ไม่อยากเป็นเกย์ อยากชอบผู้หญิงเหมือนเดิม

ย้ายมาที่นี่ครับผม
http://pantip.com/topic/31738244

ผมเป็นผู้ชายที่ค่อนข้างเก็บเนื้อเก็บตัว ไม่ค่อยสุงสิงกับใคร จะมีความรักแต่ละที ก็เลยไม่กล้าบอกให้เจ้าตัวรู้ เพราะเริ่มไม่ถูก

เรื่องมันเกิดขึ้นจาก ครั้งนึงในสมัยมัธยมต้น ผมหลงรักผู้หญิงคนนึง รักมากๆ ชนิดที่ว่าเจอหน้ากันครั้งแรก ทำให้คนขี้อายอย่างผมจะต้องเดินเข้าไปหาเธออย่างหน้าด้านๆ และถามชื่อให้ได้ อยู่กับเขาตลอดเวลาให้ได้ ใกล้ชิดกับเธอให้มากที่สุด เธอเปลี่ยนผมให้เป็นคนที่ขี้อายกลายเป็นคนสดใสกำลังมีความรัก

แต่ทุกๆครั้งที่ได้อยู่เคียงข้างเธอ มักจะอยู่ในฐานะเพื่อนเท่านั้น และเธอเองมักจะบอกกับเพื่อนๆของเธอว่า ผมเป็นตุ๊ด ผมก็ยอมนะเพียงเพราะอยากอยู่ใกล้เธอ สมัยนั้น 3310 กำลังฮิต ผมเห็นเธอมีโทรศัพท์รุ่นแพงๆ มีฐานะร่ำรวย ส่วนผมมันคนจนๆ มีแต่ใจ แต่เชื่อไหมครับว่าผมสามารถทำให้ความผูกพันธ์เรามีมากกว่าความสุขที่ได้จากเงินทอง ผมได้เห็นเธอยิ้ม เธอหัวเธอ ชวนไปนู้นไปนี่ มันเป็นความสุขมากที่ผมได้อยู่ใกล้กับผู้หญิงที่ผมรัก

วันหนึ่งในช่วงเลิกเรียน ขณะที่เธอกำลังกลับบ้าน ฝนตกหนักมาก จะรอให้ฝนหยุดก็คงไม่ทัน เพราะเราเดินออกมาถึงหน้าโรงเรียนเพื่อที่จะขึ้นมอไซด์ไปหน้าปากซอยต่อ จะหาที่หลบฝนก็ไม่มี จึงต้องเปียกฝนกันทั้งคู่ กระเป๋าเรียนเปียกไปหมดแล้ว หนังสือเรียนก็คงไม่เหลือ ผมจึงเอากระเป๋าของเธอเข้ามาใส่ในเสื้อนักเรียนของผม เพื่อไม่ให้เปียก แต่สุดท้ายมันก็เปียกอยู่ดี ด้วยความเป็นเด็กเนอะ คิดว่ามีอะไรบังมันจะไม่เปียก ผมให้เธอขึ้นมอไซด์ไปก่อน เพราะมันมีแค่คันเดียว ส่วนผมหน่ะหรอ วิ่งตามมอไซด์ครับ เพื่อให้ได้อยู่ใกล้เธอมากที่สุด ไม่อยากห่างจากเธอ แต่วิ่งไม่ทัน วิ่งให้เร็วแทบตาย ความรู้สึกเหมือนใจจะขาด ระยะทางไปหน้าปากซอยมันไม่ใช่ใกล้ๆเลย ผมนี่โง่เนอะ แทนที่จะรอมอไซด์ แต่หัวใจมันกลับดื้อ วิ่งผ่าฝน ไม่อยากให้เธอคลาดสายตาไป สุดท้ายก็เปียกทั้งคู่

