แบ่งปันประสบการณ์ 'สอนลูกลงทุน' ค่ะ บ้านไหนมีเด็ก แทนที่จะปล่อยให้เล่นแต่เกมบนมือถือ ลองให้เล่นเกมลงทุนบ้างก็เพลินดีนะคะ

กระทู้สนทนา


21 กุมภาพันธ์ 2557
-------------
วันนี้ รร.หยุดให้ลูกชายดูหนังสือสอบ เด็กชายวิศนั่งเฝ้าจอหุ้นไม่ยอมท่องหนังสือ ตอนสิบเอ็ดโมงขอยืมเงินแม่ซื้อหุ้น 8,250 บาท และโทรไปถามพี่สาวที่โรงเรียนว่า จะซื้อด้วยไหม พี่สาวตกลง สองคนจึงซื้อหุ้นในจำนวนเท่ากัน

พอตกบ่ายแม่พาลูกไปธนาคารเพื่อถอนเงินบัญชีส่วนตัวมาคืนแม่ทันที ไม่อยากให้ติดค้างกันนาน เพราะอยากให้เด็กๆเป็นแค่ ‘ลูกรัก’ ไม่ใช่ ‘ลูกหนี้’ ของพ่อแม่ ปรากฏว่าตอนบ่ายหุ้นที่ซื้อราคาลงไป 1ช่อง ลูกก็อยากซื้อเพิ่มอีก แต่เงินเขาหมด เด็กชายวิศจึงถามเจ้าหน้าที่แบงค์ว่า "พี่ครับ ถ้าเด็กกู้เงิน จะเสียดอกเบี้ยถูกกว่าผู้ใหญ่ป่าวครับ" เจ้าหน้าที่แบงค์หัวเราะก๊าก
"ที่นี่ธนาคารนะน้อง ไม่ใช่ร้านบุฟเฟ่ต์ จะได้ลดให้เด็กครึ่งราคา"

- - - - -

ดูจากดัชนีราคาผักและราคามะนาวแล้ว เงินน่าจะเฟ้อมาก แม่เลยแนะนำให้ลูกโยกเงินออมมาเป็นเงินลงทุน ถึงจะมีความเสี่ยงบ้าง แต่ก็ดีกว่าทิ้งไว้ให้มันหมดค่าไปเฉยๆ เด็กๆมีเงินนิดเดียว ขาดทุนบ้างก็ไม่เป็นปัญหามาก แต่ถ้าได้กำไร ก็เป็นกำลังใจให้เขาสนใจหาความรู้ในการบริหารเงินเมื่อโตขึ้น

- - - - -

เด็กบ้านนี้มีเงินไม่กี่บาท แต่เขาใช้เวลากับคุณย่าเยอะ วันๆคุณย่าก็ฟังแต่มันนี่ชาแนล เด็กก็เลยซึมซับมา โอกาสขาดทุนก็คงมี ให้ทดลองเจ็บบ้างด้วยเงินน้อยๆ ดีกว่าไปเริ่มตอนโต
- - - - -

คนถามกันเยอะว่า ทำไมลูกๆถึงรู้จักการลงทุน
ทุกอย่างเริ่มต้นจาก ความตกใจของเด็กๆ เมื่อรู้ว่า การฝากเงินแต๊ะเอีย 10000 ไว้ในบช.ฝากประจำ3เดือน ระยะเวลาหนึ่งปี ได้ดอกเบี้ยเพียง 150 บาท แถมยังต้องเสียภาษี แต่หุ้นที่แม่ให้เงินซื้อครั้งแรก ด้วยเงินเริ่มต้นจำนวน10000เท่ากัน ได้ปันผลปีละ 880-950 บาท
- - - - -

ตั้งแต่นั้นมา ลูกก็เริ่มสนใจที่จะหาทางทำให้เงินออมของตัวเองเพิ่มค่า แม่จึงเปิดบัญชี scbsonline ให้ลูกหัดเล่นซื้อขายหุ้นกันจริงๆ ทำแบบสนุกๆ เหมือนเล่นเกม แต่ใช้เงินจริงจำนวนน้อยๆ เพราะไม่มีอะไรที่สอนนักลงทุนมือใหม่ได้ดีกว่า การกำไรจริง ขาดทุนจริง รวมถึงสอนให้ซื้อสลากออมสิน และให้รู้จักกับการป้องกันความเสี่ยงทางการเงินแบบต่างๆ สอนให้อ่านข้อมูลในกรมธรรม์ประกันชีวิต ให้เข้าใจว่า ทำแล้ว จะได้ผลตอบแทนแบบไหน ถ้าพ่อแม่เกิดตายไป เขาจะได้รับความคุ้มครองยังไง
ทุกคนชอบกำไร ชอบชัยชนะ ไม่ชอบขาดทุน ไม่ชอบแพ้ ไม่ว่าจะมากหรือน้อย

- - - - -

พอจับจุดได้ เขาก็เดินหน้าต่อกันเอง ประกอบกับคุณย่าชอบเรื่องพวกนี้ เด็กๆก็เลยคุ้นชิน และรู้สึกว่า เมื่อเล่นเกมแล้วต้องชนะ เมื่อลงทุนก็ต้องได้กำไร แต่ไม่ยุ่งเกี่ยวกับการเสี่ยงโชค หรือการพนันอย่างเด็ดขาด ที่สำคัญคือสอนให้ประหยัด อดออม ไม่ซื้อของบ่อย แต่เวลาซื้อ ให้ซื้อของดีที่จำเป็น

