สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 69
ประชากรในประเทศยังเป็นเยี่ยงนี้ แต่เรียกหารัฐบาลไม่โกง มันดูน่าสมเพชยังไงไม่รู้ เพราะเหมือนความโกง มันหยั่งรากลึกลงในสังคมไทยเรียบร้อยละ
การไม่เคารพในสิทธิ์ซึ่งกันและกัน แถมเพราะสิ่งพวกนี้ไม่ใช่สิ่งจำเป็นเสียทีเดียว โปรแกรมเอย เพลงเอย เสื้อผ้ากระเป๋ารองเท้า ถ้ารู้จักประมาณตนกับใช้ให้เป็นก็ไม่มีปัญหา โปรแกรมก็มี Freeware, เกมก็มี Free-to-Play, เพลงมี iTune Youtube, ของใช้ไม่แบรนด์เนมมีถมไป สุดท้ายมันเหมือนกับการพยายามทำสิ่งที่ผิดให้ดูถูกต้องซะอย่างนั้น
หลายต่อหลายคนตัวเองโกงเขากลับไม่รู้สึกอะไร แต่พอโดนโกง โดนเอาเปรียบแล้วมาเรียกร้องอย่างนู้นนี้ เห็นแล้วมันน่าสมเพชจริงๆ
การไม่เคารพในสิทธิ์ซึ่งกันและกัน แถมเพราะสิ่งพวกนี้ไม่ใช่สิ่งจำเป็นเสียทีเดียว โปรแกรมเอย เพลงเอย เสื้อผ้ากระเป๋ารองเท้า ถ้ารู้จักประมาณตนกับใช้ให้เป็นก็ไม่มีปัญหา โปรแกรมก็มี Freeware, เกมก็มี Free-to-Play, เพลงมี iTune Youtube, ของใช้ไม่แบรนด์เนมมีถมไป สุดท้ายมันเหมือนกับการพยายามทำสิ่งที่ผิดให้ดูถูกต้องซะอย่างนั้น
หลายต่อหลายคนตัวเองโกงเขากลับไม่รู้สึกอะไร แต่พอโดนโกง โดนเอาเปรียบแล้วมาเรียกร้องอย่างนู้นนี้ เห็นแล้วมันน่าสมเพชจริงๆ
ความคิดเห็นที่ 25
ไม่มันส์
อยากได้อะไรๆ ใช้เงินซื้อเอา แบบไม่ต้องใช้สมองคิด รู้สึกมันไม่มีค่า ครับ...
เป็นการเพาะบ่ม นิสัย ฟุ้งเฟ้อ ใช้เงิน เพื่อจบปัญหา อย่างเดียว
แต่ถ้าอยากได้อะไร แล้วต้องใช้สมอง ต้องออกแรงหา ออกแรงแปลเอง รู้สึกมันมีค่ากว่าเยอะ
เหมือน หนังสือการ์ตูน เดินออกไปซื้อหน้าบ้าน จ่าย 50 บาท แลกกระดาษมาอ่านหนึ่งกอง... จบ
กับอีกวิธี ขวนขวายหาลิงค์โหลดเถื่อนมันให้ได้, ได้แล้ว อ่านภาษาอังกฤษ ไม่รู้เรื่อง ก็ต้องหัดแปล,หัดเปิดดิก,หัดพิมพ์ดีด (พิมพ์คอม มันเร็วกว่า พลิกดิก ทีละหน้า) พอเริ่มจะรู้เรื่องบ้าง ไม่รู้เรื่องบ้าง ก็ต้องหัดจับไวยกรณ์ (Grammar) และ ท่องศัพท์ (Vocabulary) ไปเรื่อยๆ
พออ่านไปสักพัก จะรู้สึกว่า ทักษะการอ่าน จะดีขึ้น ไวขึ้น แม่นยำขึ้น แต่ยังไม่ได้มาตรฐานพอ ต้องไปหาหนังสือไวยกรณ์เฉพาะ มาอ่านเพิ่มเติมอีก (โหลดฟรี ไม่เสียเงินเช่นกัน) ทำให้ทักษะด้านภาษา เราค่อยดีขึ้น
จากที่เมื่อก่อน จะอ่าน นสพ.สักเล่ม อย่างน้อยๆ ต้องพกดิกติดตัว เดี๋ยวนี้ ไม่ต้องพกดิก ก็จับใจความได้ราว 80-90% (ยังไม่ ครบ 100%) อ่าน textbook ได้,พูดคุยกับลูกค้าฝรั่งได้. e-mail ไปหาฝรั่งได้, chat กับฝรั่งได้บ้าง, ไปตั้งกระทู้บอร์ด ตปท.เล็กๆ น้อยๆ ได้บ้างพอควร จากที่เมื่อก่อน ไม่เคยคิดแม้แต่จะไปยุ่ง เพราะไม่มั่นใจ และ ฐานภาษา ไม่แข็งแรงพอ
