สวัสดีค่ะพี่เพื่อน ๆ ในห้องศาลาฯ และห้องไกลบ้านทุกท่าน
ดิฉันมีเรื่องอยากรบกวนสอบถามพี่ ๆ เพื่อน ๆ ทุกท่านผู้มีความรู้ประสบการณ์ด้านกฏหมายเกี่ยวกับการทำพินัยกรรมโดยตรงค่ะ บังเอิญดิฉันอยากทำพินัยกรรมเอาไว้สักฉบับที่เมืองไทย เพื่อเป็นหลักประกันให้สามีและพี่น้องคนที่อยู่ข้างหลัง เพราะถ้าเกิดเรื่องราวใด ๆ ขึ้นกับชีวิตของดิฉัน ตัวดิฉันเชื่อเสมอว่า อาจจะมีปัญหาหลายอย่างตามมา ดิฉันไม่อยากให้คนข้างหลังต้องประสบเคราะห์กรรมกับเรื่องปวดหัวใด ๆ และก็ไม่อยากให้เกิดโศกนาฏกรรมใด ๆ ขึ้นด้วยค่ะ
ก่อนอื่นดิฉันต้องขอเล่าเรื่องส่วนตัวให้ฟังนิดหนึ่งนะคะ ดิฉันและสามีชาวอเมริกันแต่งงานกันมาเกือบสิบสองปีแล้ว เราสองคนไม่มีลูกด้วยกัน (อนาคตก็ตั้งใจที่ไม่มีลูก) ปัจุบันอาศัยอยู่ที่ประเทศอเมริกา สิ่งที่ดิฉันต้องการจะทำพินัยกรรมนั้น เป็นเพียงทรัพย์สินบางส่วนในเมืองไทยเท่านั้น แม้มันจะมีเพียงน้อยนิด แต่ดิฉันกลัวว่าสิ่งน้อยนิดอาจจะมีปัญหาขึ้นได้ จึงตัดสินใจอยากจะทำพินัยกรรมค่ะ
เมื่อสิบกว่าปีก่อน ตอนที่ดิฉันอายุสิบเจ็ดปีย่างสิบแปด คุณพ่อของดิฉันได้ยกที่นาที่ไร่ และที่ปลูกบ้านให้ดิฉันก่อนท่านเสียชีวิต โดยที่ที่ดินเหล่านี้บางส่วนเป็น สปก. และที่นาที่มีโฉนดก็ยังเป็นชื่อพ่อทั้งหมด ยังไม่ได้มีการแยกโฉนดเป็นชื่อลูกคนใดคนหนึ่ง ซึ่งตอนนั้นที่ดินได้ถูกแบ่งตามสัดส่วนในพินัยกรรมของคุณพ่อทั้งหมด ตอนแรกพี่น้องบางคนก็มีปัญหา ทำให้ที่ดินเหล่านี้ไม่สามารถแยกโฉนดเป็นสัดส่วนได้ มาตอนหลังทุกอย่างจบลงด้วยดี แต่ก็ยังไม่มีการแยกโฉนดที่นาที่ไร่แต่อย่างใด ส่วนที่ปลูกบ้านนั้นอยู่ในหมู่บ้านเช่นเดียวกัน ถูกแบ่งเป็นหกส่วนในบรรดาลูก ๆ ทุกคน หลายปีที่ผ่านมามีกรมที่ดินมาวัดและก็ใส่ชื่อพี่สาวสองคนที่สร้างบ้านบนที่ดินในส่วนของตนเองไปเรียบร้อยแล้ว แต่ในส่วนของดิฉันยังไม่เป็นชื่อของดิฉัน เพราะทางกรมที่ดินวัดให้เฉพาะที่ดินที่มีบ้านปลูกสร้างเท่านั้น ซึ่งตรงนี้ดิฉันเข้าใจดี
หลังจากทราบเรื่องจากพี่สาวทั้งหมด พี่น้องหลายคนก็อยากให้ดิฉันและสามีไปปลูกบ้านบนที่ดินที่พ่อยกให้ จะได้มีชื่อของตัวเอง และยามแก่เฒ่าจะได้อยู่ใกล้ ๆ กัน ดิฉันก็คิดและปรึกษาสามีมาตลอด ทั้งที่ตอนแรกกะว่าจะหาซื้อบ้านจัดสรรง่ายกว่า แต่สุดท้ายก็ลงเอยเห็นด้วยกับพี่น้องทั้ง อันเนื่องมาจากสามีให้เหตุผลว่า หากว่าเขาเสียชีวิตก่อน ถ้าดิฉันไม่อยากอยู่อเมริกาก็สามารถกลับไปอยู่เมืองไทยใกล้พี่น้องได้
