สวัสดีพี่ๆน้องๆเพื่อนๆชาว Pantip ทุกท่านนะคะ
ก่อนอื่นต้องขอขอบคุณทุกท่านที่สละเวลาเข้ามาอ่านมากๆเลยค่ะ
พอดีแนนมีข้อสงสัยเกี่ยวกับเรื่องจดทะเบียนภาษีมูลเพิ่ม มาสอบถามท่านที่มีความรู้เกี่ยวกับเรื่องนี้นิดนึงค่ะ
เรื่องมีอยู่ว่าแนนกำลังประกอบธุรกิจเป็นบริษัทเทรดดิ้งสั่งสินค้าทั่วไปจากต่างประเทศให้กับลูกค้าในไทยค่ะ
ขั้นตอนการทำธุรกิจคล่าวๆก็คือ บริษัทแนนจะขอราคาสินค้าจากโรงงานในต่างประเทศ เพื่อไปเสนอให้กับลูกค้าในไทย โดยแนนจะบวกกำไรไปเล็กน้อยตอนที่ไปเสนอให้กับลูกค้านะคะ
หากลูกค้าพอใจในราคา บริษัทแนนกับลูกค้าก็จะเซ็นสัญญาซื้อขายกัน และบริษัทแนนก็จะโอนเงินไปสั่งสินค้ากับทางโรงงานต่างประเทศ
พอสินค้าผลิตเสร็จ ทางโรงงานก็จะส่งสินค้ามาไทย และแนนก็จะได้เอกสาร shipping ต่างๆ ซึ่งแนนก็จะเอาเอกสาร shipping เหล่านี้ไปเรียกเก็บเงินกับทางลูกค้า
หลังจากลูกค้าชำระเงินเรียบร้อย แนนก็จะส่งมอบเอกสารทั้งหมดให้ลูกค้าไปดำเนินพิธีการศุลกากรขาเข้าด้วยตนเอง (ชำระอากรขาเข้าและภาษีมูลค่าเพิ่ม)
หลังจากนั้นลูกค้าก็จะส่งสำเนาใบขนสินค้าขาเข้าและสำเนาใบเสร็จรับเงินภาษีมูลค่าเพิ่มของกรมศุลกากรกลับมาให้แนนเก็บไว้ เป็นหลักฐานว่าได้นำเข้าและเสียภาษีทุกอย่างถูกต้องเรียบร้อยแล้ว
หลังจากเริ่มดำเนินธุรกิจ แนนก็มาดูเรื่องจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม (แต่ยังไม่ได้จดนะคะ) แนนก็มาอ่านเจอ
http://www.rd.go.th/publish/3399.0.html
ประกาศอธิบดีกรมสรรพากร
เกี่ยวกับภาษีมูลค่าเพิ่ม (ฉบับที่ 40)
เรื่อง กำหนดลักษณะ และเงื่อนไข ค่าตอบแทนที่ ไม่ต้องนำ มารวมคำนวณมูลค่าของฐานภาษี ตามมาตรา 79(4) แห่งประมวลรัษฎากร
(9) มูลค่าของสินค้าที่ผู้ประกอบการจดทะเบียนที่มิใช่ผู้ประกอบการจดทะเบียนซึ่งต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่มตามมาตรา 82/16 แห่งประมวลรัษฎากร ได้ขายให้แก่ผู้ซื้อ โดยสินค้าดังกล่าวผู้ประกอบการจดทะเบียนที่ขายได้นำเข้าจากต่างประเทศ และได้โอนสินค้าให้ผู้ซื้อยื่นใบขนสินค้าขาเข้าต่อเจ้าพนักงานศุลกากร ณ ด่านศุลกากร เพื่อชำระภาษีมูลค่าเพิ่มต่อเจ้าพนักงานศุลกากร ตามมาตรา 83/8 วรรคหนึ่ง แห่งประมวลรัษฎากรแล้ว ทั้งนี้ ผู้ประกอบการจดทะเบียนที่ขายสินค้าจะต้องมีสำเนาใบเสร็จรับเงินของกรมศุลกากรที่ออกให้ผู้ซื้อพร้อมที่จะให้เจ้าพนักงานประเมินตรวจสอบได้
ซึ่งตรงนี้แนนเข้าใจว่าค่าสินค้าที่แนนได้รับจากลูกค้าน่าจะตรงกับกรณีนี้ และแนนก็ไม่ต้องเรียกเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มกับทางลูกค้าแต่อย่างใด (เนื่องจากลูกค้าจะเป็นผู้เสียภาษีทั้งหมดด้วยตนเองตอนนำเข้า)
และถึงแม้บริษัทแนนจะไปจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม (ในกรณีที่รายได้ต่อปีเกิน 1,800,000 บาท) บริษัทก็จะไม่มีภาษีซื้อและภาษีขาย ตอนยื่น ภ.พ.30 ในแต่ละเดือน
ตรงนี้แนนเข้าใจถูกมั้ยคะ หากท่านใดมีคำแนะนำ หรือความเห็นเกี่ยวกับเรื่องนี้ พอจะแบ่งปันเป็นวิทยาทานได้จะเป็นพระคุณมากๆค่ะ
ขอบคุณทุกท่านสำหรับความคิดเห็นและคำแนะนำนะคะ ^^
