สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 74
ต่อนะครับ
- ช่วงเกณฑ์ทหาร เอาละครับหลังจากจบมา ผมก็ต้องมาเกณฑ์ทหารครับ โดยการไปจับใบดำใบแดงทำหน้าที่ลูกผู้ชายครับเพราะผมไม่ได้เรียน รด. และในวันจับสิ่งที่ผมต้องช็อกไม่แพ้กันคือผมจับได้ใบแดง T_T !! ทร.ผลัด 2/55 จับประมาณเมษาครับผลัด 2 นี้จะต้องไปประจำการณ์ 1 สิงหาคมครับ เมื่อวันนั้นมาถึงผมต้องมาที่ศูนย์ฝึกทหารใหม่ที่สัตหีบนะครับ แม่ผมนี้ห่วงมากเลยครับ เพราะว่าลูกชายคนนี้แกเลี้ยงมา แกบอกว่าแม่ไม่เคยให้ลูกต้องลำบากลูกไม่เคยลำบากจะไปอยู่ยังไง กอดกันพักใหญ่ครับก่อนจากลา..ผมก็เลยปลอบท่านว่าแม่ไม่ต้องเป็นห่วงครับแม่คิดซะว่าผมแค่ไปออกกำลังกาย 1 ปีเองเดี๋ยวผมก็ออกมาแล้วร้องไห้กันพักใหญ่แล้วก็ถึงเวลาเดินทาง..
พอไปถึงค่ายผมก็โคตรกลัวครับ บอกตามตรงว่าชีวิตของผมไม่เคยเจออะไรแบบโคตรจะเถื่อนนะครับ มีทั้งพวกติดยามา
ขี้เมา นักเลง อื่นๆมากมาย บอกตรงๆผมนี้ไม่กล้าคุยกับใครเลยครับ พอนานวันเข้าแต่ละคนก็เริ่มที่จะคุยกันครับ เริ่มรู้จักกันผมก็เริ่มจะคุยกับคนอื่น บ้างโดยแต่ละคนผมก็เลือกคุยครับ โดยโชคดีผมได้เพื่อนในระดับเดียวกันคือจบปริญญาตรีทั้งนั้นครับ เฮ่อผมสบายใจขึ้นมานิดหนึ่งครับ ที่มีคนที่จบแบบผม อย่างน้อยก็คุยกันรู้เรื่อง แต่นานวันเข้าผมก็เหงาครับ ทั้งเหงาทั้งกลัว ผมฝึกหนัก โคตรดำอะครับ หลังฝึกผมก็ไปนั่งซึมอยู่คนเดียวแทบทุกวัน ทุกวัน จนวันหนึ่งมีเพื่อนคนหนึ่งมันคงเห็นผมมาแอบนั่งซึมทุกวันอะครับ มันเลยเข้ามาถามว่าผมเป็นไร ผมก็เงียบครับไม่ตอบ แต่มันก็ยังคงพูดต่อไปมันบอกว่า “ดูดิ คนอื่นเขาคุยกันทำไมมานั่งซึมคนเดียววะ กูรู้นะว่ามึ*คิดถึงบ้าน พวกกูก็เหมือนกัน ตอนนี้มันเป็นแบบนี้แล้วทำอะไรไมได้ยิ่งเครียดมันก็ยิ่งทำให้แย่ ผมก็มองหน้ามันมันก็เลยยิ้มพูดว่า เอ่อกูชื่อติ๊กนะ มีอะไรมาคุยกับกูได้ อย่าเครียดๆมันก็ตบบ่าผมเบาๆ ผมก็ฝืนยิ้มไป เอ่อไอ้นี่กูโคตรสบายใจเลยผมนึกในใจ กูซึ้งแสร*” แล้วชื่อไรอะ อ๋อผมโอ๋ครับยินดีที่รู้จัก
เครๆยินดีๆมันบอก แล้วมันก็ชวนผมไปนั่งกับเพื่อนๆ นานวันผมก็หายเครียดครับ กลายเป็นสนุกรู้จักหลายคน ตีปิงปองเล่นกันในกองร้อย กองร้อยผมมีโต๊ะปิงปองให้ตีครับ หลังจากนั้นพอมีเรื่องอะไรผมก็มักไปคุยให้ไอ้ติ๊กฟังเรื่องดีมันก็ยิ้มเรื่องไม่ดีมันก็แนะนำว่าอย่าเครียดๆ พอสนิทกันไอ้ติ๊กมันก็ชอบมาแกล้งผมประจำครับ มันค่อนข้างกะล่อนครับไอ้นี่มันเป็นคนแบบไม่อยู่เฉยๆครับเป็นคนชอบสนุก พูดเก่ง เอ่อลืมบอกไอ้ติ๊กมันก็จบป.ตรีเหมือนกันครับ วิศวไฟฟ้า มันก็ขอ FB ผมไปตอนที่จะกลับบ้าน คือศูนย์ฝึกเขาจะปล่อยกลับบ้านภูมิลำเนาตอนที่ฝึกเสร็จเดือนแรกอะครับ 15 วัน
พอถึงกำหนดวันกลับผมก็กลับไปถึงค่าย แต่เพื่อนๆก็ทยอยกันมาเรื่อยๆครับ จนประมาณสองทุ่ม ผมนั่งอยู่ในห้องธุรการ เอ่อผมเป็นเจ้าหน้าที่ธุรการทหารครับ ผู้กองในกองร้อยท่านคัดไปทำเอกสารครับถ้าใครจบคอม ผมก็นั่งอยู่ในห้องไอ้ติ๊กมันก็มาแกล้งผมอะครับทำเสียงผี ผมงี้หลอนอะครับผมก็เดินตามหาเสียงไปแบบมันยังมีไฟอยู่นะครับแต่ข้างๆห้องนะมืดเพราะเป็นสวน ทันใดนั้นก็ติ๊กมันก็โผล่ออกมา ผมโคตรตกใจอะครับแทบกระโดดถีบมัน เลย มันก็นะ ฮาซะ..
