เชื่อว่าหลายๆท่าน ต้องพกมือถือไม่ต่ำกว่า 2 เครื่อง ผมก็มีเอาไว้สำรองเช่นกัน แต่จะใช้รุ่นทั่วไปมันจะไม่ค่อยอินดี้เท่าไหร่ ก็เลยต้องขุดคุณปู่ Ericsson T39m มาใช้ ด้วยขนาดที่ไม่ใหญ่โต และบางเบา จับถนัดมือ ดีไซน์ได้อินดี้ ผมเลยปลุกมาประจำการ
หลังจากโซนี่ซื้อกิจการมาถึงตอนนี้ คำว่า ERICSSON ก็ได้หายไปเป็นที่เรียบร้อย
ผ่านมาก็ 10 กว่าปีแล้วนะ จะไหวเหรอปู่ งั้นเริ่มกันเลยครับ
มีไฟแสดงสถานะสีเขียวกระพริบ ถ้าแบตใกล้จะหมดไฟก็จะเปลี่ยนเป็นสีแดง และด้วยเสาอากาศกระโดงฉลามอันโด่งดังของอีริคสัน ทำให้รับสัญญาณได้แรงสุดๆ เสาใหญ่ๆเป็นเอกลักษณ์ของตระกูลอีริคสันมานานจนเทรนของมือถือแบบซ่อนเสาไว้ในตัวเครื่องฮิตขึ้นมา
อินฟราเรดพอร์ต ที่รุ่นไฮโซสมัยก่อนต้องมี ถือว่าไฮเทคมากในสมัยนั้น
ฝาฟลิป รุ่นนี้เป็นแบบกึ่งออโต้ โดยใช้นิ้วงัดฝาออกมาหน่อยนึง พอได้มุมฝามันก็จะดีดออกมาเอง อีริคสันสมัยนั้นถือเป็นจ้าวแห่งฝาฟลิปเลยทีเดียว มีเอกลักษณ์ ออกแบบได้หล่อเหลามาตั้งแต่รุ่น T28 ที่กดปุ่มด้านข้างฝาเด้งออกมาเป็นอะไรที่เท่มาก และสามารถตั้งให้เปิดฝารับสายได้ทันที มีรูไมโครโฟนทำมุมกับปากพอดี ทำให้คุณภาพเสียงดียิ่งขึ้น
แผงปุ่มกด รุ่นนี้ไม่ใช้หลอดไฟ LED เพื่อให้ความสว่างเหมือนรุ่นทั่งไป แต่ใช้เทคโนโลยีที่เรียกว่า electro-luminescent "EL" backlight คืออะไรดูในกูเกิลเองนะจ๊ะ
เลื่อนปุ่มด้านข้างเพื่อดูสถานะเครื่อง แหม สแตนบายนานเว่อร์ไปป่ะ อิอิ อ่อฟังก์ชั่นนี้จะทำงานเมื่อใช้แบตแท้เท่านั้นครับ ปุ่มนี้เอาไว้ใช้ปรับระดับเสียง หรือเลื่อนลงสองครั้งติดกันเพื่อไม่รับสายเวลามีสายเข้า โดยที่ไม่ต้องเปิดฝา
ด้านหลังมีเพียงช่องใส่ซิม วัสดุบอดี้ทำมาจากอลูมิเนียมอัลลอยด์นะครับ แต่เวลาวางต้องระวังเพราะว่าสีมันลอกง่ายพอสมควร
แบตเตอร์รี่โพลิเมอร์ ไม่น่าเชื่อว่าเวลาผ่านมาเนิ่นนานแล้วยังไม่เสื่อม ยังใช้งานได้ 2 วันสบายๆ
แบตบางมาก แต่มีแบตอีกแบบที่เป็นแบบอ้วนเพิ่มความจุ อึดมากถึงมากที่สุด แต่ต้องแลกมาด้วยน้ำหนักและความหนาที่เพิ่มขึ้น ความหล่อลดลงนิดนึง อิอิ
แบนเรียบจริงๆครับ
ด้านข้าง สมัยนั้นถือว่าเป็นมือถือที่ค่อนข้างบาง แต่ยังไม่สุด เพราะว่ารุ่นพี่ T28 นั้นบางมากกว่า
รุ่นนี้เป็นรุ่นแรกของโลก ที่มีเทคโนโลยี Bluetooth (เวอร์ชั่น 1.0b สมัยนี้เวอร์ชั่นอะไรกันแล้วนะ) สมัยนั้นเป็นอะไรที่สุดยอดไฮเทค และฮือฮาเป็นอย่างมากเมื่อใช้กับหูฟังบลูทูธ
หน้าจอเป็นแบบ Grayscale graphic 101x54 พิกเซล แสดงผลตามระดับสี 4 สี ได้แก่สีขาว ดำ เทา เทาอ่อน ซึ่งของโนเกียตอนนั้นแสดงได้เพียงสีขาวดำ ไหนๆก็มีบลูทูธ ก็ลองต่อกับสมาร์ทโฟนต่างสัญชาติรุ่นหลานซะหน่อย นั่นแน่ะ ดันเชื่อมต่อกันได้อีก ส่งวอลล์เปเปอร์ให้ปู่หน่อยซิหลาน !!!
