เล่าประสบการณ์การทำหนังสือขายเอง [ฉบับมือใหม่หัดทำ]

การมีหนังสือสักเล่มคงเป็นความฝันของใครหลายคน ร่วมถึงเจ้าของกระทู้เองด้วย
ถ้าจะเอาไปนำเสนอสำนักพิมพ์ก็ดูจะเป็นหนทางที่แสนยาวไกล ทุกวันนี้ก็มีอีกหนทางหนึ่ง
ที่ทำให้ฝันของคนรักหนังสือเป็นจริง คือ การทำหน้าสือทำมือ หรือการจัดทำหนังสือเอง

ปัจจุบันนี้ก็มีคนหันมาทำหนังสือขายเองก็มากขึ้น อยากพวกหนังสืออินดี้ ฟิควาย เป็นต้น
ข้อดีก็คือได้มีพื้นที่ในการนำเสนองานเขียนของตัวเองตามที่เราต้องการ แต่ข้อเสียก็คงเป็นเรื่องเงินทุน
และช่องทางการจัดจำหน่ายที่มีอยู่อย่างจำกัด
    
พอดีว่าเจ้าของกระทู้ได้ลงเรียนวิชาเกี่ยวกับธุรกิจสำนักพิมพ์ และอ.ก็ให้แบ่งกลุ่มร่วมกันทำหนังสือออกมากัน 1 เล่ม
โดยให้สมมติว่าเราได้สร้างสำนักพิมพ์ของตัวเองขึ้นมา และให้คิดแนวหนังสือที่เข้ากับสำนักพิมพ์ออกมา 1 เล่ม
จากการปรึกษา พูดคุยกัน (พร้อมตบตีกัน) ก็ทำให้ได้หนังสือเล่มนี้ออกมาค่ะ



เรื่องย่อพร้อมคอนเซปต์ของหนังสือเล่มนี้

พวกเราตัดสินใจทำหนังสือแนวนวนิยายค่ะ มีความพิเศษตรงที่เป็น “นวนิยายขนาดสั้น” มีเนื้อหาไม่ยาวมาก
แต่มีองค์ประกอบของนวนิยายอย่างครบถ้วน เน้นการดำเนินเรื่องที่รวดเร็ว ไม่ยืดเรื่อง

เนื่องจากพวกเราเรียนเอกภาษาไทยก็เลยเกิดไอเดียที่ว่า
ถ้าเรานำความเป็นไทยมาประยุกต์ใช้ด้วยก็คงดี พวกเราเลยคิดพล็อตเรื่อง โดยการนำตำนานของไทยทั้ง 4 ภาค
มันปรับประยุต์แต่งใหม่ให้เป็นนวนิยายแนวสืบสวนสอบสวน ให้มีความร่วมสมัยค่ะ

    เรื่องราวของเรื่องก็จะเป็นเรื่องราวของเมือง “นิทราลัย” (ซึ่งเป็นชื่อเดียวกันกับเรื่อง) เป็นเมืองที่มีแต่ความสงบสุข
ไม่ค่อยมีเหตุอาชกรรม ก็เพราะว่าเมืองนี้มีกฎเหล็ก 1 ข้อคือ ไม่ว่าใครทำความผิดใดมา
ก็จะต้องรับโทษหนักสถานเดียวก็คือ “จำคุกตลอดชีวิต” แต่ทั้งนี้ก็ยังมีกฎอนุโลมอยู่ว่า
ในทุก 5 ปีจะมีการปล่อยตัวนักโทษคืนกลับสู่สังคม ซึ่งผู้ที่จะได้รับอิสรภาพนั้นจะมีเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้น
    การปล่อยตัวในครั้งนี้ก็มีนักโทษ 4 คนที่มีสิทธิเข้าคัดเลือกให้เป็นผู้ได้รับอิสรภาพ
ภายในหนังสือเล่มนี้ก็จะเล่าถึงคดีฆาตกรรมของนักโทษแต่ละคน โดยแบ่งเป็น 4 ตอน จากนักโทษ 4 คน
โดยมีเค้าโครงเรื่องมาจากตำนาน 4 ภาค และปิดท้ายด้วยบทสรุปว่าใครที่จะเป็นผู้ได้รับอิสรภาพนั้น


วันนี้ทำหนังสือสำเร็จออกมาเป็นเล่มแล้ว ก็เลยอยากจะมาเล่าสู่กันถึงวิธีการทำหนังสือแบบกระชับ ไม่ซับซ้อนให้เพื่อนๆ ได้ฟังกันค่ะ

วิธีการทำหนังสือฉบับมือใหม่หัดทำ
1. คิดก่อนว่าจะแต่งหนังสือแนวไหน ร่างพล็อตคร่าวๆ ไว้

2. ในกลุ่มของเรามีคนที่จะเขียนเรื่อง 4 คน เราก็เลยแบ่งเนื้อหาของเป็น 4 ตอน เป็นเรื่องราวของนักโทษแต่ละคร
ที่มีเค้าโครงเรื่องจากตำนานไทย พอคิดพล็อตได้ ก็แบ่งตอน 4 ตอนให้แต่ละคนไปเขียน

