ปัญญาในใจ อยากระบายและขอคำปรึษา พี่ๆทุกท่าน

เนี้องด้วยคนเป็นคนไม่มีพ่อและแม่ ตอนนี้ผมอยู่กับคุณป้า แต่ป้าเค้าก็มีครอบครัว ผมจึงไม่อยากระบายให้ท่านฟัง กลัวท่านจะเครียด

ผมเล่นพันทิปมาได้สักพัก และรู้สึกว่า เพื่อนๆและพี่ๆในพันทิป เหมือนคนในครอบครัว วันนี้จึงอยากจะมาขอคำปรึษาชีวิตหน่อยครับ

คื่อตอนนี้ผมอายุ 15ปีครับ จะครบ16ประมารเดือนหน้าครับ พ่อทิ้งผมไปตั้งแต่เด็กๆ ตั้งแต่ 3ขวบแต่ยังจำภาพที่คุณพ่อทิ้งไปได้ครับ มันเหมือน
กระด้าย ที่ถูกเขียนด้วยปากกา ที่ไม่มีวันลบไปได้ แม้จะมีแมร์จิกมาเขียนทับ แต่รอบเดินยังคงอยู่ ไม่มีวันหายไป แต่เป็นคนที่ใช้เหตุผลเป็นหลัก
ผมอยู่ที่ กรุงเทพกับแม่ครับ คุณแม่ขายบริการ (ผู้หญิงขายตัว) เราทั้งคู่ใช้ชีวิต บางวันมีกิน บางวันไม่มีกิน แต่ผมก็มีความสุขใจมากมาย ที่มีท่าน
จนท่านได้เจอผู้ชายคนหนึ่ง ที่เด็กกว่าท่านหลายปี และท่านทั้งสองก็อยู่กินด้วยกัน หลังจากท่านได้คบกับผู้ชายคนนี้ ทำให้ผมรู้สึกเหมือนขาดความรัก
ผมเป็นคนไม่มีเพื่อนครับ ชีวิตเวลาที่ล่วงเดินไป นั่งหายใจ และเก็บความรู้สึกไว้คนเดี่ยว ไม่มีที่ระบายออกมา จนผ่านไป 1ปีกว่าๆ คุณแม่ท้อง
พออีกฝ่ายรู้ว่าแม่ท้อง เค้าก็ทิ้งแม่ไป ความรู้สึกตอนนั้น ผมไม่รู้สึกโกรธใคร ไม่รู้สึกอะไร แต่ผมดีใจที่อย่างน้อยผมก็ได้มีเพื่อนชีวิตเพิ่มอีกคน
ตอนนั้นผมอายุ 13ปีครับ หลังจากนั้นคุณแม่ก็ทำงานหนักขึ้นทั้งๆที่ ยังท้อง 3เดือน จนวันหนึ่งคุณแม่ถูกจับ ข้อหา (เสพยาเสพติด) ในขณะที่ยังท้อง
ในเวลานั้น ผมต้องถูกส่งตัวไปอยู่บ้านที่ ตจว. กับคุณป้า คุณป้าขายอาหาร์ตามสั่งครับ (ที่สุโขทัย) เปิดร้านตั้งแต่ 06.00 - 23:30 ไม่มีวันหยุดครับ
ผมใช้ชีวิตอย่างนั้น ระยะเวลา 1ปี จนคุณแม่ออกจากคุกมา ผมก็กลับมาอยู่กับคุณแม่ (คุณแม่เล่าให้ฟังว่า แม่ต้อง คลอดน้องในคุก น้องเป็นเด็ก7เดือน
จึงทำให้ น้องต้องอยู่ตู้อบ 2อาทิ) ผมกลับไปใช้ชีวิตแบบเดิน แต่ผมต้องเสี้ยงน้อง ด้วยความที่เด็กๆผมติดเกมส์ ทำให้ผมรู้เรี่อง ไอที และอ่านภาษาไทย
ออกได้ ทั้งๆที่การศึกษา หยุดอยู่แค่ ป4 เพราะคุณแม่ไม่มีเงินส่งผมเรียน และปัญญาที่ผมต้องย้ายบ้านบ่อยๆ

