วันนี้เอา R-500 ออกไปปั่นที่อู่ทอง สุพรรณบุรี ในฐานะรถทัวริ่งเป็นครั้งแรก ระยะทางในวันนี้ตามเป้าหมายคือประมาณ 60-80 กม.
คอนเซ็ปของงานนี้คือปั่นท่องเที่ยวสถานที่สำคัญในอำเภออู่ทอง จ.สุพรรณบุรี มีคนปั่นในงานนี้เป็นร้อยคน เพราะมี ททท. เป็นสปอนเซอร์ส่วนหนึ่ง ผมลากพี่สาวกับเพื่อนขาแรงไปด้วยอีกคนหนึ่ง ท่ามกลางเสียงบ่นของภรรยาผม เพราะเธอไปด้วยไม่ได้ เนื่องจากติดรับมอบตัวนักเรียน
ผมออกจากบ้านแม่ที่สุพรรณฯ ตอนหกโมงครึ่ง ขับเรื่อย ๆ กันไปจนถึงอู่ทองตอนประมาณเจ็ดโมงกว่า ๆ สถานที่จัดงานห่างจากบ้านแม่ผมแค่ 30 กม.
R-500 ของผมนั้น ทำการเพิ่มตะแกรงท้ายอลูมิเนียม ติดตั้งกระเป๋าวินสิตา ติดกระเป๋าใต้อาน และกระเป๋ารัดเฟรม Roswell อีกใบเท่านั้น ผมจัดการยัดขนมทั้งหลายที่จะทำให้ผมอิ่มท้องได้ตลอดทางลงไปจนเต็มทั้งสองกระเป๋าเลย อิอิ
พี่สาวผมใช้ TrinX M608 ซึ่งวันนี้ไปเปลี่ยนยางนอกเป็นยางทางเรียบสัญชาติเจอรมัน 27*1.75 มาเป็นที่เรียบร้อย ส่วนเพื่อนขาแรงผม ใช้เบียงคีอิมพัสโซ่ คู่ชีวิตของเขา
เรารวมตัวกันที่ลาดวัดเขาพระ อ.อู่ทอง นักปั่นเริ่มทยอยมากันทั่วทุกสารทิศ เท่าที่ลองคุยกัน มาหลายจังหวัดมาก ๆ ผมว่าแทบจะมีรถทุกยี่ห้อทีเดียวเลยครับงานนี้ ทั้งแบรนด์ดัง แบรนด์ราคาประหยัด
สำหรับรถราคาประหยัดที่จำมาได้มี Winn, TrinX, Coyote, Totem, Tiger มี LA ด้วย ซึ่งน้าคนปั่น LA นี่เป็นสต๊าฟของงานนี้เลย ส่วนยี่ห้อดัง น่าจะมีมาเกือบครบ

ทีมสต๊าฟสองคนที่ปั่นนำหน้าผมนั้น คันขวาเป็นโพลีกอน คันซ้ายเป็นแคนนอลเดล ลุงทั้งสองคนแข็งแรงมาก ๆ ครับ
ตอนออกตัว ผมก็ปั่นออกตัวไปเรื่อย ๆ ตามประสาผม ความเร็วที่ผมชอบก็คือประมาณ 20 แต่ไอ้เพื่อนขาแรงของผมเนี๊ยะ มันไม่ยอม มันกดดันให้ผมต้องไล่กวดอิมพัสโซ่ของมันขึ้นไปเป็นคู่ที่สอง (สองคันแรกคือสต๊าฟ) และมันสอนให้ผมรู้จักการปั่นตาม ปั่นนำ การใช้รอบขา เหมือนการเรียนรู้ใหม่อย่างไรอย่างนั้น

