[Spoil] ช้อนเงินคนแปรธาตุ (Silver Spoon) อนิเมซีซั่นสอง #9 - ยิ้มสู้...

กลับมาพบกันในสัปดาห์นี้อีกครั้งนะครับ ยิ้ม

งวดนี้มาช้าไปเยอะเพราะช่วงสามสี่วันที่ผ่านมาผมมีเรื่องยุ่งๆ นิดหน่อย เลยไม่มีเวลาแค็ปภาพเลย เลยต้องมานั่งทำเอาวันนี้แทน

เช่นเคย ใครอยากคุยเนื้อหาหลังจากตอนนี้ รบกวนอย่าลืมใส่แท็ก Spoil นะครับ






เปิดมาตอนที่แล้วที่บักแว่นคว้าแขนอากิไว้แสดงเจตจำนงว่าไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เขาก็จะขออยู่เคียงข้างอากิต่อไป แม้ตัวเองจะต้องเจ็บปวดก็ตาม

อากินิ่งงันไปครู่หนึ่งด้วยความประหลาดใจ พอได้สติก็โบกมือโบกไม้ห้ามว่าเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องที่บักแว่นจำเป็นต้องมาเป็นทุกข์ไปด้วยหรอก


แต่บักแว่นก็ยังยืนยันจะขอรับรู้เรื่องนี้จนถึงที่สุด แม้จะรู้สึกหวั่นกลัวต่อเรื่องราวอันหนักหนาทั้งหลายที่ทั้งโคมาบะทั้งอากิต้องเผชิญ แม้จะรู้ว่าถึงอยู่เคียงข้างไปก็ทำอะไรไม่ได้ก็ตาม

"ถึงทำอะไรไม่ได้ อย่างน้อยก็ร่วมทุกข์ด้วยกันได้จริงมั้ยล่ะ"

เห็นบักแว่นมาอ่อนโยนมาแสดงความเป็นห่วงดังนั้น อากิก็กลั้นน้ำตาไม่อยู่ร้องไห้ต่อหน้าบักแว่นพร้อมบอกว่า ที่เธอกับโคมาบะไม่เคยพูดเรื่องนี้กับบักแว่นเลยก็เพราะรู้อยู่แล้วว่าบักแว่นจะต้องพูดแบบนี้ บักแว่นเป็นคนใจดี แม้จะรู้ว่าตัวเองทำอะไรไม่ได้ก็ไม่มีทางปล่อยวางเรื่องนี้ลงจนต้องมาพลอยเจ็บปวดไปกับพวกเธอด้วยแน่ๆ ดังนั้นตลอดเวลาที่ผ่านมาเธอจึงพยายามผลักไส พยายามทำทุกอย่างเพื่อกันบักแว่นให้อยู่ห่างจากเรื่องนี้ เพื่อที่บักแว่นจะได้ไม่ต้องมาเจ็บปวดกับเรื่องที่ไม่ใช่ของตัวเองไปอีกคน


เห็นอากิปล่อยโฮออกมาแบบนั้นบักแว่นก็ตกใจ ละล่ำละลักปลอบอากิว่าไม่ต้องเป็นห่วงเรื่องความรู้สึกของเขาหรอก ยังไงเขามันก็คนไม่มีความฝันไม่มีเป้าหมายอะไรในชีวิตอยู่แล้ว แถมยังเคยบ่นกระปอดกระแปดโน่นนี่กับอากิไปตั้งเยอะด้วย เพราะงั้นอากิจะบ่นให้เขาฟังบ้างก็ไม่เห็นเป็นไรเลยนี่ อากิก็พยักหน้ารับทั้งเสียงสะอื้น แล้วบอกว่าจากนี้ไปเธอจะพึ่งพาเขา จะพูดคุยกับเขามากขึ้นเวลามีเรื่องไม่สบายใจอะไร จะไม่เก็บไว้กับตัวคนเดียวอีก


คั่นจังหวะเล็กน้อยกับเจ้าม้ามารอนในฉากนี้

ขำสีหน้าของมันในฉากนี้จริงๆ แฮะ ให้อารมณ์เหมือนมันจะแอบคิดว่า "ในที่สุดก็สมเป็นลูกผู้ชายได้ซะทีนะเจ้ามนุษย์แว่น" เลย


อีกฉากที่รอเห็นมานาน

ฉากอากิเกือบหลุดปากว่า "ชอ..." ต่อหน้าบักแว่น



ฉากนี้ยังไงก็ชอบของภาคมังงะมากกว่าอยู่ดีแฮะ ดูมีอิมแพ็คมากกว่าเยอะเลย -3-



น่าเสียดายทั่นประธานที่เคารพเข้ามาขัดจังหวะซะก่อน ไม่งั้นป่านนี้อาจเข้าอีเวนท์ "สารภาพ" ไปแล้วก็ได้ (แต่อย่างน้อยแกก็อุตส่าห์แสดงความเอื้ออารีว่า "ล็อคประตูให้มั้ย?" นะ สมกับเป็นทั่นประธานที่เคารพจริงๆ วุ้ย อมยิ้ม15)