เอ่อมึ*พึ่งมาถึงหรอวะ ผมถามมัน มันก็บอกเอ่อรถโคตรติด แล้วมันก็มานั่งกินน้ำในห้องทำงานผม มีผมกับมันนะครับ เพื่อนๆงี้ไปดูทีวีข้างหลังหมด มันก็บอกกูมีของฝากมาด้วยวะเอามาฝากมึ* มึ*รู้ไหมของฝากนี้กูคิดถึงมึ*เป็นคนแรกเลยนะ
มันก็พูดไปผมก็เอ้อๆ อะไรวะ มันก็ควักออกมาเป็นของกินอะไรสักอย่าง (ลักษณะเขาเรียกอะไรไม่รู้นะครับผมไม่เคยเห็นคือมันเป็นเหมือนกล้วยกวน แต่ห่อด้วยใบมะพร้าวประมาณนี้อะครับ สีดำๆใครรู้ก็บอกผมทีนะครับว่ามันเรียกว่าอะไร)
ผมก็บอกกูไม่กล้ากิน มันก็พูดโหกูอุตส่าห์เอามาฝาก ไม่กินกูเสียใจนะ ผมก็บอกกูไม่เคยกินไม่กล้ากินวะ แต่เสียใจจริงๆนะ
มันพูดจบมันก็ปลอกเปลือกออกพร้อมกับจับเอาขนมอันนั้นแหละครับมาไว้ที่ปากผม มันก็พูดกินไม่กิน ถ้าไม่กินกูก็จะเอาค้างไว้แบบนี้แหละ กูอุตส่าห์ป้อนนะ ตอนนั้นผมก็มองซ้ายขวาอะครับผมก็กลัวคนมาเห็น ผมก็พูดเอ่อๆกินก็ได้ ผมก็จะจับเอากับมือมันมากินอะครับ แต่มันไม่ยอมมันบอกว่ากูจะป้อน เฮ้ยอะไรของมันว้าผมนี่แบบงงๆ เอ้อๆผมก็เลยรีบกินกลัวคนมาเห็นครับ พอกินเสร็จไม่พอครับช็อกครับมันมาหยิกแก้มผมพร้อมกับพูดว่า “เอ่อน่ารักวะ พูดง่ายๆแบบนี้หน่อย” ผมหันไปกำลังจะพูดว่ามึ*เล่นอะไรมันก็วิ่งหนีขึ้น กราบพักไปแล้วอะครับ หลังจากนั้นผมก็ลืมๆไปก็คิดว่าไอ้ติ๊กมันเป็นคนกะล่อนชอบหยอก แต่หลังจากนั้นนะซิครับ ทุกคืนคือเตียงนอนทหารพอประมาณ 2 ทุ่มเขาก็จะดับไฟนอนอะครับหลังจากที่ทุกคนอาบน้ำเสร็จแต่งตัวเสร็จพอดีและก็เงียบครับคงนอนกัน สักพักผมก็รู้สึกมีเงาคนหนึ่งเดินมาหาผมที่เตียง ผมนอนเตียงชั้นล่างครับเตียงมันมีสองชั้น พอเดินมาใกล้ๆด้วยความมืดผมถึงรู้ว่าเป็นไอ้ติ๊ก ผมกำลังจะอ้าปากพูดมันก็เอามือมาปิดปากผม พร้อมกำทำท่ายกนิ้วชี้ที่ปากทำเสียงชู่ มันก็มากระซิบข้างหูผมว่า กูนอนไม่หลับกูมีเรื่องอยากคุยกับมึ* มึ*กระเถิบไปดิกูจะนอนด้วยถ้ามึ*ไม่กระเถิบเดี๋ยวกูเสียงดังเพื่อนตื่นนะมันบอก เอะอะไรวะผมก็เอ้อๆกระเถิบ แล้วมันก็เล่าเรื่องชีวิตของมันให้ผมฟังว่ามันนะจริงๆที่เห็นกูร่าเริง นะแต่กูมีเรื่องให้คิดเยอะ มันก็เล่าไปว่าชีวิตมันพ่อกับแม่เลิกลากันมันก็ขนขวายหาเงินส่วนที่ไม่พอที่แม่ส่งมาให้เรียนมันบอก ชีวิตกูลำบากมากมันก็เล่าไปผมก็ฟังไปก็คิดสงสารอะครับ มันก็บอกแถมกูต้องมาติดทหารแบบนี้อีก เอ่อกูก็ด้วย แล้วมันก็บอกแต่กูโชคดีมากที่ติดทหารที่มารู้จักคนดีแบบมึ* มันก็เล่ายาวอยู่ครับ บลาๆๆของมันไปแต่สุดท้ายพอเล่าเสร็จมันก็บอกว่าคืนนี้กูขอนอนนี่นะ ผมนี่ยังไม่ตอบอะไรครับแม่*เฮ้ยเอ้อ ด้วยความที่กลัวเพื่อนตื่นอะครับ ผมก็เอ่อไรวะ และก็นอนๆไป พอประมาณตีสี่มันก็จะลุกไปนอนที่เตียงมัน และก็จะเป็นแบบนี้ทุกคืนโดยมันบอกว่าพวกเพื่อนมันชอบไปแกล้งกูที่เตียงกูขอมานอนนี่นะเอะเฮ้ยผมก็อุทานอะไรวะ พอหนักเข้ามันมานอนไม่พอครับ มันมากอดด้วยนี่ซิ (อันนี้จริงๆนะครับผมเขียนไปยังลบออกเลยครับว่าจะเล่าดีไหม) ผมก็แกะมือมันออกมันก็ส่งเสียงฮือ และก็มากอดใหม่ และผมก็หลับๆไป บางทีผมก็คิดนะครับทำไมผมไม่ถีบมันตกเตียงไปแต่คงเป็นอารมณ์แบบต่างคนต่างคิดถึงบ้านนะครับ และอะไรหลายๆอย่างบอกไม่ถูกถ้าคนเคยไปเป็นทหารเกณฑ์จะรู้ครับ และมีอยู่คืนหนึ่งครับเป็นวันเกือบๆท้ายๆที่จะต้องแยกย้ายกันเพื่อเข้าหน่วยต่างๆ คืนนั้นมันก็มานอนครับและกอดเหมือนเดิมแต่คืนนี้หนักครับ ผมนี่แบบหลับไมได้ทั้งคืนครับเมื่อประมาณสักเกือบๆ 5 ทุ่มไอ้ติ๊กมันก็ขยับตัวแต่ตาหลับๆครับแต่มือนี่ยังกอดอยู่แล้วผมก็หลับต่อไป สักพักผมรู้สึกเหมือนมีอะไรมาชนแก้ม เอ้ยไอ้ติ๊กไม่รู้ว่ามันแกล้งหลับรึเปล่าหรือขยับตัวยังไง ปากมามันชนแก้มผมครับ ผมก็ปลุกมันเขย่าตัวมันแล้วมันก็ตื่นขึ้นยิ้มเฮ้ยอะไร นอนๆๆมันบอกพรุ่งนี้ต้องฝึกต่อ ผมก็เผลอหลับไปตอนไหนไม่รู้ พอวันต้องแยกย้ายอะครับทุกคนก็จะต้องเก็บของแยกย้ายเพื่อไปฟังสังกัดใหม่ที่ตนเองต้องไปฝึก พอทุกคนลงไปมดเหลือผมกำลังเก็บของอยู่ผมก็นึกถือของกำลังจะลงไป สักพักไอ้ติ๊กมันเดินมากอดเอวผมอะครับจากทางข้างหลัง(อันนี้แม่*อายนะครับบอกตรงๆแต่ผมก็เขียนไปตามจริง) ผมก็เรียกชื่อมันติ๊กทำไรวะ ก็จะแกะมือมันออก มันพูดว่ามึ*ไม่ต้องพูดอะไรอยู่เฉยๆ วันนี้วันสุดท้ายแล้วกูขอแค่ 1 นาที แต่มันไม่พูดอะไรต่อครับมันก็กอดอยู่แบบนั้นผมพอมันคลายออกผมก็บอกว่าปะๆๆไปเก็บของลงไปข้างล่างเขาจะแถวแล้ว มันก็บอกว่ากูขอเบอร์มึ*หน่อยไว้โทรหา….