***ภาพจากทีมงาน**** R-500 เกาะกลุ่มหัวแถวเหมือนกันวุ๊ย อิอิ
ซึ่งค่าเฉลี่ยในตอนนั้นอยู่ที่ 30 กม./ชม. มันเป็นค่าที่สูงมากสำหรับผม ผมไม่เคยทำได้ขนาดนี้มาก่อน และนี่มันเป็นรถไฮบริดที่ใช้ยาง 700*35 ส่วนอิมพัสโซ่เป็นยาง 700*23 มันยังอุตส่าห์รอ และปั่นตีคู่กันไป ยืนระยะได้ยาวนานถึง 15 นาที ก่อนจะผ่อนลงมาเป็น 25 เพราะสภาพถนนบางช่วงเริ่มไม่ดี
ส่วนพี่สาวของผม โน้นเลย รั้งกลุ่มท้าย เจ๊ไม่แคร์ใครอยู่แล้ว
จุดแรกทีมงานพาเราไปเที่ยววัดเขาดีสลัก วัดนี้คนสุพรรณฯ ย่อมรู้จักดี เนื่องจากมีสถาปัตยกรรมที่งดงาม และอยู่บนเขา ทางขึ้นยาวประมาณ 4 กม. ตอนนี้ เจ้าเพื่อนบอกว่า ตัวใครตัวมันจะว้อย ใช้จานหน้าเล็ก เฟืองใหญ่ ค่อย ๆ ไล่รอบขาเอา พูดจบ มันก็ทิ้งห่างผมไปไกลลิบ
ผมก็ค่อย ๆ ประคองตัวด้วยเกียร์เสือภูเขาที่มีอยู่ 24 สปีด ผมผ่าน กม.แรกไปได้ด้วยความเร็วประมาณ 8 กม./ชม ปั่นขึ้นไปอีกสองโค้ง ตอนนี้เหลือโค้งข้างหน้าอีก 2 โค้งเท่านั้น แต่ผมไม่ไหวอีกแล้ว ผมลงเข็นเป็นครั้งแรกของทริปนี้

****ภาพจากทีมงาน*****

*****ภาพจากทีมงาน****** แหม่ ยังอุตส่าห์มีคนถ่ายติดมา อิอิ
แต่มันก็ไม่ได้มีผมคนเดียวเท่านั้น เนื่องจากพี่น้องหลายท่าน ไม่ว่ารถท่านจะรุ่นอะไร ลงเข็นกันเกิน 50%
ที่น่าตื่นเต้นคือ ผมได้มีโอกาสเจอรถทัวริ่งดัง ๆ อย่าง Surly ซึ่งวันนี้มีมาหลายคัน จัดเต็มกันมา ลุง ๆ ขาแข็งแรงมากครับ แต่ก็ยังเข็นเป็นเพื่อนผมหลายท่าน อิอิ
คุณลุงท่านนี้ก็ขาทัวริ่ง แข็งแรงมากครับ จอดพักเป็นเพื่อนกัน อิอิ
ผมลงเข็นขึ้นได้ 2 โค้ง ผมก็เริ่มปั่นต่อได้จนถึงยอดเขา ซึ่งเจ้าเพื่อนขาแรงรออยู่ก่อนแล้ว แต่พี่สาวผมหายไป ผมรอกันอยู่สิบกว่านาที พี่สาวผมก็ยังไม่มา หลายท่านเริ่มทยอยมา จนมีรถกู้ภัยเปิดไซเรน ขับตามขึ้นมา
"เฮ้ย" พี่ผมอยู่บนรถกู้ภัย แกบอกว่า แกกำลังจะเป็นลม (อายุ 52 แล้ว สาวโสด) ฟ้าเหลืองแล้ว ปั่นไม่ไหว ต้องขอชมว่า ทีมงานชุดนี้ จัดการได้ดีมากครับ มีรถเซอร์วิส มีรถนำขบวน กั้นทาง ดีมาก ๆ เลย
เราพักกันที่นี่ประมาณ 15 นาที เราก็เริ่มเดินทางต่อ ทีนี้ทางลงเขา R-500 ไหลลงเขามาเรื่อย ๆ ความเร็วที่ลงเขามานั่นสูงสุดอยู่ที่ 49 กม./ ชม. ผมประคองรถ เลียวีเบรคมาเรื่อย ๆ รักษาระยะ และมันก็ผ่านมาได้ ตอนนี้พี่ผมปั่นลงมาได้ด้วยตัวเองแล้ว (และปั่นต่อได้จนจบงาน)
