ทุกคนมีความน่าสงสารบางอย่างอยู่ในตัว (ดังตฤณ)

ทุกคนมีความน่าสงสารบางอย่างอยู่ในตัว
แต่บางครั้งความน่าสงสารก็ขึ้นอยู่กับมุมมอง
บางคนแค่ต้องซักผ้าล้างจานก็สงสารตัวเองทุกครั้งแล้ว
ขณะที่อีกครึ่งโลกเขาซักผ้าล้างจานด้วยความคึกคักคล่องแคล่ว
หรือบางคนก่อนสิบขวบต้องทำงานเช้ายันดึกหาเลี้ยงพ่อแม่พิการ
แต่กลับไม่รู้สึกสงสารตัวเอง ทั้งที่คนทั้งโลกมองว่าน่าสงสารยิ่ง

ความน่าสงสารที่แท้จริง
ที่มนุษย์และสัตว์ทั้งหลายมีเท่าเทียมกัน
คือการก้มหน้าก้มตามีชีวิต และใช้ชีวิตอย่างไม่รู้ว่า
กติกาชนิดใดบันดาลให้เกิดมาเป็นอย่างนี้
และตายแล้วจะมีกติกาชนิดใดบันดาลให้เป็นไปแบบไหน
เพราะเมื่อไม่รู้ ก็ย่อมทำ ‘ผิดกติกา’ ได้ทุกเมื่อ
แถมมองไม่ออกว่าโทษที่จะต้องได้รับนั้นร้ายแรงเพียงใดด้วย

ความเข้มแข็งที่แท้จริง ที่จะมาแทนความน่าสงสาร
คือความรู้ ความเข้าใจ ในกติกาอันเป็นของจริง
เพราะการรู้ความจริงเท่านั้น
ทำให้มนุษย์เป็นสิ่งมีชีวิตชนิดเดียว
ที่รู้จักตัวเองได้
มองเห็นได้ว่า ตนเองกำลังอยู่ตรงไหนในเขาวงกต
กำลังเดินหาทางออกหรือพาตัวเข้าสู่มุมอับ
ตลอดจนมีโอกาสเลือกเส้นทางใหม่ให้ดีขึ้นได้

ศาสนาพุทธเริ่มให้เปลี่ยนทาง
จากการเบียดเบียนมาเป็นไม่เบียดเบียนด้วยศีล ๕
เมื่ออยู่บนเส้นทางของศีลแล้ว
แม้ไม่ได้อย่างใจในระยะสั้น
แต่ยิ่งเดินก็จะยิ่งสบายใจในระยะยาว
ความสบายใจในระยะยาวนั่นเอง
คือเครื่องหมายบอกว่ามาถูกทางแล้ว

— แนะนำหนังสือ
ชื่อหนังสือ: ติวพ่อขึ้นสวรรค์
เขียนโดย: วีริศ อุโฆษผล
ดาวน์โหลดอีบุ๊กฟรี: http://dungtrin.com/tutor
(ไม่มีจำหน่าย)


ดอกไม้
https://www.facebook.com/dungtrin

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่