แถมมันยังพูดทิ้งท้ายอีกนะครับว่าชาติหน้ามีจริงมึ*เกิดเป็นผู้หญิงได้ปะวะถ้าเป็นจริงขอให้กูเป็นเนื้อคู่กับมึ*นะมันพูดแบบยิ้มๆหัวเราะๆอะครับผมก็เอ่อๆรีบเก็บของ พอหลังจากนั้นย้ายสังกัดมันตกที่ฐานทัพเรือสัตหีบ ผมนี่ตกกองการฝึกกองเรือยุทธการ พอเย็นๆหลังฝึกก็มีเบอร์แปลกๆโทรมา ผมก็รับสายอ้าวไอ้ติ๊กก็คุยกันเกี่ยวกับหน่วยที่สังกัดใหม่ สุดท้ายมันไม่วายบอกว่า กูคิดถึงมึ*โคตรๆกูฝึกหนักมาก ยังจะมาเรียกผมว่าที่รักอีกเอ่อคือแบบเอ่อผมก็วางสายไปเลย เอ่อคือก็พอเท่านี้นะครับ ผมเล่าซะยาวเพราะว่าช่วงนี้เป็นช่วงที่ผมจำได้ดีเพราะผมพึ่งปลดทหารมา 6 เดือนเองครับเลยค่อนข้างเล่าซะยาวและบอกตรงๆเลยครับตั้งแต่ช่วงชีวิตแรกๆที่เคยเจอมา อันนี้หนักสุดครับทุกวันนี้มันก็ยังโทรมาครับ บอกคิดถึงเหมือนเดิมผมก็แบบเอ่อๆออๆไปอะครับ ไม่คิดอะไรก็คิดว่ามันเป็นเพื่อนที่สนิทคนหนึ่ง (มันก็มีแฟนนะครับแฟนผู้หญิงนะครับฮ่าๆ) แต่หลังจากนี้ในชีวิตวัยทำงานผมก็ยังจะเจออีกแต่ขอเล่าสั้นๆละกันครับก็ประมาณว่าผมก็นั่งรถเมล์ไปทำงานมันก็มีผู้ชายคนหนึ่งมานั่งข้างๆ มันก็ชวนคุยและก็มองๆหน้าผม สักพักครับมันบอกว่าขอเบอร์หน่อยครับพี่ พี่น่ารักดีครับคือผมนี่มองซ้ายขวาและพอถึงป้ายรีบลงเลยครับไม่ได้พูดอะไรบอกตรงๆกลัวครับ แต่ไอ้น้องคนนี้มันก็ปกตินะครับไม่ได้ตุ้งติ้งอะไร จะบอกว่าคนที่ผมเจอที่ผมเล่ามามันไม่มีใครตุ้งติ้งเลยครับ ตอนนี้ก็มีแฟนกันหมดแล้วครับ และล่าสุดไอ้บอยเพื่อนผมช่วงปีใหม่ 57 นี้แหละครับผมมีโอกาสกลับบ้านมีโอกาสได้ไปเจอเพื่อนๆเก่าสมัยมัธยมกัน ก็นัดสังสรรค์กันตามประสา พอเมาได้ที่ไอ้บอยไม่วายพูดเรื่องเก่า โอ๋มึ*นี่หน้าไม่เปลี่ยนเลยนะหน้ารักเหมือนเดิมไม่เปลี่ยน ผมก็แบบเอ่อไอ้แสร*มึ*ยังจะเล่นอีก!! เพื่อนในวงก็คงได้ที่อะครับ คงไม่มีใครได้ยินนะผมพูดในใจ
เอาละครับผมก็ขอจบเรื่องราวที่ประสบมาเพียงเท่านี้ ในโลกนี้มันจะมีใครเจอเรื่องแบบนี้เหมือนผมอีกรึเปล่า แต่เดี๋ยวผมคงต้องหารูปและรวบรวมมาลงก่อนนะครับ เขียนเรื่องมันใช้เวลามากไปหน่อย มันอยู่ในคอมที่ไหนบ้างไม่รู้ อีกอย่างยังไม่รู้ว่า pantip มันลงรูปยังไง ศึกษาก่อนครับ ก็จะมีรูปผมและพวกเพื่อนนี่แหละครับบางคน บางช่วงวัยอาจไม่มีรูปครับแต่ก็เกือบๆครบทุกวัยอะครับคงจะลงพรุ่งนี้นะครับ สุดท้ายผมไม่รู้ว่าคุณจะเชื่อไหมผมแค่จะบอกว่าสิ่งที่ผมพูดและเล่าทั้งหมดไม่เคยเล่าที่ไหนเลยมันเป็นเรื่องจริงครับผมสาบานได้ เหมือนดังเขาบอกว่า “จะจริงไม่จริงตัวเราเองที่รู้ครับ” ผมบอกตรงๆนะครับว่าผมอายมากที่ต้องมาเล่าเรื่องแบบนี้แต่มันไม่ไหวจริงๆครับที่ผมเล่าเพราะอยากแก้ปัญหาว่าจะทำอย่างไรดี มันเสียความมั่นใจครับกับการที่บางครั้งผมจะไปจีบผู้หญิงสักคนจนตอนนี้ไม่กล้าจีบเลยแหละครับ!!
- ช่วงเกณฑ์ทหาร เอาละครับหลังจากจบมา ผมก็ต้องมาเกณฑ์ทหารครับ โดยการไปจับใบดำใบแดงทำหน้าที่ลูกผู้ชายครับเพราะผมไม่ได้เรียน รด. และในวันจับสิ่งที่ผมต้องช็อกไม่แพ้กันคือผมจับได้ใบแดง T_T !! ทร.ผลัด 2/55 จับประมาณเมษาครับผลัด 2 นี้จะต้องไปประจำการณ์ 1 สิงหาคมครับ เมื่อวันนั้นมาถึงผมต้องมาที่ศูนย์ฝึกทหารใหม่ที่สัตหีบนะครับ แม่ผมนี้ห่วงมากเลยครับ เพราะว่าลูกชายคนนี้แกเลี้ยงมา แกบอกว่าแม่ไม่เคยให้ลูกต้องลำบากลูกไม่เคยลำบากจะไปอยู่ยังไง กอดกันพักใหญ่ครับก่อนจากลา..ผมก็เลยปลอบท่านว่าแม่ไม่ต้องเป็นห่วงครับแม่คิดซะว่าผมแค่ไปออกกำลังกาย 1 ปีเองเดี๋ยวผมก็ออกมาแล้วร้องไห้กันพักใหญ่แล้วก็ถึงเวลาเดินทาง..