อนึ่ง สังเกตุมาหลายทีแล้วแฮะว่าหลายฉากในเรื่องนี้ทำเป็นภาพนิ่งอย่างในการ์ตูนจะดูได้อารมณ์มากกว่าทำเป็นภาพเคลื่อนไหวในอนิเมซะอีก (ฉากนี้ก็เหมือนกัน)


หลังจากนั้นก็มานั่งคุยกับประธานชมรมขี่ม้าเรื่องหนี้บ้านโคมาบะ (มีพูดถึงหนี้ที่บ้านอากิต้องช่วยจ่ายนิดหน่อยด้วยว่าคงเหลือหนี้ต้องจ่ายให้หมดไปยันอากิรับสืบทอดฟาร์มโน่นแหละ เผลอๆ บางทีอาจถึงขั้นต้องปิดฟาร์มเลยก็ได้ เล่นเอาบักแว่นหน้าเสียไปเหมือนกัน)


บักแว่นพยายามเค้นหัวคิดว่าเด็กม.ปลายอย่างตัวเองพอมีทางช่วยอะไรได้มั้ย ถึงขนาดเที่ยวถามคนโน้นคนนี้ไปทั่วว่าพอมีทางทำอะไรได้รึเปล่า

เงิบตรงที่อาจารย์บอกให้ไป "ทำประมงจับปูผิดกฎหมาย" กับที่บักแว่นหน้ามืดจะขอกู้เงินเจ้ารองประธานมาใช้ก่อนกับจะเอาฟิกเกอร์ของนิชิคาวะไปประมูลหาเงินนี่แหละ (ตัดเรื่อง "แอบเติมน้ำในนมวัว" ฉากคุยกับอ.โจลี่เรื่องราคาปศุสัตว์ แล้วก็ฉาก "อะไรก็ปู" ไปแฮะ)


อีกฉากที่ชอบในตอนนี้ เป็นฉากสั้นๆ แต่แอบหวานหน่อยๆ คือเป็นฉากที่อากินึกถึงคำพูดที่บักแว่นพูดเมื่อกี้แล้วเอานิ้วไปแตะๆ หัวม้าบนโต๊ะเล่นพร้อมทำตาลอย



เป็นอีกฉากที่ชอบในภาคมังงะแฮะ



หลังจากนั้นก็ดำเนินชีวิตในโรงเรียนต่อไปตามปกติ จนวันหนึ่งบักแว่นก็คุยๆ กับอากิว่าถ้าสมมติอากิตัดสินใจจะเรียนต่อมหาลัยจริง ที่บ้านจะทำยังไง อากิก็บอกว่าไม่แน่ใจว่าที่บ้านมีเงินเก็บอยู่เท่าไหร่ แต่ถ้าไม่มีเลยก็คงต้องขายวัวซักตัวสองตัวเอามาเป็นค่าเล่าเรียนนั่นแหละ

คุยไปคุยมา ระหว่างนั้นก็มีโทรศัพท์มาถึงอากิ อากิก็กดรับแล้วคุยๆ กันอยู่พักหนึ่งก็ทำหน้าเศร้าหันมาบอกกับบักแว่นว่า บ้านโคมาบะตัดสินใจขายวัวทั้งหมดแล้ว


บักแว่นก็หน้าเสีย อากิก็เล่าต่อว่าวัวที่บ้านโคมาบะส่วนใหญ่มีแต่วัวแก่ที่อากิกับครอบครัวโคมาบะคุ้นเคยกันมาตั้งแต่ยังเล็กทั้งนั้น ดังนั้นอากิจึงตั้งใจว่าจะไปเยี่ยมวัวพวกนั้นเป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะถูกขายไปจริงๆ

ได้จยินดังนั้น บักแว่นก็นิ่งคิดอยู่ครู่หนึ่งก็ถามอากิว่าตัวเองไปด้วยได้มั้ย อากิก็ตะลึงไปแว่บหนึ่งก่อนจะพยักหน้าตอบตกลง โดยบอกว่าจะลองถามโคมาบะดูว่าจะให้บักแว่นไปด้วยได้มั้ย


หลังจากนั้นก็คุยรายละเอียดกันนิดหน่อย โคมาบะบอกว่าเขาจะมาเอาวัววันพรุ่งนี้ตั้งแต่เช้ามืด ดังนั้นบักแว่นกับอากิเลยนต้องไปกันในคืนนั้นเลยเพื่อให้ทันเวลาส่งวัว โดยบักแว่นต้องขอค้างบ้านอากิในคืนนั้นด้วย

ไปถึงก็จัดแจงทักทายประดาญาติผู้ใหญ่ของอากิ เริ่มตั้งแต่คุณแม่ยันคุณทวด ตบท้ายด้วยพ่อที่เข้ามาเป็นคนสุดท้าย


