ช่วงนี้เราฟิตจัดในการอ่านหนังสือ เลยคิดว่าน่าจะทำกระทู้ออกมาสักวีคละหน จะตั้งช่วงหัวค่ำของวันจันทร์ สักหกโมงกว่าๆถึงไม่เกินสองทุ่ม เพื่อให้เพื่อนๆมาแชร์กันว่าในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมานั้นได้อ่านหนังสืออะไรกันไปบ้าง ขอแค่เล่มเดียวเท่านั้นพอ ถ้าอ่านหลายเล่มก็เลือกมาที่เด็ดๆสักเล่มละกันค่ะ จะเป็นหนังสือภาษาไทยหรืออังกฤษก็ได้หรือจะเป็นภาษาอื่นๆก็ยินดีค่ะ จะเป็นหนังสือแนวไหนก็ได้ทั้งนั้น แต่ขอไม่นับหนังสือเรียน การ์ตูน และแมกกาซีนกับหนังสือพิมพ์นะจ๊ะ อิอิ แล้วเวลาที่โพสกันแต่ละครั้ง ก็อยากให้มีรูปหนังสือด้วย จะถ่ายของจริงที่ตัวเองมีมาอวดกันก็ได้หรือถ้าไม่สะดวกจะเอารูปจากเนทก็ได้ไม่ว่ากัน หลังจากนั้นให้พูดอะไรสักเล็กน้อยเกี่ยวกับหนังสือเล่มนั้น พูดถึงคนแต่ง เนื้อเรื่องย่อ ความประทับใจ ซื้อหามาจากไหน หรืออะไรก็ได้ที่เกี่ยวกับมัน ไม่จำเป็นว่าจะต้องเขียนในรูปแบบของการรีวิวค่ะ ง่ายๆแค่นี้เอง
อยากให้กระทู้ของเราเป็นอีกทางนึงในการกระตุ้นให้คนหันมาสนใจการอ่าน เพราะยิ่งอ่านกันเยอะ ก็ยิ่งซื้อเยอะ พอซื้อเยอะ คนพิมพ์เขาก็พิมพ์ออกมามากขึ้น พอพิมพ์ครั้งละมากขึ้น ก็ทำให้ขายได้ถูกลง เห็นมั้ยละว่าคนอ่านมีแต่ได้กับได้นะ อิอิ ถ้างั้นแล้วเราขอประเดิมเลยแล้วกันนะว่าวีคที่ผ่านมาเราอ่านอะไรอยู่
-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
ทารกเที่ยงคืน : Midnight s Children
ผู้แต่ง: Salman Rushdie
แปลโดย: นพดล เวชสวัสดิ์
ความประทับใจเริ่มแรกของเรากับหนังสือเล่มนี้อาจจะเริ่มตอนที่เราได้ยินชื่อผู้เขียนครั้งแรกตั้งแต่เราอายุแค่ 8-9 ขวบก็เป็นได้ ตอนนั้นมีขนมยี่ห้อนึงแถมการ์ดชุดบุคคลดังระดับโลก และ Salman Rushdie นักเขียนเชื้อสายอังกฤษ-อินเดียนก็เป็นหนึ่งในนั้น เรายังไม่รู้หรอกว่าเขาเขียนหนังสืออะไร เรื่องราวแบบไหน แต่มันก็ทำให้รู้สึกว่าวันนึงเราจะหาหนังสือของนักเขียนคนนี้มาอ่านให้ได้ เวลาผ่านไปเกือบ 20 เปี ราได้ข่าวการสร้างหนังที่ชื่อเดียวกันกับหนังสือเล่มนี้ และเขาบอกว่ามันคือผลงานระดับโลกของ Salman Rushdie นาทีนั้นดีใจมาก