เราปั่นต่อมา ผมเริ่มจำไม่ได้แล้วนะครับว่าแวะที่ไหนบ้าง จำได้แต่ว่าแวะสองครั้ง ที่วัด เพื่อแจกน้ำ และพักเหนื่อยกัน (ผมไม่ฟิตครับ เมื่อคืนนอนไปสองชั่วโมงเท่านั้น หลานสาวไม่สบาย ร้องไห้ทั้งคืน ต้องลุกขึ้นมาดูกันบ่อย ๆ)
แต่พลัน สายตาผมก็มาเจอป้าคนนี้
แนวไหมล่ะครับ ป้าแกปั่น บรอมตัน พี่ผมไปสอบถามมา ปรากฎว่า แกมาจากราชบุรีครับ เท่มาก ๆ ปั่นเร็วด้วย
ช่วงพักเที่ยง เราปั่นขึ้นไปรับประทานอาหารกลางวันกันที่วัดเขาทำเทียม วัดที่กำลังแกะสลักพระพุทธรูปที่หน้าผา ซึ่ง ณ จุดนี้ จะจัดเป็นพุทธมณฑลประจำจังหวัดสุพรรณบุรีในอนาคตครับ
ขาลงจากวัด ผมก็นึกว่า เราจะไปถนนดำ ๆ แบบที่เราผ่านมา ปรากฎว่าไม่ใช่ครับ เส้นทางเริ่มเป็นทางขรุขระ ทางลูกรัง และทางหินคลุก มันคือแทร็คเสือภูเขา ครับ
เฮ๊ย แล้ว R-500 ม้นจะไปไหวเหรอ ผมคิดในใจ ผมไม่เคยพามันไปลุยอะไรมาก่อน แต่ผมก็ต้องไปครับ ทางยาวประมาณ 5 กม. มีทั้งหลุม ทางน้ำไหล เนินชัน ๆ แล้วลงชัน ๆ มือผมสะท้านไปทั้งสองข้าง แต่ก็เอาอยู่ครับ รอดมาได้
แต่เจ้าอิมพัสโซ่ และพลพรรคเสือหมอบนี่สิครับ คราวนี้รั้งท้ายมา เนื่องจากต้องค่อย ๆ ลง ไม่มีใครคาดคิดว่าจะพามาทางแบบนี้ อิอิ
สรุปทริปจบที่ระยะทางประมาณ 60 กม. รวมปั่นวอร์มด้วย ปั่นกันตั้งแต่ 8 โมงเช้า ถึงบ่ายสามโมงครึ่งครับ
ขอขอบคุณทีมงานสุพรรณบุรีมากครับ อาหารอร่อย บริหารจัดการได้สุดยอดมาก แล้วจะไปอีกครับ
ส่วน R500 วันนี้ผมเทสต์ทางโหด ๆ มาให้แล้ว ท่านใดที่สนใจคิดจะเอาไปใช้ในชีวิตประจำวัน ไม่ผิดหวังครับ ใช้ได้ ๆ
กลายร่างเป็นทัวริ่ง เอาไปปั่นที่อู่ทอง สุพรรณบุรี
คอนเซ็ปของงานนี้คือปั่นท่องเที่ยวสถานที่สำคัญในอำเภออู่ทอง จ.สุพรรณบุรี มีคนปั่นในงานนี้เป็นร้อยคน เพราะมี ททท. เป็นสปอนเซอร์ส่วนหนึ่ง ผมลากพี่สาวกับเพื่อนขาแรงไปด้วยอีกคนหนึ่ง ท่ามกลางเสียงบ่นของภรรยาผม เพราะเธอไปด้วยไม่ได้ เนื่องจากติดรับมอบตัวนักเรียน
ผมออกจากบ้านแม่ที่สุพรรณฯ ตอนหกโมงครึ่ง ขับเรื่อย ๆ กันไปจนถึงอู่ทองตอนประมาณเจ็ดโมงกว่า ๆ สถานที่จัดงานห่างจากบ้านแม่ผมแค่ 30 กม.