3. เขียนเสร็จก็เข้าสู่ขั้นตอนบรรณาธิกร และพิสูจน์อักษร
บรรณาธิกรก็คือการตรวจสอบ ปรับปรุง และแก้ไขงานเขียนของเรา ทั้งความถูกต้องของเนื้อหา
แนวพล็อตเรื่องใช้ได้ไหม อยากเพิ่มเติมหรือใส่อะไรลงไปหรือเปล่า

ส่วนพิสูจน์อักษร คือ การตรวจคำสะกดผิด ประโยคต่างๆ ว่าเขียนถูกต้องตามหลักภาษาไทยหรือไม่
ควรตรวจหลายรอบ อย่าให้ผิด เพราะไม่งั้นจะโดนด่า! ไม่ใช่สิ!  (แต่ก็มีส่วน...)
เพราะว่าหนังสือที่ดี ไม่ควรมีคำผิด ควรใช้ภาษาไทยกันให้ถูกต้อง

ส่วนนี้ก็อ่านกันหลายรอบหน่อย มี 4 คนก็อ่านกันทั้ง 4 คนเลย เป็นไปได้พวกเราก็คงไม่อยากให้มีข้อผิดพลาดเกิดขึ้นค่ะ
เพราะถ้าพิมพ์ไปแล้ว แล้วรู้ว่าพิมพ์ผิดมันก็จะกลับมาแก้ไขไม่ได้ แต่เรื่องเหล่านี้เป็นเรื่องละเอียดค่ะ
และต้องรอบคอบมากๆ คนทำหนังสือบางคนตรวจแล้วตรวจอีก พอพิมพ์เสร็จก็ยังเจอคำผิดก็ยังมีเลย
ส่วนนี้ก็มีความยากอยู่เหมือนกันค่ะ

4. เข้าสู่กระบวนการจัดหน้า เราก็จัดหน้าใน Microsoft Word เนี่ยแหละ



ก่อนอื่นเราก็ต้องคิดก่อนว่าเราจะทำออกมาขนาดเท่าไร ซึ่งขนาดที่ว่าเราก็ต้องไปเช็คกับโรงพิมพ์ก่อนด้วยค่ะว่า เขาจัดพิมพ์หนังสือขนาดเท่าไรบ้าง เราก็จัดตามขนาดที่เราต้องการและมีในโรงพิมพ์ เพื่อสะดวกในการจัดพิมพ์ค่ะ
    วิธีการจัดหน้า เราก็สามารถดีไซน์ตามที่เราต้องการได้เลย อย่างเล่มนี้เราก็ไม่ได้จัดอะไรที่ยากมาก
ตามรูปแบบของนวนิยายทั่วๆ ไป จัดให้มันดูเป็นระเบียบ กั้นหน้ากั้นหลัง รูปแบบและขนาดตัวอักษรให้อ่านแล้วสบายตา
รันเลขหน้า ซึ่งการรันเลขหน้าทำหนังสือจะต่างกับรายงาน เพราะหนังสือเป็นแบบหน้า-หลังหน้าคู่กับหน้าคี่ตัวเลขจะอยู่คนละมุมกัน
วิธีรันหน้าแบบนี้สามารถเข้าไปดูได้ที่นี่เลย[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้

อ่อ! แล้วก็อย่าลืมแปลงไฟล์เป็น PDF ด้วยนะคะ เวลาส่งโรงพิมพ์ตัวอักษร รูปภาพต่างๆ ที่เราจัดไว้มันจะได้ไม่เคลื่อน
เพียงเท่านี้งานเนื้อในของเราก็เสร็จเรียบร้อยแล้ว

มาดูงานเนื้อในกัน
    เนื่องจากเป็นหนังสือนวนิยาย ส่วนใหญ่ข้างในก็จะเป็นตัวหนังสือ
แต่เพื่อไม่ให้เกิดความลายตามากไป ก็แทรกรูปภาพประกอบด้วย แบบนี้....



ในหนังสือก็จะมี 6 ตอนค่ะ ได้แก่ ปฐมบท (เปิดเรื่อง) เรื่องสั้นอีก 4 ตอน (ซึ่งเป็นเรื่องที่เชื่อมต่อกันเป็นเรื่องเดียวกัน)
และบทปัจฉิมบท (บทปิดท้าย) ซึ่งภาพประกอบเราก็จะนำมาใช้ในการเปิดบทในแต่ละบทค่ะ

    5. ต่อมาก็เป็นขั้นตอนของการออกแบบปก เราก็ครีเอทได้ตามใจชอบเลยค่ะ แต่ทั้งนี้ก็ควรเป็นปกที่สื่อถึงเนื้อหาข้างในด้วย
ในส่วนของหน้าปกนั้น ก็จะมีปกหน้า-ปกหลัง และมีสันปกด้วย นอกจากรูปภาพและสีสันแล้ว ก็ต้องมีชื่อหนังสือ
ชื่อผู้เขียน คำโปรยปก (ส่วนนี้ก็ต้องคิดให้ดึงดูดใจหน่อย เพื่อคนอ่านจะได้หยิบอ่านและเลือกซื้อ)

