีนึกว่ากุ้ยกลางสลัม
(คนสลัมส่วนใหญ่ก็เป็นคนดีนะครับ แต่อาการที่หยุ่นแสดงออกนั้นจัดอยู่ในประเภทกุ้ย)
และนับครั้งไม่ถ้วนที่หยุ่นแสดงอาการแบบนั้นออกมาจนเป็นสัญลักษณ์ประจำตัวหรือที่เรียกว่า
"สันดาน"
มาครั้งนี้เมื่อหยุ่นได้สัมภาษณ์ท่านทูตคริสตี้
ก็ไม่ลืมที่โชว์ความ
กาก ประจำตัวออกมา
นั่นคือการ ต้อน บีบคั้น ยัดเยียด ให้ผู้ร่วมรายการพูดในทิศทางหรือเกมที่ตนกำหนดไว้
คงคิดว่าเท่ห์ ... แต่งานนี้ใช้ไม่ได้กับท่านทูตคริสตี้
ดังนั้นสิ่งที่เราได้เห็นคือการดับอนาถของสุทธิชัย หยุ่น ผ่านบทสัมภาษณ์
แทนที่จะเป็นอินทรีย์ของวงการสื่อกลับเป็นได้แค่อีแร้งหัวล้าน
ซึ่งก็ได้แต่สลดแทนเครือเนชั่นที่มีผู้ก่อตั้งที่มีกิริยาทรามและสมองชักโครกแบบนี้
บทสัมภาษณ์นี้ผู้สัมภาษณ์ไม่ได้ให้อะไรที่ดีกับสังคมเลย
ไม่ว่าจะเป็นการค้นหาความจริง ความเป็นมืออาชีพ จรรยาบรรณวิชาชีพ หรือการพยายามรักษาความเป็นกลางระหว่างการสัมภาษณ์
สิ่งที่โชว์ออกมาก็แค่กิริยาของพิธีกรรายการโทรทัศน์ของประเทศด้อยพัฒนาที่พยายามต้อนทูตสหรัฐ
และถูกสอนมวย โชว์เหนือ และอบรม ด้วยคำตอบที่ฉลาด มีมารยาทเยี่ยงคนที่มีการศึกษาและได้รับการพัฒนาแล้ว
น่าอายจริง ๆ สุทธิชัย หยุ่น
และที่อุจาดสุด ๆ คือการพยายามยัดคำพูดเข้าปากแขกรับเชิญ
ซึ่งได้รับการตอบกลับแบบคนมีอารยธรรม ถ้าเป็นคนไทยก็เรียกว่าตำหนิด้วยหางตานั่นเอง
ซึ่งถ้าคนมียางอายและมีการศึกษาหน้าไม่ด้านพอคงแทบมุดรูหนี
แต่ไม่แน่ว่าคนหน้าด้านใช้ไขสันหลังสั่งการแทนสามัญสำนึกเยี่ยงหยุ่นจะรู้สึกหรือไม่
ถ้าภาษานังเลงสมัยก่อนอาการที่ท่านทูตคริสตี้สอนมวยหยุ่นเขาเรียกว่า
"ขยี้ด้วยส้นเกือก"
แต่ด้วยความที่ท่านทูตเป็นสุภาพสตรี กรณีนี้จึงขอเรียกว่า
"การตอกด้วยส้นสูง"
ขอเชิญทัศนาบทสัมภาษณ์ทูตอเมริกาสอนมวยสื่อขยะได้ที่ลิงค์นี้ครับ
http://www.komchadluek.net/detail/20140330/181918.html#.UzmusfldXxw
สันดานยากกลับกลายของโล้นเนชั่น และเมื่อ สุทธิชัย หยุ่น เจอส้นสูงทูตคริสตี้ตอกหน้าหงาย
คงไม่พ้นชื่อ "สุทธิชัย หยุ่น"
ยังจำได้ติดตาเมื่อสิบกว่าปีก่อนที่หยุ่นเชิญรองประธานอุตสาหกรรมมาออกรายการของตนเอง
ตอนนั้นหยุ่นโจมตีรัฐบาลเชาวลิตสุดตัว เล่นงานทุกทางด้วยสื่อในมือกะจะล้มให้ได้
หยุ่นพยายามบีบและต้อนให้ผู้ร่วมรายการท่านนั้นดิสเครดิตรัฐบาลเชาวลิตให้ได้
เมื่อเขาปฏิเสธที่จะพูด เราจึงได้เห็นอาการที่เรียกว่า "สำราก"