และเมื่อสองปีก่อน ดิฉันและสามีได้ตัดสินใจเก็บเงินจากน้ำพักน้ำแรงไปปลูกบ้านไว้บนที่ดินผืนนั้น เพราะคิดว่ายามแก่เฒ่าเกษียณแล้ว จะได้กลับไปอยู่ใกล้พี่น้อง เผื่อได้ดูแลกันและกัน พอดิฉันปลูกบ้านเสร็จเรียบร้อย ขอทะเบียนบ้านเป็นชื่อของดิฉันทั้งหมด และก็ได้กลับไปทำบุญบ้านใหม่ที่เมืองไทยอย่างสุขใจ แต่ระยะเวลาที่อยู่เมืองไทย ทำให้ดิฉันเรียนรู้อะไรหลายอย่าง และก็ทำให้ดิฉันอดเอะใจไม่ได้ ว่าถ้าวันหนึ่งข้างหน้าเกิดอะไรขึ้นกับดิฉัน บ้านหลังนี้จะต้องมีปัญหาแน่ ๆ
ดิฉันอยากทำพินัยกรรมเอาไว้ เพราะไม่รู้ว่าวันหนึ่งข้างหน้าจะเกิดอะไรขึ้นกับดิฉันบ้าง ความตายเป็นเรื่องที่ไม่แน่นอน ดิฉันไม่กลัวตายหรอก เพียงแต่สงสารและเป็นห่วงสามีมากกว่า เกรงว่าจะถูกเอาเปรียบจากญาติพี่น้อง และก็ไม่อยากให้พี่น้องมีปัญหาบาดหมางใจกันเรื่องตรงนี้ด้วย ดิฉันตั้งใจไว้ว่า หากดิฉันตายไป ดิฉันอยากยกที่นาที่ไร่ให้พี่สาวสองคนแบ่งกันทำมาหากิน เพราะเป็นมรดกที่พ่อเคยยกให้ดิฉัน
ส่วนที่บ้านพร้อมที่ดินนั้น ดิฉันอยากยกให้สามีได้อยู่อาศัยจวบจนลมหายใจสุดท้ายของเขา อยากให้เขามีสิทธิ์อยู่บ้านหลังนั้นอย่างมีความสุข เพราะเขาคือคนสำคัญที่สร้างบ้านหลังนี้ขึ้นมา สามีเป็นคนที่รักเมืองไทยมาก อยากไปใช้ชีวิตที่บ้านนาของดิฉัน ชอบอาหารไทย และชอบชีวิตเรียบง่ายแบบหมู่บ้านของดิฉัน ดิฉันอยากให้เขาได้รับส่วนตรงนี้ทั้งหมด
ทั้งนี้ดิฉันเองก็ไม่อยากเป็นคนโลกสวยเกินไป เลยคิดวางแผนทำอะไรสำคัญ ๆ ไว้บ้าง โดยคิดไว้ว่า ถ้าเมื่อใดที่ดิฉันจากโลกนี้ไป และสามีดิฉันกลับไปพักผ่อนอยู่บ้านหลังนั้น เมื่อใดที่เขาถูกรังแกเอารัดเอาเปรียบจากญาติพี่น้องคนรอบข้าง หรือว่าอยู่ที่บ้านหลังนั้นแล้วไม่มีความสุข ดิฉันอยากให้สิทธิ์เขาได้ขายบ้านหลังนั้นทันที หรือจะบริจาคให้เป็นทรัพย์สินของแผ่นดินก็แล้วแต่ใจของเขา เพราะดิฉันให้สิทธิ์สามีแต่เพียงผู้เดียว