ผมเริ่มเก่งเรี่องไอทีได้เมี่ออายุ 15ปี ผมเริ่มทำงานด้าน IT มาโดยมีพี่คนหนึ่งมองเห็นว่าผมเก่งด้านนี้จึงชวนผมไปร่วมงาน เป็นงานออกแบบเว็บไซต์
ผมได้ความรู้มากมาย ในระยะเวลาทำงานมา 4เดือน โดย4เดือนผมทำเงินได้ประมาร 60000กว่าบาท (แต่ผมก็ให้คุณแม่หมด) แรกๆทำเงินในแยอะ
ในช่วงเดือนแรก ผมไม่อยากให้แม่ทำงานมาก ผมจึงทำงานหนัก ผมต้องอยู่หน้าคอม 19ชั่วโมง ออกแบบเว็บ เขียนโปรแกรม ทำกราฟฟิกใหม่ๆ
และวางโปรแกรม และระบบ ต่างๆ พอเข้าเดือนที่ 5 ผมต้องเข้าโรงพยาล คุณหมอบอกว่า ตาผมอาจบอดได้ หากผมพักผ่อนไม่พอ ผมนอนโรงพยาล
ประมาร 3วัน หมดเงินไปประมาร 4000กว่าบาท แต่คุณแม่บอกว่า ไม่มีเงินจ่ายค่ายา ฯ ผมถามคุณแม่ว่า เงินไปไหมหมดที่ให้เก็บตลอด
เค้าบอกว่า จ่ายโน้น นี้ นั้น ฯ แต่ในใจผมรู้ดีครับว่าเค้านำเงินไปเล่น การพนัน ผมจึงบอกคุณหมอว่า เดี๋ยวจะนำเงินมาจ่ายให้ ไม่เกินสองวัน
คุณหมอก็ตกลง (โรงพยาลกลาง) คุณหมอใจดีมากๆครับ ผมจึงกลับไปทำงาน ทั้งๆที่ยังมึนๆ ผมอยู่หน้าคอมแส้วมึนหัวมากครับ แต่ผมต้องสู้
จนผมทำงานเสด1 โปรเจ็ก ได้เงินจากส่วนแบ่งประมาร 5700บาท ผมนำเงินไปจ่ายค่ายาคุณหมอ ผมซึ่งคุณหมอมากเลยครับ ไม่เคยมีใครถาม
ผมแบบนี้ คุณหมอใหญ่ เดินมาบอกว่า ไหนเรามานั่งคุยกันหน่อยสิ 'เรานะ ถ้าไม่หยุดพักผ่อน ร่างกายเราไม่ไหวนะ'
ผมจึงตอบไปว่า ถ้าผมหยุดแส้วใครจะดูแลคุณแม่ และน้อง ผมไม่มีการศึกษา ผมต้องใช้ความสามารถในการทำงาน
ในวันนั้นผม อยากเรียน แต่ทำไม่ได้เพราะ ค่าใช้จ่ายแยอะมาก พยามคุยกับคุณแม่หลายครั้งแส้วแต่ ก็เหมือนเดิม ทุกวันที่ทำงานผม ปวดตาตลอด
แต่ต้องพยาม ทำงานให้ดีที่สุด จนผมทำได้สักพัก คุณแม่ก็ติดคุกในข้อหา 'ค้ามุยน์' วินาทีนั้นทำผมคิดหนักขึ้นไปอีก ทำให้ผมรู้สึกแย่แบบสุดๆ
ผมไม่รู้จะทำอย่างไร จึงต้องเสี้ยงน้องชายไปต่อ โดยจ้างพี่เสี้ยงวันละ 200บาท และต้องเดินเรี่องสู้คดีคุณแม่ ตอนนั้นเงินเก็บไม่มีเงินครับ
ผมจึงตัดใจและทำงานเสี้ยงน้องรอคุณแม่ออกจากคุกอีกรอบ ผมทำงานได้สองอาทิ ตลอดเวลาเห็นหน้าน้องผมร้องไห้ตลอด เครียดมากครับ
แต่ไม่อยากร้องไห้ให้น้องเห็น น้องมันไม่รู้เรี่องอะไร ทำงาน 8โมงเช้า กลับมา ตี4 ทุกวัน ไม่ค่อยมีเวลา พี่ที่ทำงาน ให้โบนัสผม พี่เค้าบอกว่า
คุณเป็นคนเก่ง เก่งที่สุดในระยะเวลา 20ปีในการทำงาน ของผมมา คุณเป็นเด็กที่เก่ง ผมขอช่วยเหลือคุณเต็มที่ พี่ยืนซองมาให้ผม
ในนั้นมีเงินสดอยู่ประมาร 70000บาท คนที่ทำงาน ลุกขึ้นแส้วตบมื่อให้ผม เป็นภาพที่ทำให้ผมมีกำลังใจการทำงานมากขึ้น ตอนนั้นผมร้องไห้
ทั้งน้ำตา มีพี่ๆหลายคนเดินมา ตบไหล่แส้วพูดว่า ชีวิตต้องเดินต่อไป แม้วันนี้เองจะไม่มีใคร เองต้องรักษาแผดใจให้น้องเองนะ มันทำให้ผมลุกขึ้นสู้
และไม่คิดที่จะยอมแพ้อีกเลย ทุกคนทำงานโดยไม่มีวันหยุด แต่จริงๆการทำงานคื่อ 08.00 - 22.00 เท่านั้นแต่เนี้องด้วย ถ้างานเสดไว เงินก็ได้ไว
ผมจึงทำมากกว่าคนอื่นๆ เพี่อให้งานเสดไว ตอนนั้นผมเก็บเงินได้ประมาร แสนกว่าบาท ได้เงินประกันตัวคุณแม่พอดี (ในระยะเวลา3เดือนในการทำงาน)
เพราะช่วงหลังมีงานเข้าแยอะ และเสดไว ได้โบนัสบ่อยทำให้เงินเก็บแยอะขึ้น ผมคุยกับพี่เสี้ยงว่าจะเอาเงินไปประกันตัวแม่ วันอาทิที่จะถึงนี้
ก่อผมออกไปทำงาน ระว่างเดินไปทำงาน อยู่ผมหน้ามืด หลังจากนั้นจำอะไรไม่ได้อีกเลยครับ ตื้นขึ้นมาอีกทีหนึ่ง ได้ยินเสียง พูดว่า
เฮ้ยๆ คนไข้ตื้นแส้ว หมอคนไข้ตื้นแส้ว ' วินาทีนั้นหมอถามผมว่า คุณโอเคไหม ปวดตรวไหนหรื่อป่าว คุณบอกว่า รังสีจากจอ LED ทำร้ายดวงตาของคุณ
และสมองทำงานหนักเกิน และร่างกายพักผ่อนน้อย แม่ต้องให้คุณนอนโรงพยาล เป็นเวลา 2อาทินะ แส้วรีบพูดขึ้นมา ไม่ได้คุณหมอ น้องชายผมอยู่คนเดี่ยว

