สวัสดีค่ะ อยากจะมาแชร์เรื่องราวที่เพิ่งจะเกิดขึ้นสดๆร้อนกับครอบครัวของเรา เมื่ออาทิตย์ที่แล้ว
ย้อนกลับไปวันนั้นตอนประมาณตีสี่ เราท้องอยู่หกเดือน ระหว่างที่ลุกมาเข้าห้องนำ้เหมือนทุกครั้ง แต้ครั้งนี้กลับมีสิ่งผิดปกติเกิด ขึ้น ปวดท้องมากเลย ปวดจนนอนต่อไม่ได้ และตัดสินใจปลุกสามี(ต่อไปนี้ขออนุญาติ เรียกว่า บัง นะคะ เพื่อความพริ้วของ จขกท) อีกสิบนาทีต่อมา ก็มาถึงรพเอกชนที่ใกล้ที่สุดแห่งหนึ่ง ตอนแรกที่บอกว่าปวดคือปวดไปหมดทั่งทั้งท้อง และหลังจากนั้นประมาณ หนึ่งชมความปวดเปลี่ยนเป็นหนักมาทางด้านขวา และหมอแจ้งว่าสงสัยว่าจะเป็นไส้ติ่งอักเสบ แต่มันเร็วเกินไปอาจจะต้องนอนรอดูอาการจน แปดโมงเช้า หลังจา่กนั้น ตอนสายมีหมอศัลย์ อีกคนเข้ามาดูและแจ้งว่าน่าจะแน่นอนแล้วว่าเป็นไส้ติ่งอักเสบ ถ้าผ่าที่นั่น 58000 บาท แต่ถ้ามีสิทธิ์ของรพ รัฐ ก็ควรย้ายไปผ่าที่รพรัฐจะดีกว่า และดูเหมือนจะพร้อมกว่า เพราะเคสนี้ควรจะมีหมอสูติ ดูแลอย่างใกล้ชิดด้วย หลังจากนั้นตัดสินใจย้ายรพ ตอนสิบโมง และแวะกลับไปที่บ้านไปเอาของก่อนไปรพ และไปถึงรพ อีกครั้งตอน เกือบเที่ยง เข้าห้องฉุกเฉิน เพื่อตรวจเบื้องต้น ตอนนี้เริ่มปวดหนักขึ้นเรื่อง แต่ก็ดันมีเรื่องมา ฉุกละหุก เกี่ยวกับสิทธิที่มีของประกันสังคม คือตรวจจากระบบแล้วเราไม่มีสิทธิ อยู่ในระบบ และ หมอตัดสินใจให้ผ่าตัดบ่ายวันนั้น ดังนั้นเราต้องยืนยันสิทธิก่อนผ่าตัด ตอนนี้บอกเลยว่า ปวดทั้งหัว ปวดทั้งท้อง เครียด เรื่องของเรื่องมันเกิดขึ้นจาก เจ้านายเราเป็นต่างชาติ เลยจ้างทนาย ส เข้า่มาดูแลเรื่องประกันสังคมของบริษัท เราเลยโทรไปเช็คกับทนาย ส ว่าทำไมเราถึงไม่อยู่ในระบบ ทั้งที่บริษัทเราส่งครบได้รับใบเสร็จทุกเดือน ทนายบอกกลับมาด้วยนำ้เสียงเหวี่ยงๆ ว่าก็ไม่รู้ว่าคุณอยากจะใช้สิทธิ เลยไม่ได้แจ้งให้ถ้าอยากให้สิทธิ ก็ให้เจ้านายคุณโทรหาผมว่าให้ใช้สิทธิ เราบอกว่าว่าโอเคไม่มีปัญหาเพราะ ก่อนเรามารพ เจ้านายเพิ่งแจ้งกับสามีเราว่าเรามีประกันสังคมนะ งั้นช่วงถือสายรอได้ไหม เราจะประชุมสายให้ ทนาย ส บอกว่าไม่ว่างผมมีงานอื่นต้องทำ ตึ่งงงงงงงงงงง ช็อคไปเลย กับทนายคนนี้เราไม่เคยรู้จักกันมาก่อน แล้วเราแจ้งว่าด่วนเพราะเราต้องผ่าตัดบ่ายนี้ แค่เรื่องเล็กๆน้อยคุณทำให้เราสัมผัสได้ถึงความเห็นแก่ตัวของคุณแบบสุดจะบรรยาย แล้วที่ไม่เข้าใจคือส่งเงินสมทบ แต่ไม่แจ้งใช้สิทธืนี่ มันบริจาคชัดๆ ไม่จริงนั่นไม่ใช่เจตนาของเรา แล้วมันมีด้วยหรอไอ้คนประเภทนี้ ส่งเงินสมทบแต่ไม่ขอให้สิทธิ โอเค จบ ช่างมัน ไม่สนใจแล้ว เอาชีวิตรอดก่อน ต้องผ่าก็ผ่า ไม่สนใจอะไรแล้ว เซ็ง แล้วก็ตัดมาที่ห้องผ่าตัด ก่อนหน้านั้นไม่ได้กินอะไรมา 20 ชมได้หิวมากก แสบท้อง ปวดท้อง มาก แล้วก็เริ่มต้นด้วย หมอวิสัญญี เข้ามาแจ้งว่าเราจะบล๊อคหลังให้คุณ เพราะถ้าดมยา มันจะเสี่ยงกับลูกในท้องของคุณมาก เพราะลูกอาจจะสลบไปด้วย และการผ่าใช้เวลานาน แต่ถึงแม้ว่าจะบล๊อคหลังความเสี่ยงยังคงเกิดขึ้นอยู่ดี เพราะระหว่างที่ผ่าตัดถ้ามดลูก รู้สึกว่ามีสิ่งแปลกปลอมเกิดขึ้นภายในช่องท้อง อาจจะเกิดการคลอดก่อนกำหนดได้ แต่ถ้าคลอดตอนหกเดือนเราไม่เรียกว่าคลอด เราเรียกว่าแท้งนะคะ นำ้ตาไหลเลยยย นี่แค่บทนำยังไม่ได้ผ่าเลย หมอชี้แจงได้เคลีย มากค่ะ แต่เราไม่มีทางเลือกใดใดทั้งสิ้น อย่างไรก็ตามหมอก็ต้องผ่าอยู่ดี เริ่มต้นจากการนอนขดเป็นกุ้งเพื่อให้หมอ ทำการฉีดยาเข้าไขสันหลัง ก็เจ็บแต่พอทนได้ แล้วก็รู้สึกชาจนถึงหน้าอก หายใจไม่ออก ทรมานเหมือนกันแหละในความรู้สึกเหมือนเป็นอัมพาตครึ่งท่อน รู้สึกทุกอย่างผ่านไปยี่สิบนาที เราถามหมอวิสัญญี ว่าเจอไส้ติ่งรึยังคะ หมอไม่โกหก ยังไม่เจอเลยค่ะ หลับรอไปเลยก็ได้นะคะ เครียดหนักกว่าเดิม อาเจียน ออกมาหมดเลยทรมานมาก สรุปใช้เวลาผ่า ประมาณ 40 นาทีเห็นจะได้พยาบาลในห้องนั้นเค้าคุยกันกันหลังจากเราออกมาแล้ว ว่าเคสนี้ผ่ายากมาก อ.หมอใช้เวลานานมาก
อยู่ลึกมาก แล้วมันก็ผ่านไป เจ็บแผลมากแผลยาวประมาณ สิบกว่าเซนได้ แล้วก็กลับมาที่ห้องพักฟื้น แล้วความเจ็บปวดก็มาเยือนอีกครั้งตอนที่เราท้องอืด ไม่น่าเชื่อ แค่ท้องอืดมีลมวิ่งอยู่ในท้อง แต่ปวดเกือบตาย พยายาลบอกว่าต้องเดินๆ เดินเยอะ มันค่อนข้าง ขัดแย้งกับความรู้สึกมาก แต่ต้องทำ เดินๆทั้งนำ้ตา ไหนลูกจะดิ้นอีกเจ็บอีกเท่าทวีคูณ ในวันแรกที่ผ่าตัด วันที่สองเริ่มชินกลับความเจ็บปวด อยากกลับบ้านขอหมอกลับ หมอเห็นว่าโดยรวม ดูโอเคก็เลยปล่อยตัวกลับบ้าน วกกลับมาที่ขั้นตอนเช็คบิล สามสิบบาท ค่ะ อึ้งรอบสอง(เราไม่ได้อยู่ห้องพิเศษ ห้องเต็ม) ที่อึ้งเพราะเราใช้ทรัพยากรรพเยอะมาก นำ้เกลือตอลอดดเวลา ใช้หมอสามคน อัลตร้าซาวด์ บ่อยมาก ขอบคุณทุกคนค่ะ ที่ดูแลเราเป็นอย่างดี ซึ้งใจจริง รพ รัฐ แต่ดูแลดีขนาดนี้ กราบบบบบบค่ะ (ยังไม่จบค่ะ ภาคสองมันกว่านี้อีก)