. มาถึงขั้นตอนนี้หน้าปกและงานเนื้อในเราก็เสร็จสมบูรณ์ ต่อไปก็คือการทำให้ไฟล์หนังสือที่อยู่ในคอมพิวเตอร์ออกมาเป็นรูปเล่มค่ะ
โดยการติดต่อไปที่โรงพิมพ์ เนื่องจากเป็นมือใหม่ เงินทุนน้อย ไม่ได้ต้องการพิมพ์ออกมาเยอะๆ เป็นพันเล่ม
ก็เลยพิมพ์กับโรงพิมพ์ประเภท Print on demand ค่ะ เป็นโรงพิมพ์ดิจิตอล รับพิมพ์งานไม่มาก แต่ราคาต่อเล่มส่วนตัวก็ยังคิดว่าสูงอยู่ดี

พอดีว่าทำกัน 4 คนก็ช่วยๆ หารกันได้ เวลาติดต่อโรงพิมพ์ไป เราก็ควรแจ้งสเป็กของงานให้ละเอียดค่ะ เช่น
ขนาดหนังสือเท่าไร พิมพ์กี่หน้า หน้าปกกี่สี - งานเนื้อในกี่สี (ขาว-ดำ หรือ 4สี่) ขนาดกระดาษหน้าปก-งานเนื้อในขนาดกี่แกรม
เข้าเล่มแบบไหน (ส่วนใหญ่หนังสือมักเข้าเล่มแบบไสกาว)จำนวนที่พิมพ์ วันที่รับงาน ทางโรงพิมพ์ก็จะประเมินราคาพิมพ์มาให้ค่ะ

7. พอสั่งพิมพ์ จ่ายเงินเรียบร้อยแล้ว ถ้าพิมพ์เก็บไว้อ่านเอง กับแจกเพื่อน กระบวนการก็สิ้นสุดที่ข้อที่แล้ว
แต่ถ้าอยากนำมาขายด้วยก็ต้องทำการขายต่อไปค่ะ ซึ่งเจ้าของกระทู้เลือกขายผ่านช่องทางออนไลน์
และกำลังจะนำไปขายที่งานหนังสือด้วยค่ะ เผอิญว่าพิมพ์ครั้งแรกทำการขายหมดแล้วก็เลยทำการพิมพ์ออกมาอีกครั้ง
ในรูปแบบหน้าปกใหม่แบบนี้...



มาถึงตอนนี้รู้สึกดีใจค่ะที่ครั้งหนึ่งเราได้ทำหนังสือออกมาสักเล่ม ขอบอกว่าเกือบจะไม่มีเล่มพิมพ์ครั้งที่ 2 แล้ว
พวกเราประสบปัญหาเรื่องเงินทุนกัน จนเกิดความคิดที่ว่า “เลิกทำดีไหม” แต่ผลสุดท้ายก็ทำกันต่อค่ะ
เพราะความฝันคือการได้ทำหนังสือสักเล่ม และมีโอกาสได้ไปวางขายในงานหนังสือ เหมือนจะเจอทางตัน
แต่พอใช้สตินั่งคิด และร่วมมือกันก็หาทางออกเจอค่ะ

    พอได้ลองทำเองแล้วรู้สึกว่า การทำหนังสือสักเล่มนี่ก็ไม่ถือว่าง่ายสำหรับการทำ
อีกทั้งใช้ต้นทุนในการผลิตค่อนข้างสูงเหมือนกันสำหรับนักศึกษาอย่างพวกเราที่ยังไม่มีรายได้ประจำ
เงินที่ลงทุนก็แงะมาจากกระปุกนี่แหละค่ะ พอหักต้นทุน ค่าใช้จ่ายอื่นๆ แล้ว กำไรได้ไม่เยอะ
แต่ประสบการณ์ที่ได้รับมันทำให้รู้สึกถึงความคุ้มค่าค่ะ รู้สึกสนุก มีความสุขค่ะ


ตอนนี้ก็ทำการดำเนินขายแค่ทางออนไลน์ ส่วนงานหนังสือยังไม่ได้ลุยเข้าไปค่ะ กะจะเอาไปวางขายวันเสาร์นี้
เอาไปขายแล้วเป็นอย่างไรบ้าง จะเอามาเล่าสู่กันฟังอีกทีค่ะ ขอบคุณที่แวะเข้ามาอ่านกันนะคะ ^^

ติดตามผลงานของพวกเราได้ที่ >>>https://www.facebook.com/primrosebook

ปล. พวกเรายังเป็นมือใหม่อยู่ ถ้ามีข้อผิดพลาดอะไรต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะคะ
พร้อมที่จะพัฒนาและแก้ไขต่อไปค่ะ ยิ้ม
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่