ยอมรับว่า ปัจจุบัน ทักษะตัวนี้ ยังไม่สมบูรณ์เต็มร้อย แต่ก็ดีกว่าเมื่อมาก จากที่ไม่รู้อะไร ต้องมาตั้งกระทู้ถาม กลายเป็น ไปหาอ่านภาษาอังกฤษ มีคนตอบไว้ทุกอย่าง มาตั้งนานแล้ว ทั้งเรื่อง anime, manga ,fansub, คอมพิวเตอร์ ฯลฯ อยากแปลงซับมาดูกับหนัง ไม่เคยอ่านวิธีทำภาษาไทย อ่านจากเอกสารภาษาอังกฤษที่เขาทำไว้ทั้งนั้น ทั้งละเอียด และ กระชับมาก ฝรั่งเขาเขียนมาดีแล้ว ความรู้แทบทุกอย่าง ของคนไทย ที่เอามาเผยแพร่ ก็แปลมาจากภาษาอังกฤษทั้งนั้น ทำให้ขอบเขตการรับรู้เรา กว้างขึ้นกว่าเมื่อก่อน ที่ถูกจำกัด โดยภาษาไทย อย่างเดียว
พอเราอ่านภาษาอังกฤษได้ ก็ลามไปหา ภาษาญี่ปุ่น คราวนี้เปิดกว้างกว่า เมื่อก่อนมาก จากเดิม ถ้าอยากแปลคันจิ สักคำ ต้องไปซื้อ Kodansha Compact Kanji Guide แล้วต้องมานั่งนับเส้น,ไล่ตำแหน่ง หน้า,หลัง,บน,ล่าง ไปทำละคำ กลายเป็น การหาศัทพ์ จาก รากศัพท์ (Radicals) ได้เอง ฝรั่งมันเขียนวิธีนี้ไว้ตั้งนานแล้ว ครับ ทำให้เราสามารถแปล และ หาศัพท์ ได้ง่ายกว่าเมื่อก่อนมาก
อย่าง ตอนดูหนัง AV ช่วง preview บางตอน เห็นนางเอกสวย หุ่นดี เล่นเก่ง แต่ ดันอ่านชื่อไม่ออก เพราะดันเขียนชื่อเป็น Kanji (ถ้าเป็น Hiragana ก็ไม่เป็นปัญหา) ถ้าเป็นเมื่อก่อน จะค้นชื่อวิธีไหน ก็นึกไม่ออก ได้แต่ เก็บไว้ ด้วยความ อึดอัด
แต่ปัจจุบัน แค่พิมพ์ "Find Kanji from Image" แค่นี้ ก็มีบทความภาษาอังกฤษ ให้เราอ่านเพียบ ทำให้รู้วิธีการหาศัพท์ จาก รากคำ (root) ซึ่งมันเร็ว และ หาได้ง่ายกว่า การพลิกหนังสือมาก แป๊บเดียว ก็หาชื่อนางเอกได้แล้ว ตามด้วยรหัส DVD อีกนิดหน่อย แค่นี้ เรื่องไหน ที่อยากได้ แทบไม่เคยหลุดมือ ครับ
ฯลฯ
ทักษะพวกนี้ จะไม่มีทางได้มา อย่างเด็ดขาด เพราะ ถ้าจบความอยากทุกอย่าง ด้วยการใช้เงิน แก้ปัญหา อย่างเดียว... อยากอ่านเรื่องอะไร ใช้เงินซื้อเอา ผมก็คงอ่านเป็นแต่ภาษาไทย ตลอดชีวิต เพราะไม่ต้องคิด,ไม่ต้องค้นหาอะไร มีคนทำให้เราหมดแล้ว แค่คุณเสียเงินจ่าย ของ "ลิขสิทธิ์" เท่านั้น
แต่เมื่อผมอยากอ่าน ผมต้องไปหัดภาษาเพิ่ม,ต้องหัดแปล,ต้องรู้จักค้นคว้าไปเรื่อยๆ อย่างไม่มีที่สิ้นสุด ระยะยาว ผมได้มากกว่า การจ่ายเงิน เพื่อสนองความอยากเท่านั้น แน่นอน ครับ... ถึงวันนี้ ยังอ่านภาษาญี่ปุ่นไม่ได้ วันหน้า มันก็ต้องอ่านได้แน่นอน เพราะผม มีเครื่องมือ พร้อมหมดทุกอย่างแล้ว
