จูงจักรยานข้ามถนนโดนชนเสียชีวิต

จูงจักรยานข้ามถนนโดนรถชนเสียชีวิต จะเรียกร้องอย่างไรดี

(เบื้องต้นขอใช้คำว่าจูงก่อนนะครับแต่ไม่ยืนยันเพราะ จขกท.ไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์)
หลายวันก่อนมีเพื่อนรุ่นน้องโทรหาหลายครั้งเพื่อขอคำปรึกษาเรื่องที่ พี่เขยจูงจักรยานข้ามถนนแล้วถูกรถยนต์ชนเสียชีวิต แล้วทางฝ่ายผู้ชนบอกว่าเขาไม่ผิดเพราะผู้ตายปั่นจักรยานตัดหน้า ถือว่าประมาทร่วมและยืนยันว่า ผู้ตายขี่จักรยานข้ามถนน จึงเบรกไม่ทัน ผู้ชนอายุ 36 ปีเพศชาย ขับขี่รถกระบะอีซูซุ




ประวัติผู้ตาย ชื่อ นายเพชรรุ่ง ทองเชื้อ อายุ 42 ปีทำงานเป็น รปภ.อยู่บริษัทหนึ่งมาประมาณ 23 ปีแล้ว โดยรับเงินเดือนล่าสุดที่ 18,000 บาทและใช้จักรยานแม่บ้าน ในการเดินทางมาทำงานประจำตลอด ซึ่งระยะทางไม่ไกลจากบ้านนัก วันเกิดเหตุเวลาประมาณ 07.30 น.ของวันที่ 1 มีนาคม 2557 นายเพชรรุ่ง ทองเชื้อ ได้ขี่จักรยานออกมาจากบริษัท(ออกเวร)พอมาถึงถนนใหญ่(ถนนเพชรเกษม ย่านบ้านผู้หว่าน)ก็ลงจูงข้ามตามปรกติที่เคยทำ เพราะถนนกว้างมากและรถวิ่งเร็ว ขณะจูงข้ามก่อนถึงเกาะกลางถนน ก็ได้ถูกรถยนต์กระบะคันดังกล่าว ชนเข้าอย่างจัง จนเสียชีวิต(มีพยานเห็นเหตุการณ์ว่าจูงข้ามถนนและพร้อมเป็นพยานในชั้นศาล 1 คน)เมื่อเคลียร์กันวันเกิดเหตุผู้ชน ได้ให้เงินสดมา 10,000 บาท และวันตั้งศพนำมาให้อีก 5,000 บาท ผู้ชนบอกว่ารอให้เสร็จงานค่อยมาเคลียร์กัน
หลังจากจัดงานเผาศพเรียบร้อยเมื่อวันที่ 4 มีนาคม 2557 ฝ่ายญาติและภรรยาผู้เสียชีวิตนัดผู้ชนเข้าไปเคลียร์เรื่องกันที่ สน.โพธิ์แก้ว ภรรยาผู้เสียชีวิตเรียกค่าเสียหายจากการเสียผู้นำครอบครัว เป็นจำนวนเงิน 500,000 บาท ผู้เสียชีวิตเคยมีรายได้จุนเจือครอบครัว 18,000 บาท/เดือน ปรากฏว่าทางฝ่ายผู้ชนพาทนายความมาและแจ้งว่าเขาไม่ผิดเพราะถือว่าประมาทร่วม เนื่องจากผู้เสียชีวิตขี่จักรยานข้ามถนน ในระยะประชั้นชิด(ความเห็นฝ่ายผู้ชน) ผู้ชนแจ้งว่าขับรถมาด้วยความเร็ว 100 กม./ชม. ในเลนขวาสุด(ชิดเกาะกลาง)และมาเห็นผู้เสียชีวิตในระยะ 10 เมตรจึงเบรกไม่ทัน จนท.จึงแจ้งข้อหาขับรถโดยประมาท(100 กม.)จนทำให้ผู้อื่นเสียชีวิต และขอให้ผู้ชนจ่ายเงินให้ตามหลักมนุษยธรรม ผู้ชนจึงแจ้งว่าจะจ่ายให้ 50,000 บาท ซึ่งภรรยาผู้เสียชีวิตไม่ยอมรับค่าเสียหายนี้ ตอนนี้เรื่องยังอยู่ที่ สน.โพธิ์แก้ว
ภรรยาผู้เสียชีวิตแจ้งว่าไม่อยากขึ้นโรงขึ้นศาลเพราะไม่มีความรู้ด้านนี้และไม่มีเงินพอจะจ้างทนาย ซึ่งมีคนแนะนำให้ติดต่อทนายอาสา ซึ่งผู้แนะนำบอกว่าทนายอาสาจะคิดค่าใช้จ่ายจากยอดเงินที่ได้รับประมาณร้อยละ 2.50 บาท แต่ จขกท.ซึ่งทำงานด้านจักรยานอยู่เห็นว่าเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับจักรยาน จึงแนะนำให้ติดต่อ สภาทนายความจังหวัดนครปฐมซึ่งเป็นเครือข่ายร่วมกับชมรมจักรยานเพื่อสุขภาพแห่งประเทศไทยที่พร้อมจะให้ความช่วยเหลือผู้ใช้จักรยาน และทางญาติผู้เสียชีวิตได้กำลังติดต่อไปยังสำนักงานสภาทนายความนครปฐมอยู่ เรื่องราวเป็นอย่างไรจะมาเล่าสู่กันฟังต่อไปนะครับ
เพื่อนๆผู้ใช้จักรยานมีความเห็นหรือข้อแนะนำอย่างไรบ้าง ที่พอจะช่วยเหลือครอบครัวนี้ ซึ่งถือว่ามีฐานะยากจน ภรรยาทำงานเย็บผ้า ลูกอายุ 14 กำลังเรียนอยู่ที่โรงเรียนวัดไร่ขิง





แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่