ขอคำแนะนำเกี่ยวกับภาษีมูลค่าเพิ่มค่ะ
ก่อนอื่นต้องขอขอบคุณทุกท่านที่สละเวลาเข้ามาอ่านมากๆเลยค่ะ
พอดีแนนมีข้อสงสัยเกี่ยวกับเรื่องจดทะเบียนภาษีมูลเพิ่ม มาสอบถามท่านที่มีความรู้เกี่ยวกับเรื่องนี้นิดนึงค่ะ
เรื่องมีอยู่ว่าแนนกำลังประกอบธุรกิจเป็นบริษัทเทรดดิ้งสั่งสินค้าทั่วไปจากต่างประเทศให้กับลูกค้าในไทยค่ะ
ขั้นตอนการทำธุรกิจคล่าวๆก็คือ บริษัทแนนจะขอราคาสินค้าจากโรงงานในต่างประเทศ เพื่อไปเสนอให้กับลูกค้าในไทย โดยแนนจะบวกกำไรไปเล็กน้อยตอนที่ไปเสนอให้กับลูกค้านะคะ
หากลูกค้าพอใจในราคา บริษัทแนนกับลูกค้าก็จะเซ็นสัญญาซื้อขายกัน และบริษัทแนนก็จะโอนเงินไปสั่งสินค้ากับทางโรงงานต่างประเทศ
พอสินค้าผลิตเสร็จ ทางโรงงานก็จะส่งสินค้ามาไทย และแนนก็จะได้เอกสาร shipping ต่างๆ ซึ่งแนนก็จะเอาเอกสาร shipping เหล่านี้ไปเรียกเก็บเงินกับทางลูกค้า
หลังจากลูกค้าชำระเงินเรียบร้อย แนนก็จะส่งมอบเอกสารทั้งหมดให้ลูกค้าไปดำเนินพิธีการศุลกากรขาเข้าด้วยตนเอง (ชำระอากรขาเข้าและภาษีมูลค่าเพิ่ม)
หลังจากนั้นลูกค้าก็จะส่งสำเนาใบขนสินค้าขาเข้าและสำเนาใบเสร็จรับเงินภาษีมูลค่าเพิ่มของกรมศุลกากรกลับมาให้แนนเก็บไว้ เป็นหลักฐานว่าได้นำเข้าและเสียภาษีทุกอย่างถูกต้องเรียบร้อยแล้ว
หลังจากเริ่มดำเนินธุรกิจ แนนก็มาดูเรื่องจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม (แต่ยังไม่ได้จดนะคะ) แนนก็มาอ่านเจอ
http://www.rd.go.th/publish/3399.0.html
ประกาศอธิบดีกรมสรรพากร
เกี่ยวกับภาษีมูลค่าเพิ่ม (ฉบับที่ 40)
เรื่อง กำหนดลักษณะ และเงื่อนไข ค่าตอบแทนที่ ไม่ต้องนำ มารวมคำนวณมูลค่าของฐานภาษี ตามมาตรา 79(4) แห่งประมวลรัษฎากร
(9) มูลค่าของสินค้าที่ผู้ประกอบการจดทะเบียนที่มิใช่ผู้ประกอบการจดทะเบียนซึ่งต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่มตามมาตรา 82/16 แห่งประมวลรัษฎากร ได้ขายให้แก่ผู้ซื้อ โดยสินค้าดังกล่าวผู้ประกอบการจดทะเบียนที่ขายได้นำเข้าจากต่างประเทศ และได้โอนสินค้าให้ผู้ซื้อยื่นใบขนสินค้าขาเข้าต่อเจ้าพนักงานศุลกากร ณ ด่านศุลกากร เพื่อชำระภาษีมูลค่าเพิ่มต่อเจ้าพนักงานศุลกากร ตามมาตรา 83/8 วรรคหนึ่ง แห่งประมวลรัษฎากรแล้ว ทั้งนี้ ผู้ประกอบการจดทะเบียนที่ขายสินค้าจะต้องมีสำเนาใบเสร็จรับเงินของกรมศุลกากรที่ออกให้ผู้ซื้อพร้อมที่จะให้เจ้าพนักงานประเมินตรวจสอบได้
ซึ่งตรงนี้แนนเข้าใจว่าค่าสินค้าที่แนนได้รับจากลูกค้าน่าจะตรงกับกรณีนี้ และแนนก็ไม่ต้องเรียกเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มกับทางลูกค้าแต่อย่างใด (เนื่องจากลูกค้าจะเป็นผู้เสียภาษีทั้งหมดด้วยตนเองตอนนำเข้า)
และถึงแม้บริษัทแนนจะไปจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม (ในกรณีที่รายได้ต่อปีเกิน 1,800,000 บาท) บริษัทก็จะไม่มีภาษีซื้อและภาษีขาย ตอนยื่น ภ.พ.30 ในแต่ละเดือน
ตรงนี้แนนเข้าใจถูกมั้ยคะ หากท่านใดมีคำแนะนำ หรือความเห็นเกี่ยวกับเรื่องนี้ พอจะแบ่งปันเป็นวิทยาทานได้จะเป็นพระคุณมากๆค่ะ
ขอบคุณทุกท่านสำหรับความคิดเห็นและคำแนะนำนะคะ ^^