หมอจึงเอาน้องชายมาให้ผม ตอนนั้นผมกอดน้อง กอดด้วยน้ำตา มันเป็นช่วงเวลาที่ทมารมาก คุณหมอพูดขึ้นว่า ถ้าคุณไม่หยุด คุณอาจเสียดวงตาของคุณ
ผมตอบไปด้วยน้ำเสียงที่แข็งว่า ขอแค่น้องสบาย ถ้าผมตายก็ยอม

ผมนำเงินใน ATM ประมาร 140000กว่าบาท ในการรักษาผม โดยค่าห้อง ค่ารักษา อื่นๆ รวมแส้วประมารวันละ 2300กว่าบาท แต่ถ้าที่ทำงาน
ร่วมกันบริจากให้ผม อีกประมาร 50000กว่าบาท ในตอนนั้นผมเดินไม่ไหวครับ พยาลต้องมาช่วยเหลือผมตลอด (เหมือนร่างกายไม่มีแรง)
ส่วนน้องชายก็ นอนข้างๆ มีพยาลเดินมาให้ข้าวให้น้ำน้องตลอด (เค้าไม่คิดเงินครับ) คุณหมอพูดว่า แส้วผู้ปกครอง ไปไหน ผมบอกว่าไม่มีครับ
ตอนแรกผมมองหน้ากัน ผมจึงพูดขึ้นมา เสียงดังๆว่า คุณไม่ต้องกลัวว่ามไม่มีเงินจ่าย ผมมีเงินให้คุณครบทุกบาท

ผมโทรไปหาคุณป้าที่ ตจว ท่านก็พูดด้วยน้ำเสียงแบบอยากช่วย แต่ว่าคุณลุง ไม่ชอบหน้าผม ผมพูดไปว่า ไม่ต้องช่วยหลอกมีเงินเก็บอยู่

มันทมารมากครับ ผมนอนร้องไห้ มองหน้าน้องชายทุกคืน อยากจะเดินไปกอดก็ลุกไม่ไหว จนเข้าอาทิที่ 1 ผมเริ่มเดินได้ ผมจึงจะขอคุณหมออกจากโรงพยาล