นา ๆ ถ้อยคำที่ประเคนให้กับผู้ร่วมรายการทั้งคำ ขี้ขลาด ปอด รับใช้ ฯลฯ ตามแต่สันดานดิบจะขับดันให้ถ่มทุ๋ยออกมา
ทั้ง ๆ ที่ผู้ร่วมรายการวันนั้นเป็นอาจารย์พิเศษของมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง และวันนั้นได้นำนักศึกษาเขาไปฟังในรายการด้วย
แต่หยุ่นกลับพูดกับแขกรับเชิญแบบไม่ไว้หน้าและไม่ให้เกียรติเลยแม้แต่น้อย
แทบไม่น่าเชื่อว่านั่นคือพิธีการรายการทีวีนึกว่ากุ้ยกลางสลัม
(คนสลัมส่วนใหญ่ก็เป็นคนดีนะครับ แต่อาการที่หยุ่นแสดงออกนั้นจัดอยู่ในประเภทกุ้ย)
และนับครั้งไม่ถ้วนที่หยุ่นแสดงอาการแบบนั้นออกมาจนเป็นสัญลักษณ์ประจำตัวหรือที่เรียกว่า "สันดาน"
มาครั้งนี้เมื่อหยุ่นได้สัมภาษณ์ท่านทูตคริสตี้
ก็ไม่ลืมที่โชว์ความ กาก ประจำตัวออกมา
นั่นคือการ ต้อน บีบคั้น ยัดเยียด ให้ผู้ร่วมรายการพูดในทิศทางหรือเกมที่ตนกำหนดไว้
คงคิดว่าเท่ห์ ... แต่งานนี้ใช้ไม่ได้กับท่านทูตคริสตี้
ดังนั้นสิ่งที่เราได้เห็นคือการดับอนาถของสุทธิชัย หยุ่น ผ่านบทสัมภาษณ์
แทนที่จะเป็นอินทรีย์ของวงการสื่อกลับเป็นได้แค่อีแร้งหัวล้าน
ซึ่งก็ได้แต่สลดแทนเครือเนชั่นที่มีผู้ก่อตั้งที่มีกิริยาทรามและสมองชักโครกแบบนี้
บทสัมภาษณ์นี้ผู้สัมภาษณ์ไม่ได้ให้อะไรที่ดีกับสังคมเลย
ไม่ว่าจะเป็นการค้นหาความจริง ความเป็นมืออาชีพ จรรยาบรรณวิชาชีพ หรือการพยายามรักษาความเป็นกลางระหว่างการสัมภาษณ์
สิ่งที่โชว์ออกมาก็แค่กิริยาของพิธีกรรายการโทรทัศน์ของประเทศด้อยพัฒนาที่พยายามต้อนทูตสหรัฐ
และถูกสอนมวย โชว์เหนือ และอบรม ด้วยคำตอบที่ฉลาด มีมารยาทเยี่ยงคนที่มีการศึกษาและได้รับการพัฒนาแล้ว
น่าอายจริง ๆ สุทธิชัย หยุ่น
และที่อุจาดสุด ๆ คือการพยายามยัดคำพูดเข้าปากแขกรับเชิญ
ซึ่งได้รับการตอบกลับแบบคนมีอารยธรรม ถ้าเป็นคนไทยก็เรียกว่าตำหนิด้วยหางตานั่นเอง
ซึ่งถ้าคนมียางอายและมีการศึกษาหน้าไม่ด้านพอคงแทบมุดรูหนี
แต่ไม่แน่ว่าคนหน้าด้านใช้ไขสันหลังสั่งการแทนสามัญสำนึกเยี่ยงหยุ่นจะรู้สึกหรือไม่
ถ้าภาษานังเลงสมัยก่อนอาการที่ท่านทูตคริสตี้สอนมวยหยุ่นเขาเรียกว่า "ขยี้ด้วยส้นเกือก"
แต่ด้วยความที่ท่านทูตเป็นสุภาพสตรี กรณีนี้จึงขอเรียกว่า "การตอกด้วยส้นสูง"
ขอเชิญทัศนาบทสัมภาษณ์ทูตอเมริกาสอนมวยสื่อขยะได้ที่ลิงค์นี้ครับ
http://www.komchadluek.net/detail/20140330/181918.html#.UzmusfldXxw