- - - - -

เวลาลูกจะให้พ่อแม่รับใช้พาไปไหนในวันหยุด ซึ่งไม่ใช่วันที่พ่อแม่มีหน้าที่ต้องรับส่งเขาเหมือนวันไปรร. พ่อแม่จะให้ลูกออกค่าทางด่วน ค่าขนม ค่าน้ำ ค่าอาหาร ของตัวเองและให้เราด้วย ในฐานะที่มาให้เราไปช่วยเหลือในกิจธุระความสำราญของเขา ลูกจะได้รู้ว่า เงินเขา...เขาเสียดายอย่างไร เงินแม่ แม่ก็เสียดายอย่างนั้น ได้เข้าใจว่า เงินทุกบาทมีค่า ถ้าพ่อแม่ออกให้หมดโดยไม่มีข้อจำกัด เด็กๆไม่รู้สึกเสียดายอะไร รู้จักแต่จะใช้อย่างเดียว นอกจากพ่อแม่จะสอนให้รู้ค่าของเงิน ก็ยังสอนด้วยว่า อยากได้อะไรไม่ผิด ถ้ามีเงินเหลือพอ แต่มีข้อแม้ว่า ต้องหาทางซื้อเอง อย่าคิดพึ่งคนอื่น อย่าทำตัวเป็นภาระใคร

- - - - -

ลูกสาวอายุ 14 ตอนนี้กำลังหาเงินผ่อนคอนโด เพราะเขาเป็นสาวเปรี้ยวซ่า ชอบชีวิตอิสระ อยากมีรังเป็นของตัวเองเมื่อถึงวัยเรียนมหาลัย ในช่วงนี้ยังมีเวลาอีกราว 6 ปีกว่าจะเข้าปีหนึ่ง ก็เริ่มให้เขาศึกษาทำเล ราคา เพื่อกำหนดเป้าหมาย แล้วมาวางแผนว่า ต้องทำไงให้ได้เงินตามเป้า และหาเงินด้วยการทำงานพิเศษทุกปิดเทอม แต่เป็นงานสนุกๆ ที่เขาชอบและถนัดอยู่แล้ว เช่น เล่นดนตรี ทำอาหาร เย็บปักถักร้อย วาดรูป เต้นรำ รวมถึงงานเขียน งานถ่ายภาพ และงานทำเว็บไซต์ช่วยออฟฟิศพ่อแม่ เขาได้ไปออกงานสังคมในฐานะพนักงาน ได้เจอผู้ใหญ่ มีนามบัตรเป็นของตัวเอง
เวลาหาเงินได้ เขาก็เก็บเอง โดยใช้แม่กับย่าเป็นที่ปรึกษาทางการเงิน ว่าทำไงให้ได้ประโยชน์สูงสุด
- - - - -

ลูกๆบ้านนี้เรียนไม่เก่งมาก ไม่ใช่เด็กที่เรียนได้เกรด4ทุกวิชา แต่พ่อแม่ไม่ค่อยกังวลกับอนาคตเขานัก เพราะสอนให้ไม่กลัวงาน ไม่กลัวความลำบาก และพึ่งพาตัวเองได้
แม่จะบอกลูกเสมอว่า โตขึ้นแม่ไม่ปลูกบ้านให้ ไม่ซื้อรถให้นะ ลูกอยากได้อะไร ลูกต้องหาเอง และหาเผื่อพ่อแม่ด้วย เพราะพ่อแม่ก็มีแต่จะแก่ลงทุกวัน

- - - - -

ที่เล่ามาทั้งหมดนี้ ก็ไม่รู้ว่ามันจะดีหรือไม่ดี แต่ก็เป็นวิธีที่เราจัดการกับครอบครัว จะออกหัวออกก้อย ก็ต้องลุ้นกันอีกยาว

- - - - -

เหตุผลที่เลี้ยงลูกแบบนี้ เพราะพิจารณาจากชีวิตตัวเองที่เป็นเด็กเรียนมาตลอด พอโตมาก็ไม่ค่อยรู้เรื่องรู้ราวอะไรที่เป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิตจริงๆมากนัก เพราะการเรียนนั้นมุ่งสร้างคนให้เหมือนๆกัน ไม่ได้สอนให้แตกต่าง จนหมดเวลาไปกับการแข่งขันที่ไม่รู้จะแข่งไปทำไมเสียหลายปี จะหันซ้ายหันขวาทำอะไรที่ชอบ ปริญญาก็ค้ำคอ กว่าจะสำนึกว่าเหลือเวลาทำในสิ่งที่อยากจริงๆน้อยเต็มที ก็เริ่มจะแก่ มาถึงรุ่นลูก เลยไม่อยากกะเกณฑ์อะไรมาก ขอแค่ดูแลตัวเองได้ ทั้งในเรื่องการใช้ชีวิตและในเรื่องการเงิน ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญในการใช้ชีวิต ไม่ต้องหมกมุ่นกับตำราในห้องเรียนจนเกินไป ให้ค้นหาความชอบตัวเองจากข้อมูลข่าวสารที่เป็นจริงและทันสมัยกว่าในโลกกว้าง ถึงเวลาเด็กๆอยากรู้อะไรค่อยไปหาเรียนเอา แต่จะไม่ให้เขาหมดเวลาไปกับการเรียนแบบงงๆ และการทำมาหากินใช้ชีวิตไปแบบงงๆตามแกระแส เหมือนสมัยเราเป็นเด็กอีกแน่นอน

ที่มา: http://www.facebook.com/MonsterMom
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่