ผมมีความสุขทุกๆครั้ง ที่ได้อยู่ใกล้เธอนะ แต่ก็เสียใจอยู่นิดๆที่บทสรุปเรื่องราวของเราไม่เป็นไปอย่างที่ผมคาดหวังไว้ ผมขอโทษที่ผมโกหกเธอ ผมขอโทษที่ผมโกหกทุกๆคน เราสองคนเป็นได้แค่เพื่อนกันจริงๆ ทุกๆเหตุการณ์มันทำให้ผมคิดไปเองว่าเธอมีใจให้ผมตลอดมา และปากของผมก็ปากดีชอบเที่ยวไปบอกคนอื่นวาเธอเป็นแฟนผม เพียงเพราะอยากเอาชนะคนพวกนั้นที่หาว่าผมโตขนาดนี้แล้วไม่มีแฟนสักที ผมอาย และรู้สึกผิดทุกครั้ง ถ้าเธอรู้ความจริงขึ้นมาหล่ะก็ งานงอกแน่ๆ แต่ผมเชื่อว่าเธอรู้ถึงความเห็นแก่ตัวของผม ที่เที่ยวไปบอกใครต่อใครว่าผมเป็นแฟนเธอ ทั้งๆที่เราเป็นแค่เพื่อนกัน

หลังจากนั้นเราก็ยังเป็นเพื่อนกันมาตลอด ก่อนจะจบมัธยมปลายและแยกย้ายกันไปเรียนมหาวิทยาลัย เธอมาร่ำลาผม ในวันที่มีรุ่นน้องมาฉลองจบให้รุ่นพี่ เขาเรียกว่างานอะไรไม่รู้ผมจำไม่ได้ละ
สายตาของเธอ แววตาช่างเศร้ามาก เธอทิ้งประโยคนึงให้ผม โชคดีนะ ถ้ามีแฟนก็พามาแนะนำให้รู้จักด้วย ผมยืนนิ่งโดยที่ไม่พูดอะไร  ใบหน้าเต็มไปด้วยเม็ดแมงลัก ดินสอพอง ผงถ่าน ยืนจนดินสอพองแข็งทั้งหน้า ใบหน้าชาไปหมด เหมือนโดนทิ้งยังไงก็ไม่รู้  นั่นเป็นความรู้สึกผิดหวังของผม และผมไม่รู้จะหาวิธีติดต่อเธออย่างไรดี ผมไม่มีมือถือ ไม่ใช่ว่าบ้านผมจนนะครับ แต่เพราะผมไม่อยากให้พ่อแม่ต้องลำบากเพียงเพราะซื้อมือถือมาโทรคุยกับคนอื่น ผมจึงไม่เคยเอ่ยปากขอเงินจากท่านเลย ผมได้แต่เอาเศษเหรียญไปหยอดตู้โทรหาเธอ แต่ผมโทรไม่ติด เบอร์นั้นไม่มีแล้ว โทรไปกลายเป็นใครรับสายก็ไม่รู้ที่ไม่ใช่เธอ

เจ็บครับ เจ็บมากๆ ผมนั่งฟังเพลงที่เธอร้องให้ผมฟังประจำ ผมลืมเล่าว่าผมและเธอชอบเล่นเกมส์กันทั้งคู่ครับ จึงมีเพลงนึงที่เธอชอบมากและร้องให้ผมฟัง Eyes on me เพลงของ Final Fantasy 8 เธอชอบภาษาอังกฤษมากๆ นั่นคือความฝันของเธอที่จะได้ไปเรียนต่อต่างประเทศ ผมนั่งฟังเพลงนี้ตลอดเวลาที่ผมคิดถึงเธอ ผมมีโอกาสได้เข้าร้านอินเตอร์เน็ต เพื่อหวังว่าเธอจะออนไลน์เกมส์เข้ามา และได้พบกับเธอในเกมส์ก็ยังดี แต่ก็ไม่มีวี่แววเลย ผมอยากคุยกับเธอมาก จนในที่สุดพบก็พบทางสว่าง HI5 ครับ สมัยนั้นเป็นที่นิยมมาก ผมเลยเริ่มสมัครและเซิทชื่อเธอ ปรากฎว่าเจอครับ เธอยังดูสวย ดูน่ารักเสมอ ดีใจจนบอกไม่ถูก และในเวลานั้นเอง ผมก็ทำงาน Part Time จนสามารถใช้เงินตัวเองซื้อมือถือได้ ก่อนเข้ามหาวิทยาลัย ผมจึงมีโอกาสขอเบอร์เธอ ติดต่อกับเธอได้จนสำเร็จ ความสุขผมเริ่มกลับมาอีกครั้ง เรานัดกันไปดูมหาลัยด้วยกันว่าจะเข้าคณะอะไร สุดท้ายความผิดหวังก็มาอีกครั้ง เมื่อผมคิดว่าเราทั้งคู่จะไปด้วยกันได้ดี แต่เธอกลับไปเข้าอีกมหาลัยอีกที่นึง ซึ่งก็อยู่ใกล้ๆกับมหาลัยที่ผมไปสมัคร แถวๆบางเขน หนำซ้ำ เธอยังไปไลจากผมอีก เมื่อเธอมีโอาสได้ตามความฝันของเธอ คือไปเรียนต่อที่ต่างประเทศ น่าจะเป็นโครงการ Work And Travel อะไรนี่แหล่ะ ผมก็ไม่แน่ใจว่าโครงการมันเป็นยังไง เพราะไม่เคยรู้เรื่องนี้เลย ผมเสียใจมาก เพราะไม่รู้ว่าเธอจะกลับมาเมื่อไหร่ ผมรู้แต่ว่าเธอบอกว่าอย่างน้อย 6 เดือน หรืออย่างมาก ก็ไม่กลับมาเลย เธอมีญาติอยู่ที่นั่น อาจจะไปอยู่ด้วยกันเลย