พอไปถึงค่ายผมก็โคตรกลัวครับ บอกตามตรงว่าชีวิตของผมไม่เคยเจออะไรแบบโคตรจะเถื่อนนะครับ มีทั้งพวกติดยามา
ขี้เมา นักเลง อื่นๆมากมาย บอกตรงๆผมนี้ไม่กล้าคุยกับใครเลยครับ พอนานวันเข้าแต่ละคนก็เริ่มที่จะคุยกันครับ เริ่มรู้จักกันผมก็เริ่มจะคุยกับคนอื่น บ้างโดยแต่ละคนผมก็เลือกคุยครับ โดยโชคดีผมได้เพื่อนในระดับเดียวกันคือจบปริญญาตรีทั้งนั้นครับ เฮ่อผมสบายใจขึ้นมานิดหนึ่งครับ ที่มีคนที่จบแบบผม อย่างน้อยก็คุยกันรู้เรื่อง แต่นานวันเข้าผมก็เหงาครับ ทั้งเหงาทั้งกลัว ผมฝึกหนัก โคตรดำอะครับ หลังฝึกผมก็ไปนั่งซึมอยู่คนเดียวแทบทุกวัน ทุกวัน จนวันหนึ่งมีเพื่อนคนหนึ่งมันคงเห็นผมมาแอบนั่งซึมทุกวันอะครับ มันเลยเข้ามาถามว่าผมเป็นไร ผมก็เงียบครับไม่ตอบ แต่มันก็ยังคงพูดต่อไปมันบอกว่า “ดูดิ คนอื่นเขาคุยกันทำไมมานั่งซึมคนเดียววะ กูรู้นะว่ามึ*คิดถึงบ้าน พวกกูก็เหมือนกัน ตอนนี้มันเป็นแบบนี้แล้วทำอะไรไมได้ยิ่งเครียดมันก็ยิ่งทำให้แย่ ผมก็มองหน้ามันมันก็เลยยิ้มพูดว่า เอ่อกูชื่อติ๊กนะ มีอะไรมาคุยกับกูได้ อย่าเครียดๆมันก็ตบบ่าผมเบาๆ ผมก็ฝืนยิ้มไป เอ่อไอ้นี่กูโคตรสบายใจเลยผมนึกในใจ กูซึ้งแสร*” แล้วชื่อไรอะ อ๋อผมโอ๋ครับยินดีที่รู้จัก
เครๆยินดีๆมันบอก แล้วมันก็ชวนผมไปนั่งกับเพื่อนๆ นานวันผมก็หายเครียดครับ กลายเป็นสนุกรู้จักหลายคน ตีปิงปองเล่นกันในกองร้อย กองร้อยผมมีโต๊ะปิงปองให้ตีครับ หลังจากนั้นพอมีเรื่องอะไรผมก็มักไปคุยให้ไอ้ติ๊กฟังเรื่องดีมันก็ยิ้มเรื่องไม่ดีมันก็แนะนำว่าอย่าเครียดๆ พอสนิทกันไอ้ติ๊กมันก็ชอบมาแกล้งผมประจำครับ มันค่อนข้างกะล่อนครับไอ้นี่มันเป็นคนแบบไม่อยู่เฉยๆครับเป็นคนชอบสนุก พูดเก่ง เอ่อลืมบอกไอ้ติ๊กมันก็จบป.ตรีเหมือนกันครับ วิศวไฟฟ้า มันก็ขอ FB ผมไปตอนที่จะกลับบ้าน คือศูนย์ฝึกเขาจะปล่อยกลับบ้านภูมิลำเนาตอนที่ฝึกเสร็จเดือนแรกอะครับ 15 วัน
พอถึงกำหนดวันกลับผมก็กลับไปถึงค่าย แต่เพื่อนๆก็ทยอยกันมาเรื่อยๆครับ จนประมาณสองทุ่ม ผมนั่งอยู่ในห้องธุรการ เอ่อผมเป็นเจ้าหน้าที่ธุรการทหารครับ ผู้กองในกองร้อยท่านคัดไปทำเอกสารครับถ้าใครจบคอม ผมก็นั่งอยู่ในห้องไอ้ติ๊กมันก็มาแกล้งผมอะครับทำเสียงผี ผมงี้หลอนอะครับผมก็เดินตามหาเสียงไปแบบมันยังมีไฟอยู่นะครับแต่ข้างๆห้องนะมืดเพราะเป็นสวน ทันใดนั้นก็ติ๊กมันก็โผล่ออกมา ผมโคตรตกใจอะครับแทบกระโดดถีบมัน เลย มันก็นะ ฮาซะ..
เอ่อมึ*พึ่งมาถึงหรอวะ ผมถามมัน มันก็บอกเอ่อรถโคตรติด แล้วมันก็มานั่งกินน้ำในห้องทำงานผม มีผมกับมันนะครับ เพื่อนๆงี้ไปดูทีวีข้างหลังหมด มันก็บอกกูมีของฝากมาด้วยวะเอามาฝากมึ* มึ*รู้ไหมของฝากนี้กูคิดถึงมึ*เป็นคนแรกเลยนะ
มันก็พูดไปผมก็เอ้อๆ อะไรวะ มันก็ควักออกมาเป็นของกินอะไรสักอย่าง (ลักษณะเขาเรียกอะไรไม่รู้นะครับผมไม่เคยเห็นคือมันเป็นเหมือนกล้วยกวน แต่ห่อด้วยใบมะพร้าวประมาณนี้อะครับ สีดำๆใครรู้ก็บอกผมทีนะครับว่ามันเรียกว่าอะไร)
ผมก็บอกกูไม่กล้ากิน มันก็พูดโหกูอุตส่าห์เอามาฝาก ไม่กินกูเสียใจนะ ผมก็บอกกูไม่เคยกินไม่กล้ากินวะ แต่เสียใจจริงๆนะ
มันพูดจบมันก็ปลอกเปลือกออกพร้อมกับจับเอาขนมอันนั้นแหละครับมาไว้ที่ปากผม มันก็พูดกินไม่กิน ถ้าไม่กินกูก็จะเอาค้างไว้แบบนี้แหละ กูอุตส่าห์ป้อนนะ ตอนนั้นผมก็มองซ้ายขวาอะครับผมก็กลัวคนมาเห็น ผมก็พูดเอ่อๆกินก็ได้ ผมก็จะจับเอากับมือมันมากินอะครับ แต่มันไม่ยอมมันบอกว่ากูจะป้อน เฮ้ยอะไรของมันว้าผมนี่แบบงงๆ เอ้อๆผมก็เลยรีบกินกลัวคนมาเห็นครับ พอกินเสร็จไม่พอครับช็อกครับมันมาหยิกแก้มผมพร้อมกับพูดว่า “เอ่อน่ารักวะ พูดง่ายๆแบบนี้หน่อย” ผมหันไปกำลังจะพูดว่ามึ*เล่นอะไรมันก็วิ่งหนีขึ้น กราบพักไปแล้วอะครับ หลังจากนั้นผมก็ลืมๆไปก็คิดว่าไอ้ติ๊กมันเป็นคนกะล่อนชอบหยอก แต่หลังจากนั้นนะซิครับ ทุกคืนคือเตียงนอนทหารพอประมาณ 2 