และที่สำคัญ เงินที่หมดไปกับของลิขสิทธิ์ ผมเอาไปทำประโยชน์อย่างอื่นได้ มากกว่า แลกกระดาษถูกกฏหมายมา ไม่กี่กอง ครับ...ลองนับดูนะครับ ว่า บางคน ซื้อของสะสม หมดเงินไปเป็นแสนๆ ถ้าเอาเงินก้อนนี้ ไปทำประโยชน์อย่างอื่น คุณจะได้อะไรกลับมา มากกว่า มีคุณค่ากว่า หรือเปล่า ตอนที่ป่วย และ กำลังจ่ายค่ารักษา อยู่ คุณเคยคิดถึงเงินกองนี้ บ้างหรือไม่?
ใครที่กำลิขสิทธิ์ไว้ อย่านึกว่า ยุคนี้ คนซื้อ จะถูกมัดมือมัดเท้า เหมือนเมื่อก่อน... กระดาษ ไม่ใช่ข้อจำกัด ของคนอ่านอีกแล้ว ครับ ถ้าอยากขายแพง เพราะนึกว่า มีลิขสิทธิ์ ก็เตรียมใจรับการกระทืบ จากของเถื่อนได้... ยุคที่ข้าวของแพง ในปัจจุบันนี้ ไม่มีใครคิดใช้เงินแบบเผาแบงค์กงเต็ก เหลืออยู่ อีกแล้วครับ ... ขอให้สำนักพิมพ์จงพินาศ นักอ่านจงเจริญ ครับ
อยากได้อะไรๆ ใช้เงินซื้อเอา แบบไม่ต้องใช้สมองคิด รู้สึกมันไม่มีค่า ครับ...
เป็นการเพาะบ่ม นิสัย ฟุ้งเฟ้อ ใช้เงิน เพื่อจบปัญหา อย่างเดียว
แต่ถ้าอยากได้อะไร แล้วต้องใช้สมอง ต้องออกแรงหา ออกแรงแปลเอง รู้สึกมันมีค่ากว่าเยอะ
เหมือน หนังสือการ์ตูน เดินออกไปซื้อหน้าบ้าน จ่าย 50 บาท แลกกระดาษมาอ่านหนึ่งกอง... จบ
กับอีกวิธี ขวนขวายหาลิงค์โหลดเถื่อนมันให้ได้, ได้แล้ว อ่านภาษาอังกฤษ ไม่รู้เรื่อง ก็ต้องหัดแปล,หัดเปิดดิก,หัดพิมพ์ดีด (พิมพ์คอม มันเร็วกว่า พลิกดิก ทีละหน้า) พอเริ่มจะรู้เรื่องบ้าง ไม่รู้เรื่องบ้าง ก็ต้องหัดจับไวยกรณ์ (Grammar) และ ท่องศัพท์ (Vocabulary) ไปเรื่อยๆ
พออ่านไปสักพัก จะรู้สึกว่า ทักษะการอ่าน จะดีขึ้น ไวขึ้น แม่นยำขึ้น แต่ยังไม่ได้มาตรฐานพอ ต้องไปหาหนังสือไวยกรณ์เฉพาะ มาอ่านเพิ่มเติมอีก (โหลดฟรี ไม่เสียเงินเช่นกัน) ทำให้ทักษะด้านภาษา เราค่อยดีขึ้น
จากที่เมื่อก่อน จะอ่าน นสพ.สักเล่ม อย่างน้อยๆ ต้องพกดิกติดตัว เดี๋ยวนี้ ไม่ต้องพกดิก ก็จับใจความได้ราว 80-90% (ยังไม่ ครบ 100%) อ่าน textbook ได้,พูดคุยกับลูกค้าฝรั่งได้. e-mail ไปหาฝรั่งได้, chat กับฝรั่งได้บ้าง, ไปตั้งกระทู้บอร์ด ตปท.เล็กๆ น้อยๆ ได้บ้างพอควร จากที่เมื่อก่อน ไม่เคยคิดแม้แต่จะไปยุ่ง เพราะไม่มั่นใจ และ ฐานภาษา ไม่แข็งแรงพอ