จริงๆแล้วเรื่องราวความผูกพันธ์ของผมและเธอมันมากจนไม่รู้จะอธิบายอย่างไร
.....ความรักครั้งแรกของผมมันค่อยหายไปทีละนิด เจ็บจนไม่อยากจำ เจ็บจนไม่กล้าที่จะมีความรัก ไม่กล้าเริ่มอะไรใหม่ๆ ผมกลับมาสู่ความมืดมิดอีกครั้ง ร้องไห้เสียใจ ยอมรับครับว่ากินไม่ได้นอนไม่หลับเลย 3 4 คืน แทบจะตอมใจ ไม่รู้ทำไมผมถึงรักผู้หญิงคนนี้มาก ทั้งๆที่เธอเป็นแค่ "เพื่อน"
...................................
..................................
.................................

และแล้วเรื่องราวทั้งหมดก็เจ็บจนมาถึงปัจจุบัน จนมาถึงหมาลัยปี 2 ผมรู้ข่าวเธอกลับมาจากจากประเทศแล้ว เพียงแต่เธอไม่ติดต่อผมโดยตรงก็เท่านั้น ผมแอบไปเห็นข้อความใน HI5 ของเพื่อนๆเขาว่าเธอกลับมาแล้ว แต่ทำไม เธอไม่ติดต่อผม ไม่คุยกับผม ความรู้สึกผมก็ไม่กล้าที่จะคุยกับเธอเลย ยิ่งทำให้ผมละอายใจย้อนกลับไปถึงตอนที่ผมโกหกคนอื่นๆว่าเธอเป้นแฟนผม มโนเอาเองว่าผมเป็นแฟนเขา ยิ่งทำให้ผมตีห่างจากเธอเรื่อยมาและพยายามทำใจมาตลอด ผมเขียนไดอารี่ถึงเธอ(ตลกไหมหล่ะ ผู้ชายเขียนไดอารี่พร่ำพรรณณาถึงคนที่ตัวเองรัก จนถึงบัดนี้ผมเอามันมาอ่านแล้วยังรู้สึกขำๆกับลายมือ และคำผิดๆถูกๆอยู่เลย) ตลอดระยะเวลา ผมได้แต่เฝ้ารอว่าสักวันเธอจะนึกถึงผมบ้างก็เท่านั้น

จน................มหาลัยปี 4 ผมก็ไม่เคยได้รับการติดต่อจากเธอสักครั้งเดียว นานมาก นานนนนนนนนนนนนนนนนนน จนผมแทบจะลืมความรู้สึกดีๆทั้งหมดแล้ว เหลือเพียงแต่ความเจ็บปดที่ดูแล้วมันจะหายไปยากเหลือเกิน