ทุ่มเขาก็จะดับไฟนอนอะครับหลังจากที่ทุกคนอาบน้ำเสร็จแต่งตัวเสร็จพอดีและก็เงียบครับคงนอนกัน สักพักผมก็รู้สึกมีเงาคนหนึ่งเดินมาหาผมที่เตียง ผมนอนเตียงชั้นล่างครับเตียงมันมีสองชั้น พอเดินมาใกล้ๆด้วยความมืดผมถึงรู้ว่าเป็นไอ้ติ๊ก ผมกำลังจะอ้าปากพูดมันก็เอามือมาปิดปากผม พร้อมกำทำท่ายกนิ้วชี้ที่ปากทำเสียงชู่ มันก็มากระซิบข้างหูผมว่า กูนอนไม่หลับกูมีเรื่องอยากคุยกับมึ* มึ*กระเถิบไปดิกูจะนอนด้วยถ้ามึ*ไม่กระเถิบเดี๋ยวกูเสียงดังเพื่อนตื่นนะมันบอก เอะอะไรวะผมก็เอ้อๆกระเถิบ แล้วมันก็เล่าเรื่องชีวิตของมันให้ผมฟังว่ามันนะจริงๆที่เห็นกูร่าเริง นะแต่กูมีเรื่องให้คิดเยอะ มันก็เล่าไปว่าชีวิตมันพ่อกับแม่เลิกลากันมันก็ขนขวายหาเงินส่วนที่ไม่พอที่แม่ส่งมาให้เรียนมันบอก ชีวิตกูลำบากมากมันก็เล่าไปผมก็ฟังไปก็คิดสงสารอะครับ มันก็บอกแถมกูต้องมาติดทหารแบบนี้อีก เอ่อกูก็ด้วย แล้วมันก็บอกแต่กูโชคดีมากที่ติดทหารที่มารู้จักคนดีแบบมึ* มันก็เล่ายาวอยู่ครับ บลาๆๆของมันไปแต่สุดท้ายพอเล่าเสร็จมันก็บอกว่าคืนนี้กูขอนอนนี่นะ ผมนี่ยังไม่ตอบอะไรครับแม่*เฮ้ยเอ้อ ด้วยความที่กลัวเพื่อนตื่นอะครับ ผมก็เอ่อไรวะ และก็นอนๆไป พอประมาณตีสี่มันก็จะลุกไปนอนที่เตียงมัน และก็จะเป็นแบบนี้ทุกคืนโดยมันบอกว่าพวกเพื่อนมันชอบไปแกล้งกูที่เตียงกูขอมานอนนี่นะเอะเฮ้ยผมก็อุทานอะไรวะ พอหนักเข้ามันมานอนไม่พอครับ มันมากอดด้วยนี่ซิ (อันนี้จริงๆนะครับผมเขียนไปยังลบออกเลยครับว่าจะเล่าดีไหม) ผมก็แกะมือมันออกมันก็ส่งเสียงฮือ และก็มากอดใหม่ และผมก็หลับๆไป บางทีผมก็คิดนะครับทำไมผมไม่ถีบมันตกเตียงไปแต่คงเป็นอารมณ์แบบต่างคนต่างคิดถึงบ้านนะครับ และอะไรหลายๆอย่างบอกไม่ถูกถ้าคนเคยไปเป็นทหารเกณฑ์จะรู้ครับ และมีอยู่คืนหนึ่งครับเป็นวันเกือบๆท้ายๆที่จะต้องแยกย้ายกันเพื่อเข้าหน่วยต่างๆ คืนนั้นมันก็มานอนครับและกอดเหมือนเดิมแต่คืนนี้หนักครับ ผมนี่แบบหลับไมได้ทั้งคืนครับเมื่อประมาณสักเกือบๆ 5 ทุ่มไอ้ติ๊กมันก็ขยับตัวแต่ตาหลับๆครับแต่มือนี่ยังกอดอยู่แล้วผมก็หลับต่อไป สักพักผมรู้สึกเหมือนมีอะไรมาชนแก้ม เอ้ยไอ้ติ๊กไม่รู้ว่ามันแกล้งหลับรึเปล่าหรือขยับตัวยังไง ปากมามันชนแก้มผมครับ ผมก็ปลุกมันเขย่าตัวมันแล้วมันก็ตื่นขึ้นยิ้มเฮ้ยอะไร นอนๆๆมันบอกพรุ่งนี้ต้องฝึกต่อ ผมก็เผลอหลับไปตอนไหนไม่รู้ พอวันต้องแยกย้ายอะครับทุกคนก็จะต้องเก็บของแยกย้ายเพื่อไปฟังสังกัดใหม่ที่ตนเองต้องไปฝึก พอทุกคนลงไปมดเหลือผมกำลังเก็บของอยู่ผมก็นึกถือของกำลังจะลงไป สักพักไอ้ติ๊กมันเดินมากอดเอวผมอะครับจากทางข้างหลัง(อันนี้แม่*อายนะครับบอกตรงๆแต่ผมก็เขียนไปตามจริง) ผมก็เรียกชื่อมันติ๊กทำไรวะ ก็จะแกะมือมันออก มันพูดว่ามึ*ไม่ต้องพูดอะไรอยู่เฉยๆ วันนี้วันสุดท้ายแล้วกูขอแค่ 1 นาที แต่มันไม่พูดอะไรต่อครับมันก็กอดอยู่แบบนั้นผมพอมันคลายออกผมก็บอกว่าปะๆๆไปเก็บของลงไปข้างล่างเขาจะแถวแล้ว มันก็บอกว่ากูขอเบอร์มึ*หน่อยไว้โทรหา….แถมมันยังพูดทิ้งท้ายอีกนะครับว่าชาติหน้ามีจริงมึ*เกิดเป็นผู้หญิงได้ปะวะถ้าเป็นจริงขอให้กูเป็นเนื้อคู่กับมึ*นะมันพูดแบบยิ้มๆหัวเราะๆอะครับผมก็เอ่อๆรีบเก็บของ พอหลังจากนั้นย้ายสังกัดมันตกที่ฐานทัพเรือสัตหีบ ผมนี่ตกกองการฝึกกองเรือยุทธการ พอเย็นๆหลังฝึกก็มีเบอร์แปลกๆโทรมา ผมก็รับสายอ้าวไอ้ติ๊กก็คุยกันเกี่ยวกับหน่วยที่สังกัดใหม่ สุดท้ายมันไม่วายบอกว่า กูคิดถึงมึ*โคตรๆกูฝึกหนักมาก ยังจะมาเรียกผมว่าที่รักอีกเอ่อคือแบบเอ่อผมก็วางสายไปเลย เอ่อคือก็พอเท่านี้นะครับ ผมเล่าซะยาวเพราะว่าช่วงนี้เป็นช่วงที่ผมจำได้ดีเพราะผมพึ่งปลดทหารมา 6 เดือนเองครับเลยค่อนข้างเล่าซะยาวและบอกตรงๆเลยครับตั้งแต่ช่วงชีวิตแรกๆที่เคยเจอมา อันนี้หนักสุดครับทุกวันนี้มันก็ยังโทรมาครับ บอกคิดถึงเหมือนเดิมผมก็แบบเอ่อๆออๆไปอะครับ ไม่คิดอะไรก็คิดว่ามันเป็นเพื่อนที่สนิทคนหนึ่ง (มันก็มีแฟนนะครับแฟนผู้หญิงนะครับฮ่าๆ) แต่หลังจากนี้ในชีวิตวัยทำงานผมก็ยังจะเจออีกแต่ขอเล่าสั้นๆละกันครับก็ประมาณว่าผมก็นั่งรถเมล์ไปทำงานมันก็มีผู้ชายคนหนึ่งมานั่งข้างๆ มันก็ชวนคุยและก็มองๆหน้าผม สักพักครับมันบอกว่าขอเบอร์หน่อยครับพี่ พี่น่ารักดีครับคือผมนี่มองซ้ายขวาและพอถึงป้ายรีบลงเลยครับไม่ได้พูดอะไรบอกตรงๆกลัวครับ แต่ไอ้น้องคนนี้มันก็ปกตินะครับไม่ได้ตุ้งติ้งอะไร จะบอกว่าคนที่ผมเจอที่ผมเล่ามามันไม่มีใครตุ้งติ้งเลยครับ ตอนนี้ก็มีแฟนกันหมดแล้วครับ และล่าสุดไอ้บอยเพื่อนผมช่วงปีใหม่ 57 นี้แหละครับผมมีโอกาสกลับบ้านมีโอกาสได้ไปเจอเพื่อนๆเก่าสมัยมัธยมกัน ก็นัดสังสรรค์กันตามประสา พอเมาได้ที่ไอ้บอยไม่วายพูดเรื่องเก่า โอ๋มึ*นี่หน้าไม่เปลี่ยนเลยนะหน้ารักเหมือนเดิมไม่เปลี่ยน ผมก็แบบเอ่อไอ้แสร*มึ*ยังจะเล่นอีก!! เพื่อนในวงก็คงได้ที่อะครับ คงไม่มีใครได้ยินนะผมพูดในใจ
เอาละครับผมก็ขอจบเรื่องราวที่ประสบมาเพียงเท่านี้ ในโลกนี้มันจะมีใครเจอเรื่องแบบนี้เหมือนผมอีกรึเปล่า แต่เดี๋ยวผมคงต้องหารูปและรวบรวมมาลงก่อนนะครับ เขียนเรื่องมันใช้เวลามากไปหน่อย มันอยู่ในคอมที่ไหนบ้างไม่รู้ อีกอย่างยังไม่รู้ว่า pantip มันลงรูปยังไง ศึกษาก่อนครับ ก็จะมีรูปผมและพวกเพื่อนนี่แหละครับบางคน บางช่วงวัยอาจไม่มีรูปครับแต่ก็เกือบๆครบทุกวัยอะครับคงจะลงพรุ่งนี้นะครับ สุดท้ายผมไม่รู้ว่าคุณจะเชื่อไหมผมแค่จะบอกว่าสิ่งที่ผมพูดและเล่าทั้งหมดไม่เคยเล่าที่ไหนเลยมันเป็นเรื่องจริงครับผมสาบานได้ เหมือนดังเขาบอกว่า “จะจริงไม่จริงตัวเราเองที่รู้ครับ” ผมบอกตรงๆนะครับว่าผมอายมากที่ต้องมาเล่าเรื่องแบบนี้แต่มันไม่ไหวจริงๆครับที่ผมเล่าเพราะอยากแก้ปัญหาว่าจะทำอย่างไรดี มันเสียความมั่นใจครับกับการที่บางครั้งผมจะไปจีบผู้หญิงสักคนจนตอนนี้ไม่กล้าจีบเลยแหละครับ!!
แสดงความคิดเห็น
มีแต่คนว่าหน้าหวาน บางทีก็หน้าตาน่ารัก จนบางครั้งเสียความมั่นใจไปเลย
คือตอนแรกผมไม่ได้ใส่ใจอะไรที่เพื่อนและบลาๆๆๆมันบอกว่าผมหน้าหวาน หน้าเหมือนเด็ก
แต่ที่ต้องกลับมาคิดมากหลายๆครั้ง เพราะว่าสิ่งที่เกิดขึ้นในชีวิตประจำวันมันทำให้ผมตกใจไปหลายครั้งเลยทีเดียว
ผมต้องขอเล่าตั้งแต่ชีวิตเริ่มต้นที่เจอเลยนะครับ
- สมัย ป.6 ผมก็มีเพื่อนร่วมชั้นอยู่คนหนึ่งอันนี้สมัยเด็กเลย ก็ประมาณว่ามันนี้เป็นเพื่อนที่ดีเลยช่วยเหลือทุกอย่าง อาสาไปส่งบ้านคือมันมีรถมอไซด์อะครับผมก็โอเครดีเลยขี้เกียจเดิน แล้วเวลาผมมีเรื่องกับใครมันก็เข้ามาช่วยตลอดอันนี้ประทับใจแบบเพื่อนครับ แต่วันหนึ่งมันมาบอกว่ามันชอบผมแบบแฟนผมนี้อึ้งโดนสตั้นไปเลยครับ ขอให้กูรักมึ*ได้ไหม ผมพูดไม่ออกวิ่งหนีไปเลยครับ เพื่อนผมมันก็ปกติทุกอย่างนะครับ ท่าทาง นิสัยก็ผู้ชายทั่วๆไปอะครับ
- สมัย ม.ต้น ก็ยังเจอเรื่องราวทำนองนี้อีก คือต้องบอกก่อนเลยครับนิสัยส่วนตัวของผม ค่อนข้างเงียบ เรียนเก่ง เด็กกิจกรรม เป็นประธานนักเรียนด้วยนะครับ ทีนี้จะมีเพื่อนคนหนึ่งมันจะชอบมาขอลอกการบ้านผมประจำ โดยมีเงื่อนไขว่าวิชาศิลปะมันจะวาดรูปให้ผมแทนหมายถึงที่เป็นงานที่อาจารย์สั่งอะนะครับ ฮ่าๆ เข้าล็อกผมครับผมวาดรูปไม่เป็นเลยได้มันช่วยต้อง A อีกตัวแน่ๆฮ่าๆ พอนานวันเข้าผมก็สนิทกับมันครับ และเรื่องราวที่น่าช็อกก็เกิดขึ้นครั้งแรกคือโรงเรียนมีกิจกรรมให้เข้าค่ายธรรมมะที่วัดป่า แล้วอาจารย์ก็จะคัดนักเรียนส่งไปอะครับ มีผมแล้วก็เพื่อนอีกคนที่ต้องไปไม่ใช่คนที่วาดรูปให้นะครับ แต่ทีนี้ผมไม่อยากไปครับ จนอาจารย์ให้เพื่อนมาตามโดยคนที่มาตามก็คือไอ้คนที่วาดรูปนั่นแหละครับแต่มันมากับเพื่อนอีกคนมันบุกมาถึงบ้านผมผมก็งงครับ ว่ามันมาทำไม โอ๋ๆมึ*อยู่ป่าว กูขอคุยกับมึ*ส่วนตัวหน่อยดิ ผมก็ออกมาอ้าวบอยมึ*มาทำไม เอ่อลืมครับเพื่อนคนที่มันวาดรูปนี่ชื่อบอยนะครับ ก็กูได้ยินว่ามึ*ไม่ไปเข้าค่ายที่อาจารย์จัดไป ทำไมมึ*ไม่ไปอะ ผมก็บอกว่ากูไม่อยากไปกูเหนื่อยกูอยากพักมึ*ก็รู้ว่ากูเป็นประธานนักเรียนแค่นี้กูก็เหนื่อยพอละ ทีนี้มันฟังไม่พอมันดันมาจับมือผมบอกว่า เอ่อมึ*ไม่ไปก็ไม่ไปกูเชื่อในการตัดสินใจของมึ* กูแค่เป็นห่วงมาดูมึ*เฉยๆว่ามึ*ไม่สบายไหม โอเครเพื่อนขอบใจมากแต่กูช็อค (ก็ไม่คิดอะไรเพื่อนกันครับ เอ่อกูต้องคิดแบบนั้น) ต่อมาผมได้รับคัดเลือกเข้าค่ายภาษาอังกฤษจากอาจารย์วิชาภาษาอังกฤษโดยจะคัดคนที่เก่งภาษาอังกฤษระดับต้นๆของห้องไป 7-8 คนแน่นอนผมคือหนึ่งในนั้น แต่เหตุการณ์ที่ต้องช็อคอีกคือ ผมต้องตื่นมาขึ้นรถที่โรงเรียน 6 โมงเช้าครับพอผมมาถึงแม่เจ้าผมเห็นไอ้บอยมันมาโรงเรียนในชุดเล่นธรรมดา ผมก็ถามมันเฮ้ยมึ*มาทำไมนิ เอ่อก็กูเป็นห่วงมาส่งมึ*นี่ละ ผมก็หะมาส่งมาส่งทำไมวะมันก็บอกเอ้อมึ*ไม่ต้องถามมาก พร้อมกับมันจับมือผมไปแบและมันก็กำอะไรสักอย่างใส่มือผม โอ้วมันคือลูกผมฮาร์ดบีช เอาละผมก็เอ้อๆไม่ได้คิดอะไร แต่พอไปถึงค่ายเท่านั้นแหละครับ คอแห้งเลยไปควักเจอลูกอมกะว่าจะอมให้คอหายแห้ง อ้าวนิมันลูกอมไอ้บอยที่ให้กูนี่หว่า กำลังจะแกะเท่านั้นแหละครับ ลมแทบใส่ ข้อความอาร์ทบีทอันแรกเขียนว่า "รัก" พอผมเอาอีกอันมาดูเขียนว่า "เป็นห่วง" เท่านั้นแหละครับแทบล้มทั้งยืน
เอาละผมขอสาบานว่าเรื่องที่เอ่ยมาเป็นเรื่องจริง ผมไม่ได้เขียนนิยายครับที่จะได้เล่าต่อไปว่าหลังจากเกิดเรื่องแบบนี้ในประถม และม.ต้นผมกับเพื่อนเป็นยังไงอันนี้ผมไม่กล่าวนะครับ ก็ยังคงเป็นเพื่อนกันอยู่แต่ประเด็นคือผมยกตัวอย่างถึงเรื่องหน้าตา กับเหตุการณ์ในชีวิตที่ทำให้ผมเสียความมั่นใจ เดี่ยวมาเล่าต่อในชีวิต มหาลัย และตอนเกณฑ์ทหารยันตอนทำงานก็ยังไม่พ้นเรื่องแบบนี้อีกครับ............(แล้วพอเล่าจบจะเอารูปให้ดูและถามถึงวิธีแก้ปัญหา)
12/3/2557 part 2.
เอาละครับผมจะมาเล่าให้จบเลยนะครับ ตอนนี้ขอเขียนแปปนะครับผมเขียนจบแต่ละช่วงของวัยะลงให้เรื่อยๆนะครับ รับรองวันนี้จะเอาให้จบครับหลังจากเคลียงานประชุมเสร็จ
- ตอนมัธยมปลายนะครับ(จริงๆผมเรียน ปวช.นะครับขอเรียกให้เข้าใจทั่วกันแล้วกันครับ) คือผมต้องบอกก่อนว่าผมเรียนเอก “คอมพิวเตอร์ธุรกิจอะครับ” แน่นอนว่าผู้หญิงต้องเยอะแน่นอน แต่สำหรับห้องผมเป็นห้องที่มีเพื่อนผู้ชายเยอะที่สุดแล้วครับ ประมาณ 12 คนได้และเรื่องก็เกิดขึ้นตอนเรียนวิชา “โปรแกรมมิ่งเบื้องต้นนะครับ” คืออาจารย์ถามว่าถ้าใครเขียนโปรแกรมโดย Output ออกตามนี้ได้จะให้หอมแก้ม “อรอุมา” ครับเล่านิดหนึ่งครับ “อรอุมา” เป็นประมาณดาววิทยาลัยเลยครับ เธอสวยน่ารักมากผมก็แอบปลื้มเธอเหมือนกัน ทีนี้ก็มีไอ้โบ้มันพูดหลังอาจารย์พูดจบประโยคนั้นขึ้นมาว่า อาจารย์ครับถ้า “อรอุมา” ไม่ให้หอมแก้ม(ไม่รู้ว่าเขาจะเล่น pantip เปล่ากลัวมาเห็นผมอายนะครับ) ผมขอหอมไอ้โอ๋แทนนะครับ!! มันน่ารักเหมือนผู้หญิงครับ เอ่อทีนี้ครับ กรี๊ตแตกห้องครับ ขอย้ำว่าแตกห้องจนห้องคอมพิวเตอร์ 4 ห้องหันมาจับจ้องที่ห้องผมที่เดียว (มันเป็นห้องกระจกอะครับมองทะลุกันเห็นหมด) คือผมโคตรอายเลยครับเสียงกรี๊ตนั้นดังประมาณ 5 นาทีได้แล้วผมก็โมโหไอ้โบ้มากครับที่มันพูดแบบนั้น ผมเลยลุกขึ้นไปถีบก้นมันตกเก้าอี้อะครับ!! แล้วเพื่อนมันก็ยังจะแซวต่อ แหนะๆมีเขิน แต่อารมณ์ตอนนั้นคือโคตรโกรธนะครับ ผมอายสาวอะครับ พอหมดคาบนั้นผมก็รีบไปขึ้นรถกลับบ้าน เพราะเป็นวิชาสุดท้ายพอดี ผมรีบวิ่งสุดแรงเกิด และหลังจากเกิดเรื่องวันนั้นผมก็ไม่ได้ไปเรียนวิทยาลัย 2 วันคือบอกตรงๆอายอะครับก็เลยอ้างว่าป่วยไปไม่ได้ พวกไอ้โบ้ก็โทรหาอะครับ จากนั้นก็ปกติไม่มีอะไรเพราะผมค่อนข้างที่จะเป็นคนโกรธง่ายหายเร็วครับ ย้ำครับโกรธง่ายหายเร็ว ฮ่าๆ
