สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 3
ร่างกายจะมี specific receptor protein ที่แตกต่างและจำเพาะต่อ signal (ยา) ที่แตกต่างกันออกไปครับ
บางทีอาจจะต้องใช้ signal 1 ชนิด หรือบางเซลล์ใช้ signal 2 ตัวในการกระตุ้น
พอกระตุ้นที่ receptor protein ได้แล้ว จะมี secondary messenger (product ที่ได้จากการกระตุ้นของ signal (ยา)) ไปกระตุ้นต่อไปเป็นทอดๆครับ
สุดท้ายแล้วก็ขึ้นกับว่ามันจะไปส่งผลกับโปรตีนหรือดีเอ็นเอในเซลล์เราครับ ถ้ามันไปออกฤทธิ์ที่โปรตีนเราก็จะรู้สึกว่ายามันออกฤทธิ์ไวหน่อ แต่ถ้ามันส่งผลกับดีเอ็นเอเราก็จะรู้สึกว่ายาต้องใช้เวลาออกฤทธิ์หน่อย
หรือถ้าเป็นกลไกที่ซับซ้อนกว่านั้นก็มีครับ เช่น ให้ยาไปออกฤทธิ์ที่ cell A หลังจากที่ cell A โดนกระตุ้นก็จะส่งสารเคมีสักอย่างมาออกฤทธิ์ต่อ cell B ก็ได้ครับ
วิธีการที่ซับซ้อนกว่านี้ก็มีครับ แต่อาจจะยากนิดนึง สรุปง่ายๆว่าขึ้นกับว่า มันมี signal กับ receptor ตรงกันไหม ถ้าตรงกัน 2 ที่ ยาก็อาจแบ่งไป 50/50 ครับ
บางทีอาจจะต้องใช้ signal 1 ชนิด หรือบางเซลล์ใช้ signal 2 ตัวในการกระตุ้น
พอกระตุ้นที่ receptor protein ได้แล้ว จะมี secondary messenger (product ที่ได้จากการกระตุ้นของ signal (ยา)) ไปกระตุ้นต่อไปเป็นทอดๆครับ
สุดท้ายแล้วก็ขึ้นกับว่ามันจะไปส่งผลกับโปรตีนหรือดีเอ็นเอในเซลล์เราครับ ถ้ามันไปออกฤทธิ์ที่โปรตีนเราก็จะรู้สึกว่ายามันออกฤทธิ์ไวหน่อ แต่ถ้ามันส่งผลกับดีเอ็นเอเราก็จะรู้สึกว่ายาต้องใช้เวลาออกฤทธิ์หน่อย
หรือถ้าเป็นกลไกที่ซับซ้อนกว่านั้นก็มีครับ เช่น ให้ยาไปออกฤทธิ์ที่ cell A หลังจากที่ cell A โดนกระตุ้นก็จะส่งสารเคมีสักอย่างมาออกฤทธิ์ต่อ cell B ก็ได้ครับ
วิธีการที่ซับซ้อนกว่านี้ก็มีครับ แต่อาจจะยากนิดนึง สรุปง่ายๆว่าขึ้นกับว่า มันมี signal กับ receptor ตรงกันไหม ถ้าตรงกัน 2 ที่ ยาก็อาจแบ่งไป 50/50 ครับ
ความคิดเห็นที่ 4
ยานั้นเดินทางไปทั่วร่างกายตามการดูดซึมในทางเดินอาหารตามปกติครับ
แต่มันจะมีสารประกอบซึ่งจะออกฤทธิ์กับร่างกายเราในหลาย ๆ อย่าง เช่น ...
- Chlopheniramine (ยาแก้แพ้) เมื่อกินเข้าไปมันจะไปเข้ากระแสเลือด
แล้วไปยับยั้ง Histamine ในการจับกับตัวรับ และผลการยับยั้งนี้จะทำให้
การแพ้ไม่เกิดขึ้นครับ
- ยายาฆ่าเชื้อ เมื่อเรากินแล้วดูดซึมเข้ากระแสเลือดแล้ว
มันจะไปมีผลต่อ Cell membrane ของเชื้อแบคทีเรีย ทำให้สมดุลของแบคทีเรียนั้น
เสียหายและตายไป และยังยับยั้งการสร้างผนังเซลของเชื้ออีกด้วย ทำให้เชื้อไม่สามารถออกฤทธ์ได้ครับ
ยาแต่ละตัวจะมีการออกฤทธ์ในระดับโมเลกุล ส่วนมากมีผลต่อเอนไซม์ต่าง ๆ
และด้วยความที่มันเดินทางไปทั่วร่างกาย จึงมีผลข้างเคียงเกิดขึ้น
เพราะนักวิจัยก็คงทำได้ดีสุดเพียงเท่านี้ หากจะออกฤทธ์เพื่อรักษาอย่างหนึ่ง
ก็อาจจะมีผลต่ออีกอย่างหนึ่งด้วย
แต่มันจะมีสารประกอบซึ่งจะออกฤทธิ์กับร่างกายเราในหลาย ๆ อย่าง เช่น ...
- Chlopheniramine (ยาแก้แพ้) เมื่อกินเข้าไปมันจะไปเข้ากระแสเลือด
แล้วไปยับยั้ง Histamine ในการจับกับตัวรับ และผลการยับยั้งนี้จะทำให้
การแพ้ไม่เกิดขึ้นครับ
- ยายาฆ่าเชื้อ เมื่อเรากินแล้วดูดซึมเข้ากระแสเลือดแล้ว
มันจะไปมีผลต่อ Cell membrane ของเชื้อแบคทีเรีย ทำให้สมดุลของแบคทีเรียนั้น
เสียหายและตายไป และยังยับยั้งการสร้างผนังเซลของเชื้ออีกด้วย ทำให้เชื้อไม่สามารถออกฤทธ์ได้ครับ
ยาแต่ละตัวจะมีการออกฤทธ์ในระดับโมเลกุล ส่วนมากมีผลต่อเอนไซม์ต่าง ๆ
และด้วยความที่มันเดินทางไปทั่วร่างกาย จึงมีผลข้างเคียงเกิดขึ้น
เพราะนักวิจัยก็คงทำได้ดีสุดเพียงเท่านี้ หากจะออกฤทธ์เพื่อรักษาอย่างหนึ่ง
ก็อาจจะมีผลต่ออีกอย่างหนึ่งด้วย
แสดงความคิดเห็น
^^^ ฉีดยา กินยา มันจะรู้ได้ยังไงว่ามันจะต้องไปรักษาอวัยวะส่วนใดของร่างการเรา
เช่นตอนนี้ผมปวดหลัง หมอก็ฉีดยาแล้วก็ให้ยามากิน ถ้าผมเกิดมีแผลที่มือพร้อมกับปวดหลังมันก็จะไปรักษษทั้ง 2 ที่หรือเปล่า แบบนี้ผลมันจะหารครึ่งหรือเปล่าครับ