ยอมรับว่า ปัจจุบัน ทักษะตัวนี้ ยังไม่สมบูรณ์เต็มร้อย แต่ก็ดีกว่าเมื่อมาก จากที่ไม่รู้อะไร ต้องมาตั้งกระทู้ถาม กลายเป็น ไปหาอ่านภาษาอังกฤษ มีคนตอบไว้ทุกอย่าง มาตั้งนานแล้ว ทั้งเรื่อง anime, manga ,fansub, คอมพิวเตอร์ ฯลฯ อยากแปลงซับมาดูกับหนัง ไม่เคยอ่านวิธีทำภาษาไทย อ่านจากเอกสารภาษาอังกฤษที่เขาทำไว้ทั้งนั้น ทั้งละเอียด และ กระชับมาก ฝรั่งเขาเขียนมาดีแล้ว ความรู้แทบทุกอย่าง ของคนไทย ที่เอามาเผยแพร่ ก็แปลมาจากภาษาอังกฤษทั้งนั้น ทำให้ขอบเขตการรับรู้เรา กว้างขึ้นกว่าเมื่อก่อน ที่ถูกจำกัด โดยภาษาไทย อย่างเดียว
พอเราอ่านภาษาอังกฤษได้ ก็ลามไปหา ภาษาญี่ปุ่น คราวนี้เปิดกว้างกว่า เมื่อก่อนมาก จากเดิม ถ้าอยากแปลคันจิ สักคำ ต้องไปซื้อ Kodansha Compact Kanji Guide แล้วต้องมานั่งนับเส้น,ไล่ตำแหน่ง หน้า,หลัง,บน,ล่าง ไปทำละคำ กลายเป็น การหาศัทพ์ จาก รากศัพท์ (Radicals) ได้เอง ฝรั่งมันเขียนวิธีนี้ไว้ตั้งนานแล้ว ครับ ทำให้เราสามารถแปล และ หาศัพท์ ได้ง่ายกว่าเมื่อก่อนมาก
อย่าง ตอนดูหนัง AV ช่วง preview บางตอน เห็นนางเอกสวย หุ่นดี เล่นเก่ง แต่ ดันอ่านชื่อไม่ออก เพราะดันเขียนชื่อเป็น Kanji (ถ้าเป็น Hiragana ก็ไม่เป็นปัญหา) ถ้าเป็นเมื่อก่อน จะค้นชื่อวิธีไหน ก็นึกไม่ออก ได้แต่ เก็บไว้ ด้วยความ อึดอัด
แต่ปัจจุบัน แค่พิมพ์ "Find Kanji from Image" แค่นี้ ก็มีบทความภาษาอังกฤษ ให้เราอ่านเพียบ ทำให้รู้วิธีการหาศัพท์ จาก รากคำ (root) ซึ่งมันเร็ว และ หาได้ง่ายกว่า การพลิกหนังสือมาก แป๊บเดียว ก็หาชื่อนางเอกได้แล้ว ตามด้วยรหัส DVD อีกนิดหน่อย แค่นี้ เรื่องไหน ที่อยากได้ แทบไม่เคยหลุดมือ ครับ
ฯลฯ
ทักษะพวกนี้ จะไม่มีทางได้มา อย่างเด็ดขาด เพราะ ถ้าจบความอยากทุกอย่าง ด้วยการใช้เงิน แก้ปัญหา อย่างเดียว... อยากอ่านเรื่องอะไร ใช้เงินซื้อเอา ผมก็คงอ่านเป็นแต่ภาษาไทย ตลอดชีวิต เพราะไม่ต้องคิด,ไม่ต้องค้นหาอะไร มีคนทำให้เราหมดแล้ว แค่คุณเสียเงินจ่าย ของ "ลิขสิทธิ์" เท่านั้น
แต่เมื่อผมอยากอ่าน ผมต้องไปหัดภาษาเพิ่ม,ต้องหัดแปล,ต้องรู้จักค้นคว้าไปเรื่อยๆ อย่างไม่มีที่สิ้นสุด ระยะยาว ผมได้มากกว่า การจ่ายเงิน เพื่อสนองความอยากเท่านั้น แน่นอน ครับ... ถึงวันนี้ ยังอ่านภาษาญี่ปุ่นไม่ได้ วันหน้า มันก็ต้องอ่านได้แน่นอน เพราะผม มีเครื่องมือ พร้อมหมดทุกอย่างแล้ว
และที่สำคัญ เงินที่หมดไปกับของลิขสิทธิ์ ผมเอาไปทำประโยชน์อย่างอื่นได้ มากกว่า แลกกระดาษถูกกฏหมายมา ไม่กี่กอง ครับ...ลองนับดูนะครับ ว่า บางคน ซื้อของสะสม หมดเงินไปเป็นแสนๆ ถ้าเอาเงินก้อนนี้ ไปทำประโยชน์อย่างอื่น คุณจะได้อะไรกลับมา มากกว่า มีคุณค่ากว่า หรือเปล่า ตอนที่ป่วย และ กำลังจ่ายค่ารักษา อยู่ คุณเคยคิดถึงเงินกองนี้ บ้างหรือไม่?