=============================================================================

มาถึงตรงนี้แล้วยังไม่มีเรื่องราวที่เี่ยวกับเกย์เลยสักนิดใช่ไหมครับ  เอาหล่ะ ผมจะเริ่มเล่าแล้วว่า ทำไม ผมถึงเป็นเกย์ และทำไมผมถึงอยาเลิกเป็นเกย์

=============================================================================
นับตั้งแต่ที่ผมผิดหวังกับรักครั้งแรกนั้น Facebook ก็เริ่มเข้ามามีบทบาท และผมก็พยายามติดต่อเธออยู่ด้วยเฟสบุ๊ค แต่ก็น้อยมากที่เราจะได้คุยกัน เพราะว่าเธอไม่ค่อยเล่นเฟสเท่าไหร่ และ Facebook ก็เป็นจุดเริ่มต้นของความสัมพันธ์ ชาย-ชาย ระหว่างผมกับนายคนนี้
ตึ้ง!!!! มีเสียงทักแชทในเฟสมา
ภี (นามสมมุต) : "ดีครับ" เป็นผู้ชายคนนึง หน้าตาดี ทักมาหาผม
ผม : "ดีครับ" ผมเลยทักกลับไป
ภี : "เกย์ป่าวครับ โทษทีที่ถามตรงๆ" ผมคิดในใจ อ้าวไอยิ้มนี่เป็นใครวะ อยู่ๆมาถามว่ากูเป็นเกย์หรือป่าว ด้วยรูปภาพที่ลงในโปรไฟล์เฟส อาจจะดูเหมือนเกย์มั้ง ฮ่าๆ ๆ หน้าตาผมก็ประมาณเข้มๆ ดำๆ คิ้วหนาๆ จมูกโด่งๆ (แอบชมตัวเอง ฮ่าๆ ๆ)
ผม : "ถามตรงๆอ่ะดีแล้ว ผมก็ตอบตรงๆละกัยว่าเป็นผู้ชายครับ" ผมตอบมันไปแบบนั้น
วันรุ่งขึ้น มันก็ยังทักมาอีก "ดีครับ บ้านอยู่ไหนหรอ"  แหน๊ะ!!! รู้จักกันแค่ไม่กี่คำ ถามถึงบ้านซะละ ไอนี่โรคจิตปะเนี่ย ผมก็ไม่ได้ตอบอะไร
ภี : "อยู่บ้านหรอ" น่าน แมร่งรู้ดีอีก
ภี : "ฝนตกอ่ะ ไปไหนไม่ได้" ผมเริ่มคิดใจใจ นี่จีบกูแล้วใช่ไหมเนี่ย กูเป็นผู้ชาย ฝนตกเวลาค่ำๆแบบนี้จะชวนกูไปทำอะไรไม่ดีไม่ร้าย แมร่ง จะโดนปล้ำไหมเนี่ย ไว้ ไม่ตอบมัน ลองดูดิ๊ มันจะทำไง
ภี : "พี่ไม่ออกไปไหนหรอครับ" =.=! ยังหน้าด้านถามมาอีกแหน่ะ ตอนนั้นผมบล๊อกคนไม่เป้นเพิ่งหัดเล่นเฟสบุ๊ค ไม่รู้อะไรมาก รำคาญมากอ่ะ คือด้วยนิสัยส่วนตัวแล้ว ผมไม่ค่อยสุงสิงกับใครเท่าไหร่
ผม : "ดึกป่านนี้แล้วจะให้ออกไปไหนอ่ะครับ" นั่นเป็นเวลาประมาณสองทุ่มกว่าๆ จะให้กูออกไปส่องกบในยามฝนพรำหรือไง สาดดดดดดดด
ภี : "ผมคิดว่าพี่จะออกไปหาแฟน" นั่น!!! ตอกย้ำอีก เรื่องราวเก่าๆเริ่มเข้ามาในหัวเลยครับ
ผม : "โสดครับ เพิ่งเลิกห่างกันได้สักพัก" ผมเลยตอบมันไปว่าโสดทั้งๆที่ใจมันเจ็บอยู่ลึกๆ (ไม่รู้ทำไมผมยังต้องโกหกคนอื่นว่าผมมีแฟน ผมนี่มันเลวเนอะกลัวทุกอย่าง ขี้ขลาด ไม่กล้าพูดความจริง)
ภี : " โธ่ นึกว่าไปหาแฟน เหมือนผมเลยพี่ ผมเพิ่งโดนทิ้งมา สองวันที่แล้ว" น่านนนนนนน!! ไม่ต้องบอกให้กูรู้สถานะก็ได้นะ ด้วยความสงสัย ปกติ ผู้ชายมันจะไม่คุยตื้ออะไรแบบนี้ ยเว้นเสียากมันเป็นเกย์แล้วจะมาจีบผม ผมก็เลยแซวไปเพื่อทดสอบว่ามันเป็นเกย์หรือป่าว
ผม : "ผู้ชายหรอ?" ผมแหย่มันไป ถ้ามันเป็นเกย์ ผมก็ไม่คุยกับมันอีกเลย (ไม่ได้เกลียดหรืออะไรหรอกนะ ความคิดผมตอนนั้นคือเขาต้องการอะไรถึงอยากมาสนิทกับผม แล้วอย่างที่ผมบอก ผมไม่ชอบสุงสิงกับใคร)
ภี : "ใช่ครับ เกย์ด้วยกัน" นั่นไง!!! กูว่าแล้ว ชิ่งดีกว่า ไม่คุยด้วยละ เลิกเล่นคอมเลยทันที

วันรุ่งขึ้น ไอโรคจิตนี่ก็ทักแชทมาหาผมอีก
ภี : "พี่ชอบคนแบบไหนหรอครับ ผมมีเพื่อนเยอะจะได้หาให้ ติดต่อให้ได้นะครับ" เอ่อ!! เป็นบริษัทหาคู่หรอไงครับนั่น มีมาถามสเปคด้วย แบบไหนก็ได้ที่ไม่ใช่ยิ้ม(ผมคิดในใจ) ผมก็เลยโกหกมันไปเพื่อที่มันจะได้ไม่ต้องมาถามถึงผมอีก
ผม : "คือผมกำลังชอบคนๆนึงอยู่ครับ และก็กำลังไปได้ดีด้วย" มั่นใจเลยว่าแมร่งต้องไม่มาตื้อผมอีกแน่ๆ
ภี : "ผู้ชายหรอครับ?" !!!!! ไอนี่ มันสวนกลับมาสะอึ้งเลย!! ไม่หยุดจริงๆ ผมก็ไม่ตอบมัน
ภี : "ผมไม่รู้จักชื่อพี่ ผมขอเรียกพี่ว่า ดำ นะครับ" อื้มหึมมมมมมมมม!!! ยิ้มนี่แมร่ง จี๊ดเลย!! ด้วยความโมโห ผมเลยพูดออกไป
ผม : " มีฉายาอยู่แล้วเว้ย ไม่ต้องมาตั้งให้!!!"
ภี : "ผมล้อเล่นหน่ะพี่ อย่าโกรธกันนะ แล้วฉายาพี่คืออะไรหรอครับ" ดูมันตบหัวแล้วลูบหลังชัดๆ เอามีดมาแทงกันเลยดีกว่า
ผม : "....(ชื่อผม)The Lost World" คือฉายานี้ได้มาจากตอนเรียนมหาลัย เพื่อนคนนึงตั้งให้ เพราะว่าผมเป็นคนที่ไม่สุงสิงกับใคร ไม่ค่อยออกมาเจอหน้าใคร ปัญหาที่ผมไม่กล้าสู้หน้าสังคม ไม่รู้ทำไม พอผมออกมาเจอโลกภายนอก เจอเพื่อนๆ มันก็เลยเป็นผมเป็นเหมือน โลกที่หายสาบสูญไปนานเพิ่งค้นพบอะไรประมาณนั้น แล้วก็มีอีกหลายๆฉายาที่เพื่อนๆตั้งให้ จนทำให้ผมคุยกับไอ้โรคจิตนี้มากขึ้น ทุกวัน ทุกวัน แบบไม่รู้ตัว เพราะเห็นว่า เขาน่าจะเป็นเพื่อนผมได้ จนลืมคิดไปว่า ไอห่านี่เป็นเกย์ จ้องจะกินผมแน่ๆ แต่ก็ไม่รู้ทำไมอีกนั่นหล่ะ ผมเปิดใจคุยใจไอหมอนี่เกือบทุกๆเรื่อง เพราะผมไม่รู้จะระบายใครใครฟังแล้ว อย่างว่าแหล่ะ วัยรุ่น ควรที่จะปรึกษาครอบครัว แต่บางเรื่องวัยรุ่นก็ไม่กล้า และหันหน้าคุยกับคนอื่นๆแทน ผมคุยกับไอโรคจิตได้สักระยะ ก็เลยขอ MSN คุยกัน สมัยนั้น MSN ยังไม่ถูกปิด และมีเสียง มีลูกเล่นมากมาย ผมคิดว่าคุยในนั้นน่าจะสนุกกว่า และผมก็คุยกวนๆมันไว้เยอะ