เซฟรูปด้วยครับปู่ !!!
มือถือสำรองของท่านใด เจ๋งๆ จ๊าบๆก็เอามาโชว์กันได้นะครับ สร้างความต่าง อย่างมีสไตล์ อิอิ
สิ่งที่ผมประทับใจมือถือรุ่นนี้คือความร้อนในการใช้งานน้อยมากๆ ขนาดใช้โทรนานเป็นชั่วโมงยังแค่อุ่นๆ ถ้าเป็นโนเกียในยุคเดียวกันคุยแป๊บเดียวก็ร้อนหูแล้วครับ เทียบกับ 8850 โทรแป๊บเดียวร้อนหูวูบๆ จนเหงื่อออกในรูหูเลยครับ อิอิกำ
[CR] R E V I E W : มือถือสำรอง ERICSSON T39m [World's First Bluetooth Phone]
เชื่อว่าหลายๆท่าน ต้องพกมือถือไม่ต่ำกว่า 2 เครื่อง ผมก็มีเอาไว้สำรองเช่นกัน แต่จะใช้รุ่นทั่วไปมันจะไม่ค่อยอินดี้เท่าไหร่ ก็เลยต้องขุดคุณปู่ Ericsson T39m มาใช้ ด้วยขนาดที่ไม่ใหญ่โต และบางเบา จับถนัดมือ ดีไซน์ได้อินดี้ ผมเลยปลุกมาประจำการ
หลังจากโซนี่ซื้อกิจการมาถึงตอนนี้ คำว่า ERICSSON ก็ได้หายไปเป็นที่เรียบร้อย
ผ่านมาก็ 10 กว่าปีแล้วนะ จะไหวเหรอปู่ งั้นเริ่มกันเลยครับ
มีไฟแสดงสถานะสีเขียวกระพริบ ถ้าแบตใกล้จะหมดไฟก็จะเปลี่ยนเป็นสีแดง และด้วยเสาอากาศกระโดงฉลามอันโด่งดังของอีริคสัน ทำให้รับสัญญาณได้แรงสุดๆ เสาใหญ่ๆเป็นเอกลักษณ์ของตระกูลอีริคสันมานานจนเทรนของมือถือแบบซ่อนเสาไว้ในตัวเครื่องฮิตขึ้นมา
อินฟราเรดพอร์ต ที่รุ่นไฮโซสมัยก่อนต้องมี ถือว่าไฮเทคมากในสมัยนั้น
ฝาฟลิป รุ่นนี้เป็นแบบกึ่งออโต้ โดยใช้นิ้วงัดฝาออกมาหน่อยนึง พอได้มุมฝามันก็จะดีดออกมาเอง อีริคสันสมัยนั้นถือเป็นจ้าวแห่งฝาฟลิปเลยทีเดียว มีเอกลักษณ์ ออกแบบได้หล่อเหลามาตั้งแต่รุ่น T28 ที่กดปุ่มด้านข้างฝาเด้งออกมาเป็นอะไรที่เท่มาก และสามารถตั้งให้เปิดฝารับสายได้ทันที มีรูไมโครโฟนทำมุมกับปากพอดี ทำให้คุณภาพเสียงดียิ่งขึ้น
แผงปุ่มกด รุ่นนี้ไม่ใช้หลอดไฟ LED เพื่อให้ความสว่างเหมือนรุ่นทั่งไป แต่ใช้เทคโนโลยีที่เรียกว่า electro-luminescent "EL" backlight คืออะไรดูในกูเกิลเองนะจ๊ะ