ใครที่กำลิขสิทธิ์ไว้ อย่านึกว่า ยุคนี้ คนซื้อ จะถูกมัดมือมัดเท้า เหมือนเมื่อก่อน... กระดาษ ไม่ใช่ข้อจำกัด ของคนอ่านอีกแล้ว ครับ ถ้าอยากขายแพง เพราะนึกว่า มีลิขสิทธิ์ ก็เตรียมใจรับการกระทืบ จากของเถื่อนได้... ยุคที่ข้าวของแพง ในปัจจุบันนี้ ไม่มีใครคิดใช้เงินแบบเผาแบงค์กงเต็ก เหลืออยู่ อีกแล้วครับ ... ขอให้สำนักพิมพ์จงพินาศ นักอ่านจงเจริญ ครับ
ความคิดเห็นที่ 83
เหตุผลหลักๆคือ
1. มักง่าย - คิดว่าจะใช้อะไร จะดูอะไร จะฟังอะไรก็เหมือนๆกัน
2. ชอบอ้าง - อ้างความด้อยทางโอกาส ฐานะ และเวลา
3. เคยชิน - ถูกปลูกฝังมาตั้งแต่เด็กในการใช้สินค้าละเมิดลิขสิทธิ์ ทำจนเป็นนิสัย จนเลิกไม่ได้
4. ขาดจิตสำนึก ไม่คิดว่าเป็นเรื่องเสียหาย ไม่เคยคิดถึงเรื่องใจเขา ใจเรา
ส่วนตัวผมพยายามลด ละ เลิก สินค้าละเมิดลิขสิทธิ์ต่างๆให้มากที่สุด ไม่ว่าของเหล่านั้นจะทำออกมาดีแค่ไหน หากรู้ว่าเป็นของที่ทำเลียนแบบ หรือละเมิดลิขสิทธิ์ ก็จะไม่จ่ายเงินที่หามาด้วยน้ำพักน้ำแรง
1. มักง่าย - คิดว่าจะใช้อะไร จะดูอะไร จะฟังอะไรก็เหมือนๆกัน
2. ชอบอ้าง - อ้างความด้อยทางโอกาส ฐานะ และเวลา
3. เคยชิน - ถูกปลูกฝังมาตั้งแต่เด็กในการใช้สินค้าละเมิดลิขสิทธิ์ ทำจนเป็นนิสัย จนเลิกไม่ได้
4. ขาดจิตสำนึก ไม่คิดว่าเป็นเรื่องเสียหาย ไม่เคยคิดถึงเรื่องใจเขา ใจเรา
ส่วนตัวผมพยายามลด ละ เลิก สินค้าละเมิดลิขสิทธิ์ต่างๆให้มากที่สุด ไม่ว่าของเหล่านั้นจะทำออกมาดีแค่ไหน หากรู้ว่าเป็นของที่ทำเลียนแบบ หรือละเมิดลิขสิทธิ์ ก็จะไม่จ่ายเงินที่หามาด้วยน้ำพักน้ำแรง
แสดงความคิดเห็น
เพราะเหตุใดคุณถึงไม่ซื้อ "สินค้า" มี "ลิขสิทธิ์" (ตอบตามจริง)