ทั้นนี้ดิฉันดิฉันทราบมาว่า ทางกฏหมายไทยไม่อนุญาตให้ชาวต่างชาติครอบครองอสังหาริมทรัพย์ (ยกเว้นคอนโดมิเนี่ยม หรือไม่ก็คนทีมีเงินเยอะ ๆ มาลงทุนทำธุรกิจ) แต่ดิฉันกับสามีไม่อยู่ในขอบเขตที่กฏหมายระบุ เราไม่ใช่นักธุรกิจ แค่สร้างบ้านหลังเล็ก ๆ หวังอยู่ยามแก่เฒ่าเท่านั้นค่ะ และเรื่องกฏหมายที่ไทย ดิฉันยอมรับว่าไม่ค่อยรู้มากนัก ไม่รู้ว่ามีอะไรเปลี่ยนแปลงไปบ้าง ดิฉันอาศัยหาอ่านเอาทางอินเตอร์เน็ตและหนังสือเท่านั้นค่ะ
ดิฉันอยากรบกวนสอบถามพี่ ๆ เพื่อน ๆ ห้องนี้ให้คำแนะนำดิฉันด้วยค่ะ
1. ไม่ทราบว่าดิฉันสามารถติดต่อทนายความดี ๆ ได้ที่ไหนคะ ผ่านสำนักงานทนายความก็ได้ ยิ่งถ้าพอที่จะพูดเข้าใจภาษาอังกฤษได้ ยิ่งดีมาก ๆ ค่ะ
2. ทนายความที่จะทำพินัยกรรมให้ ต้องอยู่อาศัยในจังหวัดที่ตั้งของบ้านหรือไม่คะ หรือว่าเป็นทนายความจากกรุงเทพฯ หรือที่อื่น ๆ ได้
3. เรื่องค่าใช้จ่ายในการทำพินัยกรรมตกอยู่ประมาณเท่าใดค่ะ มีค่าธรรมเนียมอะไรบ้างคะ ต้องจ่ายมัดจำอะไรบ้าง
4. ระยะเวลาในการทำพินัยกรรมนานไหมคะ เพราะดิฉันอยู่ต่างประเทศ มีเวลากลับไปเมืองไทยเพียงไม่กี่วัน (ตั้งใจว่าหากได้ทนายความดี ๆ อยากให้เขาร่างทุกอย่างที่ต้องการให้พร้อม เมื่อดิฉันและสามีบินไปถึงเมืองไทย จะไปหาที่สำนักงานทนายความโดยตรงค่ะ)
5. พยานที่เซ็นต์ในพินัยกรรมต้องใช้กี่คน ปกติทางทนายความจัดเตรียมไว้ให้ด้วยหรือเปล่าคะ ไม่ต้องเป็นญาติพี่น้องเราได้ไหมคะ
6. การเก็บรักษาพินัยกรรม นอกจากเก็บไว้ที่ตัวเอง ทางสำนักงานทนายความที่เมืองไทยเก็บรักษาไว้ให้ด้วยไหมคะ มีที่ไหนที่ดิฉันต้องเก็บไว้บ้างคะ สถานฑูตรับเก็บพินัยกรรมด้วยไหมคะ
7. ถ้าเกิดว่าดิฉันและสามีเสียชีวิตทั้งสองคน ไม่ว่าจะเสียชีวิตที่เมืองไทยหรือที่อเมริกา ดิฉันอยากบริจาคบ้านให้เป็นทรัพย์สินของแผ่นดิน เพื่อใช้เป็นประโยชน์ที่ดี สร้างเป็นห้องสมุดให้ประชาชนในตำบลที่อยู่ ได้เรียนรู้ได้อ่านหนังสือกัน ดิฉันสามารถทำได้ในพินัยกรรมรวมทีเดียวเลยหรือไม่คะ
ดิฉันขอขอบคุณพี่ ๆ เพื่อน ๆ ทุกคำแนะนำค่ะ หากท่านมีความรู้และประสบการณ์ รบกวนบอกกันบ้างนะคะ ขอบคุณจากใจ
ดิฉันขออนุญาตแท็กห้องไกลบ้าน อันเนื่องมาจากเรื่องนี้อาจจะ่มีพี่ ๆ เพื่อน ๆ ห้องไกลบ้านที่มีความรู้เข้ามาตอบและอาจจะเป็นประโยชน์ให้ท่านอื่น ๆ ด้วยค่ะ
