ที่บ้านเมืองมันปราบคอรัปชั่นไม่เคยจบสิ้น ไม่ใช่ว่าคนชั่วมันมากขึ้นหรอก แต่เป็นเพราะว่า ระบบตรวจสอบมันเอียงข้างเกิน

คำว่า "กลัวการเปลี่ยนแปลง" ยังคงใช้ได้อยู่เสมอ กับทุกยุค กับทุกคน กับทุกอาชีพ แต่จะมีสักกี่คน ที่จะกล้าเปลี่ยนคำว่า "กลัว" เป็น "กล้าที่จะเปลี่ยนแปลง" บ้าง พรรคการเมือง

นับตั้งแต่ยิ่งลกถูกถอดถอน สถานการณ์บ้านเมืองก็วุ่นวายขึ้น มีคนพยายามจะก่อเหตุร้าย สร้างความวุ่นวาย ทำลายความน่าเชื่อถือของรัฐบาลนี้ บัดนี้ ศาลประทับรับฟ้องคดียิ่งลกแล้ว หวั่นใจนัก ว่าความรุนแรงปั่นป่ว

ได้ยินมานานแล้วว่า โรงพยาบาลรัฐส่วนใหญ่ ทำเรื่องเบิกเกินที่ได้รักษาไป ทำให้ สปสช.มีงบไม่พอ ถึงให้งบโครงการ 30 บาท ปีละสามแสนล้าน ก็ไม่มีทางพอ ถ้าขาดการตรวจสอบ ขนาด สปสช.สุ่มตรวจแค่ 3% ของเวชระเบียน

ปัจจุบันประชาชนชอบแสดงความรังเกียจถึงเรื่องสีเทากับนักการเมืองเทาๆในบ้านเรา อยากให้เลิกดัดนะเพราะญี่ปุ่นยังมียากุซ่า แล้วมาอยู่กับความจริงว่าประเทศเราขาวต้นๆในอาเซียนแล้วมั้ง การที่มีสีเทามันมาจากการ

คนไทยส่วนใหญ่เอียนกับเรื่องคอรัปชั่นมากๆแล้ว ตอนนี้สิ่งที่ต้องทำคือเปิดหน้าคนพวกนี้ออกมา ซึ่งมันต้องอาศัยหลายส่วนมากๆไม่ใช่แค่ประชาชน ต้องพึ่งพาสื่อ มากกว่านั้นคือภาคเอกชน เซเลบต่างๆต้องออกมาพร้อมๆกัน

ตามคำทำนายนะครับ "คนชั่วถูกปราบราบคาบสิ้น" ถ้าเราดูเหตุการณ์ตอนนี้ แม้ดูเหมือนบ้านเมืองจะวุ่นวาย มีกลุ่มคนละเมิดกฎหมายมากมาย ทั้งปิดถนน ยึดศาลากลาง ฯลฯ มีทั้ง สส. และแกนนำต่างๆ ตอนนี้เจ้าหน้

แล้วจะให้ไทยเอาจริงนำกำลังบุกเข้าไปปราบแหล่งรายได้ในเขมร แบบที่เกาหลีเขาจะส่งคนไปช่วยประชาชาชนเค้าออกมา ได้ยังไงกันหล่ะครับก็เกาหลีเขาไม่ได้หากินแบบนักการเมืองชั่วๆเทาๆของไทยอย่างทุกวันนี้นี่ครับ ที่ค

คอรัปชั่นใครๆ ก็ไม่เอา แต่จะให้ผลิกประเทศแค่ข้ามคืน ไม่มีทางเป็นไปได้ !!! การเป็นสังคมอุปถัมน์ มันก็คือการคอรัปชั่นแบบหนึ่ง หยั่งลึกมาตั้งแต่เกิด เช่น การฝากลูกเข้าโรงเรียน พวกคนชั้นนำน่าจะรู้จักดี