เมื่อซักครู่ได้เห็นคอมเมนต์ถึงการรักษาจากโรงพยาบาล ที่ค่อนข้างเป็นแง่ลบพอสมควร
ออกตัวก่อนเลยผมไม่ใช่หมอ ผมเป็นเพียงแค่นศ.เทคนิคการแพทย์เท่านั้น
แต่พอได้เห็นความคิดแบบนี้แล้วอดหดหู่ใจไม่ได้ เพราะคนที่ทำงานใน รพ. ทุกคน
ต้องเสียสละมากเพียงใด ผมก็เคยคิดว่าหมอเรียนไปเพราะเด็กเรียน อยากรวย อยากเท่
แต่กว่าจะเป็นได้ยากเพียงใด แล้วทำงานแทบไม่ได้พักผ่อนจริงๆสำหรับงานทางการแพทย์
บางคอมเมนต์กล่าวถึงระบบคิว ระบบการรับบัตร ว่าล่าช้าคนจะตายอยู่แล้ว ยังต้องรอทำบัตร
(บางคอมเมนต์บอกโดนแทงยังทำบัตรก่อน ในความเป็นจริง ER ต้องพาเข้าไปรักษาแล้ว อันนี้น่าจะใส่อารมณ์มากกว่าจะจริง )
ผมก็เคยคิดแบบนี้เหมือนกันนะ แต่การที่คนมารับรักษามักจะคิดว่าตัวเองแย่แล้ว
ทำไมไม่รักษากูก่อน คนอื่นไว้ทีหลังอะไรแบบนี้ แต่มันเป็นไปไม่ได้หรอก กรณีเร่งด่วนก็ต้องเร่ง อะไรที่รอได้ก็ต้องรอ
การที่จะรักษาโรคซักโรคนึงมันก็เหมือนการเปิดป้ายคุณสมบัติเกมแฟนพันธ์ุแท้อ่ะครับ
คือเราอาจะได้ข้อมูลมายังไม่ครบต้องเดาโรคเอง ต้องรับรักษาตามอาการก่อน คนส่วนใหญ่จึงได้รับยาพาราทุกฯที
บางคนบอกไปรพ.เพราะท้องเสีย หมอให้ยาพาราฯมากิน ที่จริงท้องเสียไม่ต้องกินยา แต่ต้องทานน้ำเกลือทดแทน !!
บางคนบอกเจ็บคอหมอให้ Amoxycilin มา บอกว่ารู้งี้ไปซื้อกินเองก็ได้
ซึ่งการเจ็บคอกว่า 80-90% เกิดจากไวรัสที่หายเองได้โดยไม่ต้องกินยาปฏิชีวนะ
การไปซื้อยาปฏิชีวนะมากินเองอาจทำให้ดื้อยาไปเองก็ได้
บางคนด่าถึงว่าหมอพยาบาลไร้คุณธรรม หวังแต่จะหาเงิน ยอมรับว่ามีจริงแต่น้อยมากๆ
คนที่จะมาทำงานในจุดนี้ได้ส่วนใหญ่จะต้องอดทมากๆ เสียสละชีวิตตัวเอง
จะได้พักผ่อนน้อยกว่าอาชีพอื่นๆ เสี่ยงการติดโรครุนแรงกว่ากว่าใคร
เวลาว่างที่บอกได้เลยว่าน้อยมากๆ วันหยุดที่ทุกๆคนหยุด รพ.ไม่ได้หยุดนะครับ
ผมอยากให้ทุกคนในสังคมพยายามเข้าใจว่ารพ.พยายามจริงๆในการรักษาที่ดีที่สุดสำหรับคนไข้
แต่อาจด้วยบุคลาการที่มีจำกัด งบประมาณที่มีจำกัด หรืออะไรก็ตาม ทำให้มันไม่อาจดีเท่าใจทุกคนต้องการได้
ผมไม่ได้เรียกร้องอะไรนะครับ แต่อยากให้ทุกคนเข้าใจจริงๆ เพราะคนแบบผมตั้งใจจะอุทิศตนทำงานด้านนี้
ดังนั้นการรักษาที่ดีมันต้องเกิดจากสองฝ่ายทั้งผู้รับบริการและผู้ให้บริการ
ขอบคุณผู้ที่เสียเวลาอ่านนะครับ ถ้าจะให้ดีช่วยแชร์หรือส่งต่อให้รับรู้กันหน่อย
อาจมีคนเข้าใจมั่งไม่เช้าใจมั่ง ก็ไม่เป็นไรครับ
ที่มา :
https://www.facebook.com/photo.php?v=571514676302540