[CR] ท้องหกเดือน#การผ่าตัดไส้ติ่ง#สิทธิประกันสังคม#ทนาย ส#เกือบคลอดก่อนกำหนด#รพ รัฐ#รพ เอกชน#
ย้อนกลับไปวันนั้นตอนประมาณตีสี่ เราท้องอยู่หกเดือน ระหว่างที่ลุกมาเข้าห้องนำ้เหมือนทุกครั้ง แต้ครั้งนี้กลับมีสิ่งผิดปกติเกิด ขึ้น ปวดท้องมากเลย ปวดจนนอนต่อไม่ได้ และตัดสินใจปลุกสามี(ต่อไปนี้ขออนุญาติ เรียกว่า บัง นะคะ เพื่อความพริ้วของ จขกท) อีกสิบนาทีต่อมา ก็มาถึงรพเอกชนที่ใกล้ที่สุดแห่งหนึ่ง ตอนแรกที่บอกว่าปวดคือปวดไปหมดทั่งทั้งท้อง และหลังจากนั้นประมาณ หนึ่งชมความปวดเปลี่ยนเป็นหนักมาทางด้านขวา และหมอแจ้งว่าสงสัยว่าจะเป็นไส้ติ่งอักเสบ แต่มันเร็วเกินไปอาจจะต้องนอนรอดูอาการจน แปดโมงเช้า หลังจา่กนั้น ตอนสายมีหมอศัลย์ อีกคนเข้ามาดูและแจ้งว่าน่าจะแน่นอนแล้วว่าเป็นไส้ติ่งอักเสบ ถ้าผ่าที่นั่น 58000 บาท แต่ถ้ามีสิทธิ์ของรพ รัฐ ก็ควรย้ายไปผ่าที่รพรัฐจะดีกว่า และดูเหมือนจะพร้อมกว่า เพราะเคสนี้ควรจะมีหมอสูติ ดูแลอย่างใกล้ชิดด้วย หลังจากนั้นตัดสินใจย้ายรพ ตอนสิบโมง และแวะกลับไปที่บ้านไปเอาของก่อนไปรพ และไปถึงรพ อีกครั้งตอน เกือบเที่ยง เข้าห้องฉุกเฉิน เพื่อตรวจเบื้องต้น ตอนนี้เริ่มปวดหนักขึ้นเรื่อง แต่ก็ดันมีเรื่องมา ฉุกละหุก เกี่ยวกับสิทธิที่มีของประกันสังคม คือตรวจจากระบบแล้วเราไม่มีสิทธิ อยู่ในระบบ และ หมอตัดสินใจให้ผ่าตัดบ่ายวันนั้น ดังนั้นเราต้องยืนยันสิทธิก่อนผ่าตัด ตอนนี้บอกเลยว่า ปวดทั้งหัว ปวดทั้งท้อง เครียด เรื่องของเรื่องมันเกิดขึ้นจาก เจ้านายเราเป็นต่างชาติ เลยจ้างทนาย ส เข้า่มาดูแลเรื่องประกันสังคมของบริษัท เราเลยโทรไปเช็คกับทนาย ส ว่าทำไมเราถึงไม่อยู่ในระบบ ทั้งที่บริษัทเราส่งครบได้รับใบเสร็จทุกเดือน ทนายบอกกลับมาด้วยนำ้เสียงเหวี่ยงๆ ว่าก็ไม่รู้ว่าคุณอยากจะใช้สิทธิ เลยไม่ได้แจ้งให้ถ้าอยากให้สิทธิ ก็ให้เจ้านายคุณโทรหาผมว่าให้ใช้สิทธิ เราบอกว่าว่าโอเคไม่มีปัญหาเพราะ ก่อนเรามารพ เจ้านายเพิ่งแจ้งกับสามีเราว่าเรามีประกันสังคมนะ งั้นช่วงถือสายรอได้ไหม เราจะประชุมสายให้ ทนาย ส บอกว่าไม่ว่างผมมีงานอื่นต้องทำ ตึ่งงงงงงงงงงง ช็อคไปเลย กับทนายคนนี้เราไม่เคยรู้จักกันมาก่อน แล้วเราแจ้งว่าด่วนเพราะเราต้องผ่าตัดบ่ายนี้ แค่เรื่องเล็กๆน้อยคุณทำให้เราสัมผัสได้ถึงความเห็นแก่ตัวของคุณแบบสุดจะบรรยาย แล้วที่ไม่เข้าใจคือส่งเงินสมทบ แต่ไม่แจ้งใช้สิทธืนี่ มันบริจาคชัดๆ ไม่จริงนั่นไม่ใช่เจตนาของเรา แล้วมันมีด้วยหรอไอ้คนประเภทนี้ ส่งเงินสมทบแต่ไม่ขอให้สิทธิ โอเค จบ ช่างมัน ไม่สนใจแล้ว เอาชีวิตรอดก่อน ต้องผ่าก็ผ่า ไม่สนใจอะไรแล้ว เซ็ง แล้วก็ตัดมาที่ห้องผ่าตัด ก่อนหน้านั้นไม่ได้กินอะไรมา 20 ชมได้หิวมากก แสบท้อง ปวดท้อง มาก แล้วก็เริ่มต้นด้วย หมอวิสัญญี เข้ามาแจ้งว่าเราจะบล๊อคหลังให้คุณ เพราะถ้าดมยา มันจะเสี่ยงกับลูกในท้องของคุณมาก เพราะลูกอาจจะสลบไปด้วย และการผ่าใช้เวลานาน แต่ถึงแม้ว่าจะบล๊อคหลังความเสี่ยงยังคงเกิดขึ้นอยู่ดี เพราะระหว่างที่ผ่าตัดถ้ามดลูก รู้สึกว่ามีสิ่งแปลกปลอมเกิดขึ้นภายในช่องท้อง อาจจะเกิดการคลอดก่อนกำหนดได้ แต่ถ้าคลอดตอนหกเดือนเราไม่เรียกว่าคลอด เราเรียกว่าแท้งนะคะ นำ้ตาไหลเลยยย นี่แค่บทนำยังไม่ได้ผ่าเลย หมอชี้แจงได้เคลีย มากค่ะ แต่เราไม่มีทางเลือกใดใดทั้งสิ้น อย่างไรก็ตามหมอก็ต้องผ่าอยู่ดี เริ่มต้นจากการนอนขดเป็นกุ้งเพื่อให้หมอ ทำการฉีดยาเข้าไขสันหลัง ก็เจ็บแต่พอทนได้ แล้วก็รู้สึกชาจนถึงหน้าอก หายใจไม่ออก ทรมานเหมือนกันแหละในความรู้สึกเหมือนเป็นอัมพาตครึ่งท่อน รู้สึกทุกอย่างผ่านไปยี่สิบนาที เราถามหมอวิสัญญี ว่าเจอไส้ติ่งรึยังคะ หมอไม่โกหก ยังไม่เจอเลยค่ะ หลับรอไปเลยก็ได้นะคะ เครียดหนักกว่าเดิม อาเจียน ออกมาหมดเลยทรมานมาก สรุปใช้เวลาผ่า ประมาณ 40 นาทีเห็นจะได้พยาบาลในห้องนั้นเค้าคุยกันกันหลังจากเราออกมาแล้ว ว่าเคสนี้ผ่ายากมาก อ.หมอใช้เวลานานมาก
อยู่ลึกมาก แล้วมันก็ผ่านไป เจ็บแผลมากแผลยาวประมาณ สิบกว่าเซนได้ แล้วก็กลับมาที่ห้องพักฟื้น แล้วความเจ็บปวดก็มาเยือนอีกครั้งตอนที่เราท้องอืด ไม่น่าเชื่อ แค่ท้องอืดมีลมวิ่งอยู่ในท้อง แต่ปวดเกือบตาย พยายาลบอกว่าต้องเดินๆ เดินเยอะ มันค่อนข้าง ขัดแย้งกับความรู้สึกมาก แต่ต้องทำ เดินๆทั้งนำ้ตา ไหนลูกจะดิ้นอีกเจ็บอีกเท่าทวีคูณ ในวันแรกที่ผ่าตัด วันที่สองเริ่มชินกลับความเจ็บปวด อยากกลับบ้านขอหมอกลับ หมอเห็นว่าโดยรวม ดูโอเคก็เลยปล่อยตัวกลับบ้าน วกกลับมาที่ขั้นตอนเช็คบิล สามสิบบาท ค่ะ อึ้งรอบสอง(เราไม่ได้อยู่ห้องพิเศษ ห้องเต็ม) ที่อึ้งเพราะเราใช้ทรัพยากรรพเยอะมาก นำ้เกลือตอลอดดเวลา ใช้หมอสามคน อัลตร้าซาวด์ บ่อยมาก ขอบคุณทุกคนค่ะ ที่ดูแลเราเป็นอย่างดี ซึ้งใจจริง รพ รัฐ แต่ดูแลดีขนาดนี้ กราบบบบบบค่ะ (ยังไม่จบค่ะ ภาคสองมันกว่านี้อีก)