สอบถามพี่ ๆ เพื่อน ๆ ในห้องศาลาฯ เรื่องการทำพินัยกรรม
ดิฉันมีเรื่องอยากรบกวนสอบถามพี่ ๆ เพื่อน ๆ ทุกท่านผู้มีความรู้ประสบการณ์ด้านกฏหมายเกี่ยวกับการทำพินัยกรรมโดยตรงค่ะ บังเอิญดิฉันอยากทำพินัยกรรมเอาไว้สักฉบับที่เมืองไทย เพื่อเป็นหลักประกันให้สามีและพี่น้องคนที่อยู่ข้างหลัง เพราะถ้าเกิดเรื่องราวใด ๆ ขึ้นกับชีวิตของดิฉัน ตัวดิฉันเชื่อเสมอว่า อาจจะมีปัญหาหลายอย่างตามมา ดิฉันไม่อยากให้คนข้างหลังต้องประสบเคราะห์กรรมกับเรื่องปวดหัวใด ๆ และก็ไม่อยากให้เกิดโศกนาฏกรรมใด ๆ ขึ้นด้วยค่ะ
ก่อนอื่นดิฉันต้องขอเล่าเรื่องส่วนตัวให้ฟังนิดหนึ่งนะคะ ดิฉันและสามีชาวอเมริกันแต่งงานกันมาเกือบสิบสองปีแล้ว เราสองคนไม่มีลูกด้วยกัน (อนาคตก็ตั้งใจที่ไม่มีลูก) ปัจุบันอาศัยอยู่ที่ประเทศอเมริกา สิ่งที่ดิฉันต้องการจะทำพินัยกรรมนั้น เป็นเพียงทรัพย์สินบางส่วนในเมืองไทยเท่านั้น แม้มันจะมีเพียงน้อยนิด แต่ดิฉันกลัวว่าสิ่งน้อยนิดอาจจะมีปัญหาขึ้นได้ จึงตัดสินใจอยากจะทำพินัยกรรมค่ะ
เมื่อสิบกว่าปีก่อน ตอนที่ดิฉันอายุสิบเจ็ดปีย่างสิบแปด คุณพ่อของดิฉันได้ยกที่นาที่ไร่ และที่ปลูกบ้านให้ดิฉันก่อนท่านเสียชีวิต โดยที่ที่ดินเหล่านี้บางส่วนเป็น สปก. และที่นาที่มีโฉนดก็ยังเป็นชื่อพ่อทั้งหมด ยังไม่ได้มีการแยกโฉนดเป็นชื่อลูกคนใดคนหนึ่ง ซึ่งตอนนั้นที่ดินได้ถูกแบ่งตามสัดส่วนในพินัยกรรมของคุณพ่อทั้งหมด ตอนแรกพี่น้องบางคนก็มีปัญหา ทำให้ที่ดินเหล่านี้ไม่สามารถแยกโฉนดเป็นสัดส่วนได้ มาตอนหลังทุกอย่างจบลงด้วยดี แต่ก็ยังไม่มีการแยกโฉนดที่นาที่ไร่แต่อย่างใด ส่วนที่ปลูกบ้านนั้นอยู่ในหมู่บ้านเช่นเดียวกัน ถูกแบ่งเป็นหกส่วนในบรรดาลูก ๆ ทุกคน หลายปีที่ผ่านมามีกรมที่ดินมาวัดและก็ใส่ชื่อพี่สาวสองคนที่สร้างบ้านบนที่ดินในส่วนของตนเองไปเรียบร้อยแล้ว แต่ในส่วนของดิฉันยังไม่เป็นชื่อของดิฉัน เพราะทางกรมที่ดินวัดให้เฉพาะที่ดินที่มีบ้านปลูกสร้างเท่านั้น ซึ่งตรงนี้ดิฉันเข้าใจดี
หลังจากทราบเรื่องจากพี่สาวทั้งหมด พี่น้องหลายคนก็อยากให้ดิฉันและสามีไปปลูกบ้านบนที่ดินที่พ่อยกให้ จะได้มีชื่อของตัวเอง และยามแก่เฒ่าจะได้อยู่ใกล้ ๆ กัน ดิฉันก็คิดและปรึกษาสามีมาตลอด ทั้งที่ตอนแรกกะว่าจะหาซื้อบ้านจัดสรรง่ายกว่า แต่สุดท้ายก็ลงเอยเห็นด้วยกับพี่น้องทั้ง อันเนื่องมาจากสามีให้เหตุผลว่า หากว่าเขาเสียชีวิตก่อน ถ้าดิฉันไม่อยากอยู่อเมริกาก็สามารถกลับไปอยู่เมืองไทยใกล้พี่น้องได้