วันนึงขณะที่ผมกำลังนอนฟังเพลง MSN ก็เด้งขึ้นมา
ภี : "บ้านพี่อยู่ที่ไหนอ่ะครับ บ้านผมอยู่......(ซอยบ้านมัน)"
ผม : "ถามทำไมอ่ะ จะมาเซอร์ไพซ์หรอ ระเบิดเตรียมไว้กี่ลูกแล้ว กรูกวนประสาทไว้เยอะ จะล้างแค้นหรอไง"
ภี : "ป่าวครับพี่ ผมชอบพี่อ่ะ ผมขอจีบพี่นะ"

!!!!!!!!!!!!!
แก้ไขข้อความเมื่อ

คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 4
หลังจากที่มันสารภาพผมมาว่ามันชอบผม ผมก็ได้แต่อึ้งครับ และที่สำคัญ มันอยู่บ้านใกล้ๆกับผม ห่างจากบ้านผมประมาณซอยถัดไป เดินเท้าเอา 5 นาทีก็ถึง

ภี : "ผมว่า เราออกมาเจอกันไหมครับ บ้านอยู่ใกล้กันแค่นี้เอง เจอตรง.....(ชื่อสถานที่)นะ ผมจะรอพี่ สองทุ่มเจอกัน" โห!!! นี่มันกะจะมัดมือชกใช่ไหมเนี่ย ไม่ฟังคำตอบเลยสักนิด แล้วก็ออฟไลน์ไปเลย

จะทำไงต่อไปก็ไม่รู้ ผมใจสั่นไปหมด หลังจากที่เก็บตัวมานาน ไม่ออกไปเจอโลกภาพนอกเลย เวลาก็ใกล้เข้ามาทุกที 6 โมงเย็นก็แล้ว ทุ่มนึงก็แล้ว ใจนึงก็กลัวมันจะลากไปข่มขืน เพราะแถวนั้นเป็นริมคลอง แมร่งต้องลากไปกินแน่ๆเลย T_T ใจนึงก็อยากไปเจอหน้ามัน และพูดกับมันตรงๆว่าไม่ให้จีบ จะเป็นไปได้ไง ผู้ชายกับผู้ชาย บ้าไปแล้ว
ณ เวลานั้นก็ใกล้สองทุ่มแล้ว ใจยิ่งเต้นเลยครับ สุดท้ายผมก็เปลี่ยนเสื้อผ้าให้ดูซกมกที่สุด แบบว่ามันคงเจอครั้งแรกแล้วหนีไปเลย ยิ่งมืดๆด้วย ตัวผมก็ดำ ใส่กางเกงขาสั้นสีดำแบบกางเกงมัธยม เสื้อโปโลสีแดงไปเลยครับ ผมยุ่งๆ น้ำไม่อาบ ลากรองเท้าแตะเก่าๆไปเป็นเพื่อนคู่ใจ