R-500 ของผมนั้น ทำการเพิ่มตะแกรงท้ายอลูมิเนียม ติดตั้งกระเป๋าวินสิตา ติดกระเป๋าใต้อาน และกระเป๋ารัดเฟรม Roswell อีกใบเท่านั้น ผมจัดการยัดขนมทั้งหลายที่จะทำให้ผมอิ่มท้องได้ตลอดทางลงไปจนเต็มทั้งสองกระเป๋าเลย อิอิ
พี่สาวผมใช้ TrinX M608 ซึ่งวันนี้ไปเปลี่ยนยางนอกเป็นยางทางเรียบสัญชาติเจอรมัน 27*1.75 มาเป็นที่เรียบร้อย ส่วนเพื่อนขาแรงผม ใช้เบียงคีอิมพัสโซ่ คู่ชีวิตของเขา
เรารวมตัวกันที่ลาดวัดเขาพระ อ.อู่ทอง นักปั่นเริ่มทยอยมากันทั่วทุกสารทิศ เท่าที่ลองคุยกัน มาหลายจังหวัดมาก ๆ ผมว่าแทบจะมีรถทุกยี่ห้อทีเดียวเลยครับงานนี้ ทั้งแบรนด์ดัง แบรนด์ราคาประหยัด
สำหรับรถราคาประหยัดที่จำมาได้มี Winn, TrinX, Coyote, Totem, Tiger มี LA ด้วย ซึ่งน้าคนปั่น LA นี่เป็นสต๊าฟของงานนี้เลย ส่วนยี่ห้อดัง น่าจะมีมาเกือบครบ
ทีมสต๊าฟสองคนที่ปั่นนำหน้าผมนั้น คันขวาเป็นโพลีกอน คันซ้ายเป็นแคนนอลเดล ลุงทั้งสองคนแข็งแรงมาก ๆ ครับ
ตอนออกตัว ผมก็ปั่นออกตัวไปเรื่อย ๆ ตามประสาผม ความเร็วที่ผมชอบก็คือประมาณ 20 แต่ไอ้เพื่อนขาแรงของผมเนี๊ยะ มันไม่ยอม มันกดดันให้ผมต้องไล่กวดอิมพัสโซ่ของมันขึ้นไปเป็นคู่ที่สอง (สองคันแรกคือสต๊าฟ) และมันสอนให้ผมรู้จักการปั่นตาม ปั่นนำ การใช้รอบขา เหมือนการเรียนรู้ใหม่อย่างไรอย่างนั้น
***ภาพจากทีมงาน**** R-500 เกาะกลุ่มหัวแถวเหมือนกันวุ๊ย อิอิ
ซึ่งค่าเฉลี่ยในตอนนั้นอยู่ที่ 30 กม./ชม. มันเป็นค่าที่สูงมากสำหรับผม ผมไม่เคยทำได้ขนาดนี้มาก่อน และนี่มันเป็นรถไฮบริดที่ใช้ยาง 700*35 ส่วนอิมพัสโซ่เป็นยาง 700*23 มันยังอุตส่าห์รอ และปั่นตีคู่กันไป ยืนระยะได้ยาวนานถึง 15 นาที ก่อนจะผ่อนลงมาเป็น 25 เพราะสภาพถนนบางช่วงเริ่มไม่ดี
ส่วนพี่สาวของผม โน้นเลย รั้งกลุ่มท้าย เจ๊ไม่แคร์ใครอยู่แล้ว
จุดแรกทีมงานพาเราไปเที่ยววัดเขาดีสลัก วัดนี้คนสุพรรณฯ ย่อมรู้จักดี เนื่องจากมีสถาปัตยกรรมที่งดงาม และอยู่บนเขา ทางขึ้นยาวประมาณ 4 กม. ตอนนี้ เจ้าเพื่อนบอกว่า ตัวใครตัวมันจะว้อย ใช้จานหน้าเล็ก เฟืองใหญ่ ค่อย ๆ ไล่รอบขาเอา พูดจบ มันก็ทิ้งห่างผมไปไกลลิบ
ผมก็ค่อย ๆ ประคองตัวด้วยเกียร์เสือภูเขาที่มีอยู่ 24 สปีด ผมผ่าน กม.แรกไปได้ด้วยความเร็วประมาณ 8 กม./ชม ปั่นขึ้นไปอีกสองโค้ง ตอนนี้เหลือโค้งข้างหน้าอีก 2 โค้งเท่านั้น แต่ผมไม่ไหวอีกแล้ว ผมลงเข็นเป็นครั้งแรกของทริปนี้
****ภาพจากทีมงาน*****
*****ภาพจากทีมงาน****** แหม่ ยังอุตส่าห์มีคนถ่ายติดมา อิอิ
แต่มันก็ไม่ได้มีผมคนเดียวเท่านั้น เนื่องจากพี่น้องหลายท่าน ไม่ว่ารถท่านจะรุ่นอะไร ลงเข็นกันเกิน 50%