และเมื่อสองปีก่อน ดิฉันและสามีได้ตัดสินใจเก็บเงินจากน้ำพักน้ำแรงไปปลูกบ้านไว้บนที่ดินผืนนั้น เพราะคิดว่ายามแก่เฒ่าเกษียณแล้ว จะได้กลับไปอยู่ใกล้พี่น้อง เผื่อได้ดูแลกันและกัน พอดิฉันปลูกบ้านเสร็จเรียบร้อย ขอทะเบียนบ้านเป็นชื่อของดิฉันทั้งหมด และก็ได้กลับไปทำบุญบ้านใหม่ที่เมืองไทยอย่างสุขใจ แต่ระยะเวลาที่อยู่เมืองไทย ทำให้ดิฉันเรียนรู้อะไรหลายอย่าง และก็ทำให้ดิฉันอดเอะใจไม่ได้ ว่าถ้าวันหนึ่งข้างหน้าเกิดอะไรขึ้นกับดิฉัน บ้านหลังนี้จะต้องมีปัญหาแน่ ๆ
ดิฉันอยากทำพินัยกรรมเอาไว้ เพราะไม่รู้ว่าวันหนึ่งข้างหน้าจะเกิดอะไรขึ้นกับดิฉันบ้าง ความตายเป็นเรื่องที่ไม่แน่นอน ดิฉันไม่กลัวตายหรอก เพียงแต่สงสารและเป็นห่วงสามีมากกว่า เกรงว่าจะถูกเอาเปรียบจากญาติพี่น้อง และก็ไม่อยากให้พี่น้องมีปัญหาบาดหมางใจกันเรื่องตรงนี้ด้วย ดิฉันตั้งใจไว้ว่า หากดิฉันตายไป ดิฉันอยากยกที่นาที่ไร่ให้พี่สาวสองคนแบ่งกันทำมาหากิน เพราะเป็นมรดกที่พ่อเคยยกให้ดิฉัน
ส่วนที่บ้านพร้อมที่ดินนั้น ดิฉันอยากยกให้สามีได้อยู่อาศัยจวบจนลมหายใจสุดท้ายของเขา อยากให้เขามีสิทธิ์อยู่บ้านหลังนั้นอย่างมีความสุข เพราะเขาคือคนสำคัญที่สร้างบ้านหลังนี้ขึ้นมา สามีเป็นคนที่รักเมืองไทยมาก อยากไปใช้ชีวิตที่บ้านนาของดิฉัน ชอบอาหารไทย และชอบชีวิตเรียบง่ายแบบหมู่บ้านของดิฉัน ดิฉันอยากให้เขาได้รับส่วนตรงนี้ทั้งหมด
ทั้งนี้ดิฉันเองก็ไม่อยากเป็นคนโลกสวยเกินไป เลยคิดวางแผนทำอะไรสำคัญ ๆ ไว้บ้าง โดยคิดไว้ว่า ถ้าเมื่อใดที่ดิฉันจากโลกนี้ไป และสามีดิฉันกลับไปพักผ่อนอยู่บ้านหลังนั้น เมื่อใดที่เขาถูกรังแกเอารัดเอาเปรียบจากญาติพี่น้องคนรอบข้าง หรือว่าอยู่ที่บ้านหลังนั้นแล้วไม่มีความสุข ดิฉันอยากให้สิทธิ์เขาได้ขายบ้านหลังนั้นทันที หรือจะบริจาคให้เป็นทรัพย์สินของแผ่นดินก็แล้วแต่ใจของเขา เพราะดิฉันให้สิทธิ์สามีแต่เพียงผู้เดียว