ที่ๆมันนัดก็เป็นที่ออกกำลังกายสำหรับคนหมู่มาก แต่นี่มันสองทุ่มแล้ว ไม่มีใครมาวิ่งออกกำลังกายแล้วหล่ะ เลยเหลือแต่เพียงผมยืนเด่นอยู่คนเดียว มันต้องรู้ตัวแน่ๆ สังเกตุง่ายขนาดนั้น เมื่อผมมาถึง ผมก็มองไปรอบๆ ไม่เห็นมีใครอยู่สักคน สงสัยมันคงแอบเห็นผมไกลๆ แล้วก็วิ่งหนีไปแล้วมั้งครับ ถ้าเป็นแบบนั้นก็ดี จะได้ตัดมันทิ้งออกไปเลย กลัวก็กลัว!! ผมเลยตัดสินใจหันหลังเดินกลับบ้าน มีผู้ชายชุดขาวเดินมาหยุดตรงหน้าผม !!!!!!!!
หน้าวอกมาเชียว ทาแป้งมาดิบดี
ภี : "ใช่พี่....(ชื่อผม) หรือป่าวครับ" เอิ่ม!! ใจผมสั่นทำอะไรไม่ถูกเลยครับ ตัวแข็งทื่อเลย เกร็งไปทั้งตัว กลัวมันปล้ำ
ผม : "เอ่อออ.... ใช่ครับ"
ภี : "ผมกะแล้วว่าพี่ต้องดูดีกว่าในรูป สเปคผมเลย" ห๊ะ!!! นี่ตูยังไม่ได้ทำอะไรเลยนะ ยิ้ม ยิ่งผวามากขึ้นอีก
ผม : " เอ่อออ... เจอหน้ากันแล้ว ผมไปก่อนนะ พอดีที่บ้านรอกินข้าวอยู่ " (ผมโกหกไปแบบนั้นแหล่ะ หวังจะหนีห่างจากมัน)
ภี : "เดี๊ยวสิพี่ พอดีผมเพิ่งย้ายมาอยู่แถวนี้ได้ไม่นาน พี่ช่วยเป็นไกด์ให้ผมหน่อยดิ ผมอยากรู้จักแถวนี้" ห๊ะ!!! เวลานี้เนี่ยนะ (คิดในใจ เอาแล้วไงซวยละตู ไม่น่าออกมาเลย ผิดแผนทั้งหมด T_T)
ผม : " ดูเหมือนมันจะดึกแล้ว .... ไว้.....พรุ่งนี้ดีกว่าไหมอ่ะ  มันคงไม่สะดวกมั้ง" ปากผมยังพูดไปแบบนั้นอีก แทนที่จะปฎิเสธมันไป อยากตบปากตัวเองมากๆ ตอนนั้น
ภี : "ก็ได้ !! ผมจะรอนะพี่"  เฮ้ออออ!!! ได้เวลาแยกย้ายแล้วสินะ พรุ่งนี้จะได้ไม่ต้องมาอีก โล่งใจไประดับนึงที่จะได้กลับบ้าน T_T
ภี : "แต่ว่า เรามาเจอกันที่นี่อีกครั้งนะพี่ เวลานี้เลย พอดีว่ากลางวันผมทำงานหน่ะ เลยไม่สะดวก ผมจะว่างแค่ช่วงดึกๆ" (ฝลัดเอ้ย!!! นี่แมร่งยังไม่จบอีก แถมยังจะนัดดึกอีกด้วย โดนแน่ๆเลยตู)

หลังจากนั้นผมก็ไม่ตอบอะไรมัน เพราะไม่กล้าให้สัญญากับใคร แยกย้ายกันกลับบ้านใครบ้านมัน ระหว่างทางผมก็หันกลับไปมองมัน กลัวมันแอบตามมาอยู่เป็นระยะๆ ระแวงไปเรื่อยเลย