หลังออกจากโรงพยาลได้สองอาทิ ผมก็กลับไปทำงานเหมือนเดิม และจ้างพี่เสี้ยงเหมือนเดิม อยู่ๆพี่เสี้งโทรมาหาผมว่า น้องชายไม่รู้เป็นอะไร
ผมบอกให้พี่เสี้ยงพาน้องไปโรงพยาลแส้วผมจะตามไป ตอนนั้นผมรีบนั่งรถไปโรงพยาลกลาง ได้ผลมาว่า น้องเป็นภูมิแพ้ รุนแรง อาจซ็อกได้ เวลาหลับ
ผมจึงส่งน้องรักษาที่โรงพยาล โดยค่ารักษา แพงมากครับ เงินเก็บแท็บไม่เหลือ ค่ารักษาต่อวัน ประมาร 4000-5000บาท เพราะเครืองมื่อในการรักษา
ต้องใหม่ทั้งหมด และต้องมีพยาลดูแลตลอดเวลา วันหนึ่งผมกลับมานอนที่ห้องคนเดี่ยว น้ำตามันไหล มันไหลเหมือนข้างในกำลังจะตาย เหมือนผมกำลังตาย

ผมไม่มีเวลพักผ่อน ไม่มีเวลาทำอะรไที่เรีกยว่าส่วนตัวผมทำงานหนักขึ้น โดยรับงานพิเศษ ในการเขียนแอพฯออกมาขาย แต่ค่าใช้จ่ายก็ยังไม่พอ
ผมใช้เงินวันละ 200บาท(รวมค่ารถ) แต่ที่หนักๆคื่อค่ารักษาน้อง

มีองคร์กรโทรมาหาผมจะรับดูแลเรี่องค่ารักษาพยาล แต่ต้องส่งตัวเองไปที่บ้านเสี้ยงเด็กเล็ดพญาไท ในตอนนั้นคิดหนักครับ คิดจนท่านยา ไมเกรน
หลังจากนั้นประมาร อาทิกว่าๆ เงินในการรักษาไม่พอ ผมจึงต้องส่งน้องไปให้ บ้านเสี้ยงเด็กพญาไท ด้วยน้ำตา และหลังจากนั้นผมโทษตัวเองตลอดว่า
ผมมันแย่ แค่น้องคนเดี่ยวก็รักษาไว้ไม่ได้ ผมลาออกจากงานเก่า ด้วยเหตุผล เพี่อขอไปพักร่างกาย ผมไปอยู่กับคุณลุงที่ มินบุรี่
ไปอยู่อย่างรำบากใจครับ เมียของคุณลุงไม่ชอบผม เพราะกลัวผมจะทำให่พวนเค้ารำบาก ผมโดยเมียเค้ารังแก ใสความ ผมกลับมาอยู่
ตจว ที่บ้านของตา (ตา-ยา เสียแส้วไม่มีคนดูแลบ้าน) ผมกลับมาจึงรับงานออกแบบเว็บไซต์ ก็มีลูกค้าเก่าๆมาจ้างงาน และผมก็ทำงานอื่นๆหลายอย่าง
ทั้งเขียนแอพฯมาขาย ออกแบบเว็บ ขายสมาร์ทโฟน ทำโน้นนี้นั้น แต่ก็ไม่มีเงินเก็บเพราะผมใช้เงินซื้อสิ่งของที่จำเป็น ผมเก็บเงินซื้อ
iPhone,MacBookPro , iMac ฯ เพี่อไว้ทำงานโดยเฉพาะ และก็ได้ทำงานในส่วนนี้มาตลอด

ตอนนี้อยากกลับไปเรียน กศน อยากเรียนให้สุงๆ อยากทำงานดีๆ เพราะงานที่ทำบางเดือนก็มีบางเดือนก็ไม่มี แต่ก็พอมีเงินเก็บ

ตอนนี้มีเงินอยู่ 14000 บาท จะลงไปหาห้องเช่าที่กรุงเทพ อยากไปพบอะไรใหม่ๆ

เพื่อนๆขอคำแนะนำหน่อยนะครับ

1.ถ้าจะกู้ กยศ แบบเรียน กศน ได้ไหมครับ ?
2.ตอนนี้วุฒิผม ป4 จะเรียน กศน ใช้เวลากี่ปีจะจบ ม6
3.ผมจะลงไปทำงานอะไรที่ได้เป็นเงินเดือนดีครับ (ทำได้ทุกงาน)
4.ขอกำลังใจ ^^
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่