ทั้นนี้ดิฉันดิฉันทราบมาว่า ทางกฏหมายไทยไม่อนุญาตให้ชาวต่างชาติครอบครองอสังหาริมทรัพย์ (ยกเว้นคอนโดมิเนี่ยม หรือไม่ก็คนทีมีเงินเยอะ ๆ มาลงทุนทำธุรกิจ) แต่ดิฉันกับสามีไม่อยู่ในขอบเขตที่กฏหมายระบุ เราไม่ใช่นักธุรกิจ แค่สร้างบ้านหลังเล็ก ๆ หวังอยู่ยามแก่เฒ่าเท่านั้นค่ะ และเรื่องกฏหมายที่ไทย ดิฉันยอมรับว่าไม่ค่อยรู้มากนัก ไม่รู้ว่ามีอะไรเปลี่ยนแปลงไปบ้าง ดิฉันอาศัยหาอ่านเอาทางอินเตอร์เน็ตและหนังสือเท่านั้นค่ะ
ดิฉันอยากรบกวนสอบถามพี่ ๆ เพื่อน ๆ ห้องนี้ให้คำแนะนำดิฉันด้วยค่ะ
1. ไม่ทราบว่าดิฉันสามารถติดต่อทนายความดี ๆ ได้ที่ไหนคะ ผ่านสำนักงานทนายความก็ได้ ยิ่งถ้าพอที่จะพูดเข้าใจภาษาอังกฤษได้ ยิ่งดีมาก ๆ ค่ะ
2. ทนายความที่จะทำพินัยกรรมให้ ต้องอยู่อาศัยในจังหวัดที่ตั้งของบ้านหรือไม่คะ หรือว่าเป็นทนายความจากกรุงเทพฯ หรือที่อื่น ๆ ได้
3. เรื่องค่าใช้จ่ายในการทำพินัยกรรมตกอยู่ประมาณเท่าใดค่ะ มีค่าธรรมเนียมอะไรบ้างคะ ต้องจ่ายมัดจำอะไรบ้าง
4. ระยะเวลาในการทำพินัยกรรมนานไหมคะ เพราะดิฉันอยู่ต่างประเทศ มีเวลากลับไปเมืองไทยเพียงไม่กี่วัน (ตั้งใจว่าหากได้ทนายความดี ๆ อยากให้เขาร่างทุกอย่างที่ต้องการให้พร้อม เมื่อดิฉันและสามีบินไปถึงเมืองไทย จะไปหาที่สำนักงานทนายความโดยตรงค่ะ)
5. พยานที่เซ็นต์ในพินัยกรรมต้องใช้กี่คน ปกติทางทนายความจัดเตรียมไว้ให้ด้วยหรือเปล่าคะ ไม่ต้องเป็นญาติพี่น้องเราได้ไหมคะ
6. การเก็บรักษาพินัยกรรม นอกจากเก็บไว้ที่ตัวเอง ทางสำนักงานทนายความที่เมืองไทยเก็บรักษาไว้ให้ด้วยไหมคะ มีที่ไหนที่ดิฉันต้องเก็บไว้บ้างคะ สถานฑูตรับเก็บพินัยกรรมด้วยไหมคะ
7. ถ้าเกิดว่าดิฉันและสามีเสียชีวิตทั้งสองคน ไม่ว่าจะเสียชีวิตที่เมืองไทยหรือที่อเมริกา ดิฉันอยากบริจาคบ้านให้เป็นทรัพย์สินของแผ่นดิน เพื่อใช้เป็นประโยชน์ที่ดี สร้างเป็นห้องสมุดให้ประชาชนในตำบลที่อยู่ ได้เรียนรู้ได้อ่านหนังสือกัน ดิฉันสามารถทำได้ในพินัยกรรมรวมทีเดียวเลยหรือไม่คะ
ดิฉันขอขอบคุณพี่ ๆ เพื่อน ๆ ทุกคำแนะนำค่ะ หากท่านมีความรู้และประสบการณ์ รบกวนบอกกันบ้างนะคะ ขอบคุณจากใจ
ดิฉันขออนุญาตแท็กห้องไกลบ้าน อันเนื่องมาจากเรื่องนี้อาจจะ่มีพี่ ๆ เพื่อน ๆ ห้องไกลบ้านที่มีความรู้เข้ามาตอบและอาจจะเป็นประโยชน์ให้ท่านอื่น ๆ ด้วยค่ะ