และแล้ว...........ก็ถึงวันต่อมา..........
วันที่มันนัดเจออีกครั้งที่สอง ในเวลา 2 ทุ่ม ยามหากินของมัน T_T MSN ถูกทักขึ้นมา "ว่ายังไงพี่ จะพาผมไปเดินเล่นไหม"  ผมไม่อยากไปเลย แต่ในใจก็ตอบตัวเองว่า พูดตรงๆกับเขาไปเลย ต่อหน้าให้มันรู้ไปเลยว่า อย่ามายุ่งกับตูอีก นี่เป็นการไปเจอครั้งสุดท้าย จะบอกมันให้ได้!!!
เมื่อมาถึงที่หมาย มันก็ยืนรอผมด้วยการใส่ชุดขาวเหมือนเดิม เหมือนคนพึ่งอาบน้ำเสร็จ กำลังจะนอน  
ภี : "ผมพร้อมละพี่ พี่พร้อมป่าว" ห๊ะ!!! พร้อมอะไรวะ T_T จากคนที่เคยกวนทีนมัน กลายเป็นหมาง๋อย-
ภี : "จะเอายังอ่ะพี่ " เห้ย!!! นี่มันกะจะฟันกูแล้วใช่ไหม ผมนิ่งเพราะตกใจ ทำอะไรไม่ถูก ปากอ่ะปาก!!! บอกไปดิ อย่ามายุ่งกับตู >.<
ภี : "พี่เป็นอะไร ไม่คุยเลย ปกติเงียบๆแบบนี้หรอ เห็นใน MSN ปากดีจัง" (นั่นไง มีมาแขวะตูอีก!!!)
ผม : "ว่าแต่จะไปที่ไหนหล่ะ" ซวยแล้ว ปากผมดันไปบอกแบบนั้น หาจังหว่ะพูดไม่ได้จริงๆ ไม่กล้า
ภี : "ไปที่ไหนก็ได้ แล้วแต่พี่จะพาไป พี่ว่าดี ผมก็ว่าดี ผมเชื่อใจพี่" T_T โธ่ยิ้ม อย่ามาเชื่อใจกูเล้ยยยย!!
ผม : "งั้นก็นั่งตรงริมฟุตบาทนี้แหล่ะ ดีที่สุดแล้ว อากาศดี" (ตรงนี้คือที่ปลอดภัยที่สุด มีแสงไฟ ทางโล่ง มองเห็นง่าย ถ้ามันทำอะไร คนจะได้เห็น มันจะได้ไม่กล้า)
หลังจากนั้นก็นั่งคุยกันได้สักระยะ แม่ผมก็โทรตาม เพราะไม่ค่อยเห็นผมออกจากบ้านช่วงดึกเท่าไหร่ กลัวแม่สงสัยว่ามานัดเจอผู้ชาย T_T เลยบอกลาไอ้ภี
ผม "คือ...(ชื่อผม) ต้องไปแล้วอ่ะ แม่โทรตามหว่ะ ไปนะ"
ภี : "งั้น...ให้ผมไปส่งพี่นะ เด๋วผมเดินไปกับพี่นี่แหล่ะ" โอ้โห....ไอ้โรคจิต ติดกูหรอเนี่ย กูไปทำอะไรให้ T_T
ผม : "ไม่ต้องหรอก กลับเองได้" ผมรีบปฎิเสธเลย แต่ก็ยังไม่ทันจะพูดคำๆนั้นซะที คำที่อยากบอกมากที่สุด "เลิกกกกกก ยุ่งงงงงงงง กับบบบบ กู!!!" (ก็แค่คิดในใจ)
ภี : "ให้ผมไปส่งพี่นะ ผมอยากเดินไปส่งจริงๆ" แมร่งยังตื้ออยู่อีก ผมไม่สนใจมัน และหันหลังเดินกลับทันที
ภี : "พี่รอผมหน่อยดิ...เดินเร็วอย่างกับหมาวิ่ง" สลัด!!! ว่ากูอีก ทำตัวแบบนี้ใครจะประทับใจวะ ต่อให้เป็นผู้หญิงก็เหอะ
และแล้วมันก็ใส่เกียร์หมาวิ่งมาหาผมเหมือนกัน จนมาอยู่ข้างๆผม ผมก็ได้แต่ใจเต้น ผับๆอยู่ในอก ซวยแล้วตูจะโดนอะไรวะเนี่ย แล้วสิ่งที่ผมคิด มันก็หลุดออกมาจากปากมัน
ภี : "ผมขอจับมือพี่เดินไปด้วยกันจะได้ไหม" โห.....แมร่ง!!! คือคิดว่าเป็นพระเอกหนังหรอไงวะ T_T ใจจะขาดแล้วตอนนั้น
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่