ที่น่าตื่นเต้นคือ ผมได้มีโอกาสเจอรถทัวริ่งดัง ๆ อย่าง Surly ซึ่งวันนี้มีมาหลายคัน จัดเต็มกันมา ลุง ๆ ขาแข็งแรงมากครับ แต่ก็ยังเข็นเป็นเพื่อนผมหลายท่าน อิอิ
คุณลุงท่านนี้ก็ขาทัวริ่ง แข็งแรงมากครับ จอดพักเป็นเพื่อนกัน อิอิ
ผมลงเข็นขึ้นได้ 2 โค้ง ผมก็เริ่มปั่นต่อได้จนถึงยอดเขา ซึ่งเจ้าเพื่อนขาแรงรออยู่ก่อนแล้ว แต่พี่สาวผมหายไป ผมรอกันอยู่สิบกว่านาที พี่สาวผมก็ยังไม่มา หลายท่านเริ่มทยอยมา จนมีรถกู้ภัยเปิดไซเรน ขับตามขึ้นมา
"เฮ้ย" พี่ผมอยู่บนรถกู้ภัย แกบอกว่า แกกำลังจะเป็นลม (อายุ 52 แล้ว สาวโสด) ฟ้าเหลืองแล้ว ปั่นไม่ไหว ต้องขอชมว่า ทีมงานชุดนี้ จัดการได้ดีมากครับ มีรถเซอร์วิส มีรถนำขบวน กั้นทาง ดีมาก ๆ เลย
เราพักกันที่นี่ประมาณ 15 นาที เราก็เริ่มเดินทางต่อ ทีนี้ทางลงเขา R-500 ไหลลงเขามาเรื่อย ๆ ความเร็วที่ลงเขามานั่นสูงสุดอยู่ที่ 49 กม./ ชม. ผมประคองรถ เลียวีเบรคมาเรื่อย ๆ รักษาระยะ และมันก็ผ่านมาได้ ตอนนี้พี่ผมปั่นลงมาได้ด้วยตัวเองแล้ว (และปั่นต่อได้จนจบงาน)
เราปั่นต่อมา ผมเริ่มจำไม่ได้แล้วนะครับว่าแวะที่ไหนบ้าง จำได้แต่ว่าแวะสองครั้ง ที่วัด เพื่อแจกน้ำ และพักเหนื่อยกัน (ผมไม่ฟิตครับ เมื่อคืนนอนไปสองชั่วโมงเท่านั้น หลานสาวไม่สบาย ร้องไห้ทั้งคืน ต้องลุกขึ้นมาดูกันบ่อย ๆ)
แต่พลัน สายตาผมก็มาเจอป้าคนนี้
แนวไหมล่ะครับ ป้าแกปั่น บรอมตัน พี่ผมไปสอบถามมา ปรากฎว่า แกมาจากราชบุรีครับ เท่มาก ๆ ปั่นเร็วด้วย
ช่วงพักเที่ยง เราปั่นขึ้นไปรับประทานอาหารกลางวันกันที่วัดเขาทำเทียม วัดที่กำลังแกะสลักพระพุทธรูปที่หน้าผา ซึ่ง ณ จุดนี้ จะจัดเป็นพุทธมณฑลประจำจังหวัดสุพรรณบุรีในอนาคตครับ
ขาลงจากวัด ผมก็นึกว่า เราจะไปถนนดำ ๆ แบบที่เราผ่านมา ปรากฎว่าไม่ใช่ครับ เส้นทางเริ่มเป็นทางขรุขระ ทางลูกรัง และทางหินคลุก มันคือแทร็คเสือภูเขา ครับ
เฮ๊ย แล้ว R-500 ม้นจะไปไหวเหรอ ผมคิดในใจ ผมไม่เคยพามันไปลุยอะไรมาก่อน แต่ผมก็ต้องไปครับ ทางยาวประมาณ 5 กม. มีทั้งหลุม ทางน้ำไหล เนินชัน ๆ แล้วลงชัน ๆ มือผมสะท้านไปทั้งสองข้าง แต่ก็เอาอยู่ครับ รอดมาได้
แต่เจ้าอิมพัสโซ่ และพลพรรคเสือหมอบนี่สิครับ คราวนี้รั้งท้ายมา เนื่องจากต้องค่อย ๆ ลง ไม่มีใครคาดคิดว่าจะพามาทางแบบนี้ อิอิ
สรุปทริปจบที่ระยะทางประมาณ 60 กม. รวมปั่นวอร์มด้วย ปั่นกันตั้งแต่ 8 โมงเช้า ถึงบ่ายสามโมงครึ่งครับ
ขอขอบคุณทีมงานสุพรรณบุรีมากครับ อาหารอร่อย บริหารจัดการได้สุดยอดมาก แล้วจะไปอีกครับ
ส่วน R500 วันนี้ผมเทสต์ทางโหด ๆ มาให้แล้ว ท่านใดที่สนใจคิดจะเอาไปใช้ในชีวิตประจำวัน ไม่ผิดหวังครับ ใช้ได้ ๆ