พ่ออากิถามบักแว่นเรื่องที่อยากไปดูวัวบ้านโคมาบะโดนต้อนไปขายว่าจะไปดูทำไม ฟาร์มถูกปิดน่ะไม่ใช่อะไรที่น่าดูหรอกนะ บักแว่นก็บอกว่าเรื่องนั้นเขารู้ดี ก่อนจะชะงักแล้วแก้คำใหม่ว่า ที่จริงคนนอกอย่างเขาไม่เข้าใจอะไรเลย ไม่เข้าใจว่าจะช่วยเพื่อนที่กำลังลำบากได้ยังไง แต่ถึงอย่างนั้น เขาก็ไม่อยากเลิกทำความเข้าใจอยู่ดี

พ่ออากิได้ยินเข้าก็มองบักแว่นนิ่งๆ อยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะออกปากไล่ให้รีบไปนอนซะ จะได้มีแรงตื่นไปฟาร์มโคมาบะตอนเช้าวันพรุ่งนี้


ตัดมาตอนเช้าวันรุ่งขึ้น บักแว่นกับอากิก็ออกจากบ้านแต่เช้าโดยปู่อากิเป็นคนขับรถไปส่ง ระหว่างทางบักแว่นก็ถามปู่อากิว่าวัวที่โดนขายไปจะเป็นยังไงต่อไป ปู่อากิก็ตอบว่าตัวที่ยังสาวคงโดนเอาไปขายต่อให้ฟาร์มโคนมแห่งอื่น ส่วนตัวแก่ๆ ที่ให้ผลผลิตได้ไม่ดีก็คงถูกขายให้โรงเชือดไป ทำเอาบักแว่นถึงกับหน้าเสียอีกรอบ

ขับไปได้ซักพักก็เจอเข้ากับขบวนรถบรรทุกที่จะมาขนวัวที่บ้านโคมาบะเข้าพอดี ก็เลยขับตามกันไปเงียบๆ จนถึงฟาร์มบ้านโคมาบะ


มาถึงก็ไปทักทายโคมาบะกับครอบครัวกันก่อน (โคมาบะเห็นบักแว่นมาก็ตีหน้าบูดใส่เลย)


จากนั้นก็เริ่มต้อนวัวขึ้นรถ โดยวัวแต่ละตัวต่างเดินขึ้นรถตามเสียงต้อนอย่างว่าง่าย เนื่องจากหลายตัวเป็นวัวแก่อยู่กับคนมาตั้งแต่ยังเป็นลูกวัว ดังนั้นจึงคุ้นเคยกับคนเป็นอย่างดี ไม่มีอาการกลัวหรือหวาดระแวงคนแม้แต่น้อย แม้อีกฝ่ายจะมีหน้าที่พาตัวเองไปยังโรงเชือดก็ตาม


ภาพวัวที่ตัวเองรักและทะนุถนอมเหมือนสมาชิกครอบครัวค่อยๆ ถูกขนไปโรงเชือดทีละตัวๆ (เว้นแต่วัวสาวๆ ที่จะได้ไปอยู่ฟาร์มโคนม) ทำให้น้องสาวฝาแฝดของโคมาบะทนไม่ไหวปล่อยโฮออกมา


หลังวัวทั้งหมดถูกขนไปตลาดแล้วก็ถึงเวลาทำความสะอาดคอกวัวที่ว่างเปล่า โดยบักแว่นกับอากิเสนอตัวช่วยทำความสะอาดด้วยอีกแรง


หนึ่งในฉากที่ชอบมากในตอนนี้ รอยยิ้มของโคมาบะขณะมองอากิกับบักแว่นช่วยกันทำความสะอาดคอกวัว


คอกวัวที่เคยมีวัวยืนเรียงกันอยู่เต็ม...บัดนี้กลับว่างเปล่าจนน่าใจหาย


หลังทำความสะอาดคอกวัวเสร็จ โคมาบะก็อุ่นนมชุดสุดท้ายของฟาร์มโคมาบะมาให้พวกบักแว่นดื่มกัน


ฟินกันทั้งแก๊งค์ กับรสชาติของนมรีดสดๆ อุ่นจากหม้อหมาดๆ (เห็นแล้วอยากลองซดมั่งจัง)


แล้วก็มาถึงฉากที่ผมชอบที่สุดในตอนนี้

"รอยยิ้ม" ของโคมาบะคุงผู้กำลังจะก้าวสู่หนทางคนสู้ชีวิตนับแต่วันนี้เป็นต้นไป



เห็นฉากนี้กี่ทีๆ ก็ชวนให้นึกถึงเพลงนี้ขึ้นมาทุกครั้งเลยจริงๆ แฮะ
คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ
เพลง "Smile" ร้องโดย แนท คิง โคล ทำนองโดย ชาร์ลี แชปลินครับ เนื้อเพลงช่างเข้ากับอารมณ์ "ยิ้มสู้" ของโคมาบะในฉากนี้จริงๆ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่