- ปริญญาตรี ช่วงนี้เป็นช่วงการเรียนหนักสุดของชีวิตครับอย่างที่บอกครับผมเรียนสายอาชีพมา แต่ก็อยากผันสายไปเรียนสายตรง ฉะนั้นผมต้องไป N เข้ามหาลัยให้ได้โดยการสอบผมก็สอบครับและในที่สุดก็สอบได้ของมหาลัยย่านอิสานแห่งหนึ่งในสารคาม ฮ่าๆบอกขนาดนี้ก็คงรู้กันแล้วหมดละครับ ผมเรียนในสิ่งที่ผมชอบครับ(เรียนเก่งด้วยนะครับจบเกียรตินิยม ฮ่าๆขอคุยนิดครับ) “เอกวิทยาการคอมพิวเตอร์” เอาละเกริ่นมามากละครับขอเข้าเรื่องเลยละกันครับ เรื่องเกิดขึ้นตอนปี 2 นะครับคือผมมีเพื่อนต่างเอกวิชาอยู่คนหนึ่งได้รู้จักกันโดยบังเอิญเพราะไปเรียนวิชาเลือกนะครับ วิชานี้คือ “วิทยาศาสตร์ในชีวิตประจำวัน” คนเรียนมหาลัยคงรู้กันนะครับว่าระบบมหาลัยมีให้เลือกวิชาเลือกเรียนเองโดยอาจจะเจอกันต่างสาขาต่างชั้นปี เพื่อนคนนี้มันชื่อไอ้ นุ๊ มันเรียนคณะวิศวกรรมศาสตรรุ่นเดียวกันครับเมื่อเรียนไปเรื่อยคือมันก็เริ่มยากอยู่นะครับวิชานี้มีสูตรอะไรอยู่บ้าง ไอ้ นุ๊ มันเก่งอะครับผมก็โชคดี เพราะได้สมุดของมันมาไว้ลอก พอนานวันผมกับมันก็สนิทกันครับ ไปทำกิจกรรมมหาลัยด้วยกัน วันหยุดบางวันมันก็โทรหาให้ไปเล่นกับแก็งส์มัน เอากีต้าร์ไปดีดร้องเพลงฟังกันครับ มันก็แนะนำให้รู้จักกับเพื่อนๆ มันเอ่อแล้วก็ปูเสื่อหาของกินมาล้อมวงเล่นกีต้าร์ร้องเพลงกันกลางสนามทุ่งหญ้าอาคารพละตอนกลางคืนอะครับ โอ้โหมันเล่นกีต้าร์กันเพราะทุกคนเลย แต่กูทำไมเล่นไม่เป็น พวกมันก็เห็นผมไม่จับกีต้าร์มันก็ถามว่า ไม่เล่นบ้างวะ ผมก็บอกว่าเล่นไม่เป็น ไอ้นุ๊ก็พูดขึ้นมากูสอนเอง เอ่อมันก็สอนไปให้ผมจับกีต้าร์มันก็มาจับนิ้วผมดีดคอร์ด โดยมันเอื้อมจับจากข้างๆครับอ้อมคอไปหลัง เอ่อผมก็ดีดไปไม่ได้จำอะไรมากมาย จนเพื่อนมันแซวนุ๊ๆ มึ*กอดมันมากไปละมึ*แฟนกันป่าว ไอ้นุมันก็สวนเฮ้ยมึ*พูดอะไร กุสอนกีต้าร์มัน มันก็ขำกัน(ผมก็เอ่ออีกแล้วเรื่องแบบนี้ขอร้องอย่าได้มาเลย) แต่ก็ไม่ได้คิดอะไร จากนั้นผมก็มักจะมาเล่นกับพวกมันประจำ
เอาละเรื่องที่ผมช็อคมันต่อจากนี้ครับคือช่วงปี 2 นี่แหละครับประมาณกรกฎาคมไม่แน่ใจแล้วอะครับ ไอ้นุก็โทรมามันชวนผมไปดูหนังมันบอกว่าอยากดูเบื่อๆ ผมก็บอกขี้เกียจไป มันก็โคตรอ้อนอะครับ น้าๆๆๆๆ….กูเลี้ยงเอง(เอ่อก้ได้ ดีดูหนังฟรี ในหัวคิดแค่นี้) แล้วมันก็ขับรถมารับผมไปเอ้อรู้ไหมครับมันพาผมไปดูเรื่องอะไร “เฟรนชิพเธอกับฉัน” โอ้วนึกว่าจะพากูมาดูหนังบู๊แหลก แมร่งเขามาดูกันเป็นคู่ แต่กูกับมึ*ก็มากันเป็นคู่แต่ผู้ชายด้วยกันไงละมึ* แต่ที่ผมอายคือคนมองครับ มันก็มาตบหัวผมมึ*คิดอะไรมากวะ แค่กูอยากดู มันอยากมองก็ให้มันมองไปดิ (ใช่ครับมันไม่อาย แต่กูอายครับ หนังรักนี่นะไอ้สัส) ก็ดูๆไปแม่*ซึ้งครับน้ำตาแตก ฮ่าๆ โอ้วเกิดมากูไม่เคยดูหนังรักแม่เจ้า!! (ปกติชอบดูหนังกำลังภายใน หรือบู้แอคชั่นแหลกครับ) พอจากนั้นก็ไม่มีอะไรและแล้ววันที่ช็อคก็มาอีกครับ หลังจากผ่านปีใหม่ก็จะเข้าสู่เดือนแห่งความรักครับเอาละวันที่ 14 จะต้องได้ดอกไม้สาวๆแน่นอนแต่ก็ได้นะจริงๆครับเพื่อนๆสาวๆ ในสาขาและในคณะนั่นแหละครับเอามาให้บางคนก็เพื่อนบางคนก็ไม่รู้จักโดยฝากเพื่อนมาบอกว่าแอบปลื้มอะไรงี้ ดอกไม้บ้างบางคนก็ช็อกโกแลต แต่เรื่องเกิดขึ้นตอนเย็นครับพอตกเย็นผมแทบไม่เชื่อนะครับว่าไอ้นุ มันมาหาผมที่หอครับแล้วเอาดอกกุหลาบมาให้อะครับดอกหนึ่ง พร้อมกับพูดว่ากูให้มึ*กูชอบมึ* ผมนี่ยืนแข็งอยู่ครับพูดไม่ออกมองหน้ามันลอยไปเลยครับ มันคงเห็นผมสตั้นมันก็เลยมาตบบ่าผม เฮ้ยเพื่อนกันไงวะคิดไรมาก เอ่อคือผมไม่เข้าใจว่าเพื่อนผู้ชายเขาให้ดอกกุหลาบกันหรือครับ ผมนี่ก็ยิ้มๆฝื่นๆเอ่อเพื่อนเพื่อนเพื่อน...ผมได้แต่พูดคำเดียวครับ ก็พูดไปแล้วก็เดินขึ้นห้องไปพร้อมกับอาการเหม่องง เอาละมันอาจมีหลายอย่างแต่ผมคงเล่าแบบสังเขปพอนะครับถ้าเล่าละเอียดมันคงไม่จบเพราะมันไม่ใช่ประเด็น ให้คนอ่านได้พอเข้าใจกับเหตุการณ์ที่ผมเจอพอ..
คือตอนนี้กำลังเขียนช่วงเกณฑ์ทหารอะครับ เริ่มเหนื่อยจะต่อพรุ่งนี้หรือเอาให้เสร็จวันนี้ดีครับ!!
เอาละเสร็จแล้วครับแต่มันมาเพิ่มต่อไม่ได้ครับข้อความเกิน 10000 ตัวอักษรผมเอาไปโพสข้างล่างนะครับตามไปอ่านครับ!!