เลื่อนปุ่มด้านข้างเพื่อดูสถานะเครื่อง แหม สแตนบายนานเว่อร์ไปป่ะ อิอิ อ่อฟังก์ชั่นนี้จะทำงานเมื่อใช้แบตแท้เท่านั้นครับ ปุ่มนี้เอาไว้ใช้ปรับระดับเสียง หรือเลื่อนลงสองครั้งติดกันเพื่อไม่รับสายเวลามีสายเข้า โดยที่ไม่ต้องเปิดฝา
ด้านหลังมีเพียงช่องใส่ซิม วัสดุบอดี้ทำมาจากอลูมิเนียมอัลลอยด์นะครับ แต่เวลาวางต้องระวังเพราะว่าสีมันลอกง่ายพอสมควร
แบตเตอร์รี่โพลิเมอร์ ไม่น่าเชื่อว่าเวลาผ่านมาเนิ่นนานแล้วยังไม่เสื่อม ยังใช้งานได้ 2 วันสบายๆ
แบตบางมาก แต่มีแบตอีกแบบที่เป็นแบบอ้วนเพิ่มความจุ อึดมากถึงมากที่สุด แต่ต้องแลกมาด้วยน้ำหนักและความหนาที่เพิ่มขึ้น ความหล่อลดลงนิดนึง อิอิ
แบนเรียบจริงๆครับ
ด้านข้าง สมัยนั้นถือว่าเป็นมือถือที่ค่อนข้างบาง แต่ยังไม่สุด เพราะว่ารุ่นพี่ T28 นั้นบางมากกว่า
รุ่นนี้เป็นรุ่นแรกของโลก ที่มีเทคโนโลยี Bluetooth (เวอร์ชั่น 1.0b สมัยนี้เวอร์ชั่นอะไรกันแล้วนะ) สมัยนั้นเป็นอะไรที่สุดยอดไฮเทค และฮือฮาเป็นอย่างมากเมื่อใช้กับหูฟังบลูทูธ
หน้าจอเป็นแบบ Grayscale graphic 101x54 พิกเซล แสดงผลตามระดับสี 4 สี ได้แก่สีขาว ดำ เทา เทาอ่อน ซึ่งของโนเกียตอนนั้นแสดงได้เพียงสีขาวดำ ไหนๆก็มีบลูทูธ ก็ลองต่อกับสมาร์ทโฟนต่างสัญชาติรุ่นหลานซะหน่อย นั่นแน่ะ ดันเชื่อมต่อกันได้อีก ส่งวอลล์เปเปอร์ให้ปู่หน่อยซิหลาน !!!
เซฟรูปด้วยครับปู่ !!!
มือถือสำรองของท่านใด เจ๋งๆ จ๊าบๆก็เอามาโชว์กันได้นะครับ สร้างความต่าง อย่างมีสไตล์ อิอิ
สิ่งที่ผมประทับใจมือถือรุ่นนี้คือความร้อนในการใช้งานน้อยมากๆ ขนาดใช้โทรนานเป็นชั่วโมงยังแค่อุ่นๆ ถ้าเป็นโนเกียในยุคเดียวกันคุยแป๊บเดียวก็ร้อนหูแล้วครับ เทียบกับ 8850 โทรแป๊บเดียวร้อนหูวูบๆ จนเหงื่อออกในรูหูเลยครับ อิอิกำ