รบกวนทุกท่านคลิกมาอ่านซักนิดเถอะครับ เกี่ยวกับการรักษาในโรงพยาบาล
เมื่อซักครู่ได้เห็นคอมเมนต์ถึงการรักษาจากโรงพยาบาล ที่ค่อนข้างเป็นแง่ลบพอสมควร
ออกตัวก่อนเลยผมไม่ใช่หมอ ผมเป็นเพียงแค่นศ.เทคนิคการแพทย์เท่านั้น
แต่พอได้เห็นความคิดแบบนี้แล้วอดหดหู่ใจไม่ได้ เพราะคนที่ทำงานใน รพ. ทุกคน
ต้องเสียสละมากเพียงใด ผมก็เคยคิดว่าหมอเรียนไปเพราะเด็กเรียน อยากรวย อยากเท่
แต่กว่าจะเป็นได้ยากเพียงใด แล้วทำงานแทบไม่ได้พักผ่อนจริงๆสำหรับงานทางการแพทย์
บางคอมเมนต์กล่าวถึงระบบคิว ระบบการรับบัตร ว่าล่าช้าคนจะตายอยู่แล้ว ยังต้องรอทำบัตร
(บางคอมเมนต์บอกโดนแทงยังทำบัตรก่อน ในความเป็นจริง ER ต้องพาเข้าไปรักษาแล้ว อันนี้น่าจะใส่อารมณ์มากกว่าจะจริง )
ผมก็เคยคิดแบบนี้เหมือนกันนะ แต่การที่คนมารับรักษามักจะคิดว่าตัวเองแย่แล้ว
ทำไมไม่รักษากูก่อน คนอื่นไว้ทีหลังอะไรแบบนี้ แต่มันเป็นไปไม่ได้หรอก กรณีเร่งด่วนก็ต้องเร่ง อะไรที่รอได้ก็ต้องรอ
การที่จะรักษาโรคซักโรคนึงมันก็เหมือนการเปิดป้ายคุณสมบัติเกมแฟนพันธ์ุแท้อ่ะครับ
คือเราอาจะได้ข้อมูลมายังไม่ครบต้องเดาโรคเอง ต้องรับรักษาตามอาการก่อน คนส่วนใหญ่จึงได้รับยาพาราทุกฯที
บางคนบอกไปรพ.เพราะท้องเสีย หมอให้ยาพาราฯมากิน ที่จริงท้องเสียไม่ต้องกินยา แต่ต้องทานน้ำเกลือทดแทน !!
บางคนบอกเจ็บคอหมอให้ Amoxycilin มา บอกว่ารู้งี้ไปซื้อกินเองก็ได้
ซึ่งการเจ็บคอกว่า 80-90% เกิดจากไวรัสที่หายเองได้โดยไม่ต้องกินยาปฏิชีวนะ
การไปซื้อยาปฏิชีวนะมากินเองอาจทำให้ดื้อยาไปเองก็ได้
บางคนด่าถึงว่าหมอพยาบาลไร้คุณธรรม หวังแต่จะหาเงิน ยอมรับว่ามีจริงแต่น้อยมากๆ
คนที่จะมาทำงานในจุดนี้ได้ส่วนใหญ่จะต้องอดทมากๆ เสียสละชีวิตตัวเอง
จะได้พักผ่อนน้อยกว่าอาชีพอื่นๆ เสี่ยงการติดโรครุนแรงกว่ากว่าใคร
เวลาว่างที่บอกได้เลยว่าน้อยมากๆ วันหยุดที่ทุกๆคนหยุด รพ.ไม่ได้หยุดนะครับ
ผมอยากให้ทุกคนในสังคมพยายามเข้าใจว่ารพ.พยายามจริงๆในการรักษาที่ดีที่สุดสำหรับคนไข้
แต่อาจด้วยบุคลาการที่มีจำกัด งบประมาณที่มีจำกัด หรืออะไรก็ตาม ทำให้มันไม่อาจดีเท่าใจทุกคนต้องการได้
ผมไม่ได้เรียกร้องอะไรนะครับ แต่อยากให้ทุกคนเข้าใจจริงๆ เพราะคนแบบผมตั้งใจจะอุทิศตนทำงานด้านนี้
ดังนั้นการรักษาที่ดีมันต้องเกิดจากสองฝ่ายทั้งผู้รับบริการและผู้ให้บริการ
ขอบคุณผู้ที่เสียเวลาอ่านนะครับ ถ้าจะให้ดีช่วยแชร์หรือส่งต่อให้รับรู้กันหน่อย
อาจมีคนเข้าใจมั่งไม่เช้าใจมั่ง ก็ไม่เป็นไรครับ
ที่มา : https://www.facebook.com/photo.php?v=571514676302540