ความทรงจำเก่าๆที่มีกับการ์ดของแถมใบนั้น flashback ขึ้นมาในหัว ฉันจะต้องไปดูหนังให้ได้ มันจะเข้าหลายโรงมั้ยวะ โรงใกล้บ้านจะมีมั้ยวะ ว่าแต่ฉันไปหาหนังสือมาอ่านก่อนดีกว่าว่ะ แต่จนแล้วจนรอดเราก็ลืมหนังสือเล่มนี้ไป แต่ไม่ลืมไปดูหนังนะ หนังดีมากๆ อาจจะเป็นเพราะเราอินกับอะไรที่เป็นอินเดียอยู่แล้วก็เป็นได้
จนเมื่อ 2 อาทิตย์ที่ผ่านมาเราต้องไปธุระแถวอโศก เราแวะเดินเล่นที่ Terminal 21 เพื่อฆ่าเวลา เดินไปถึงชั้นล่าง เจอเขามีงานหนังสือของห้าง เป็นการตั้งบูธออกร้านกันแบบง่ายๆ จัดกระจายตัวเป็นหย่อมๆในหลายชั้น เราเดินไปถึงร้านนึง พลันสายตาก็ปะเข้ากับหนังสือเล่มนี้ เราหยิบขึ้นมาพลิกดูราคาที่ด้านหลัง 490 บาท อืมมมม นี่คงจะเป็นหนังสือภาษาไทยที่แพงที่สุดที่เราซื้อแน่ๆเลย ยังไม่ทันที่เราจะตัดสินใจ เราก็เหลือบไปเห็นป้ายกระดาษที่เขียนด้วยลายมือง่อยๆว่า
ลด 50% วางอยู่ไม่ไกลจากหนังสือเล่มนี้มากนัก ...
โอ้ววว แม่เจ้า เขารวมหนังสือเล่มนี้ด้วยป่าววะ ถามๆ ... แล้วเราก็ถามคนขายว่าที่บอกลด 50% นี้คือทั้งโต๊ะนี้ใช่มั้ย คำยืนยันและการพยักหน้าจากพี่สาวคนขายทำให้เราใจชื้น อย่างน้อยก็ไม่ต้องจ่ายแพงวะ เราคิด แล้วเราก็คำนวนราคาในหัวอย่างคนตกเลข 3 ปีซ้อนช่วงม.ต้น เอ่อ .. เอาเป็นว่าเล่มนี้เราจ่ายไม่ถึง 250 บาทละกัน เรารีบจ่ายเงินและเดินกอดมันแนบอกด้วยความฟินสุดๆเลยละ
มาถึงวันนี้เราอ่านไปได้ประมาณ 30 หน้ากว่าๆเท่านั้นเอง เราชอบการบรรยายแบบละเอียดที่ใครหลายคนอาจจะมองว่าเยิ่นเย้อยืดยาด แต่มันทำให้เราเห็นภาพชนิดที่เรียกว่าเห็นทุกเม็ดในหัวเลยทีเดียว ยิ่งใครที่เป็นคนประเภทอินกับอินเดียแล้วละก็จะต้องชอบอ่านนิยายเล่มนี้มากแน่ๆ
ป.ล. สำหรับใครที่ชอบอ่านหนังสือภาษาอังกฤษทุกประเภท ขอเชิญมาเข้าร่วมกรุ๊ปใน FB กับเราได้นะคะ ชื่อ A book a week นี่ละ แต่มีคนต่างชาติเยอะหน่อยนะ อิอิ
*** A book A week: วีคนึงที่ผ่านมาอ่านอะไรกันมั่งคะ #1 ***
อยากให้กระทู้ของเราเป็นอีกทางนึงในการกระตุ้นให้คนหันมาสนใจการอ่าน เพราะยิ่งอ่านกันเยอะ ก็ยิ่งซื้อเยอะ พอซื้อเยอะ คนพิมพ์เขาก็พิมพ์ออกมามากขึ้น พอพิมพ์ครั้งละมากขึ้น ก็ทำให้ขายได้ถูกลง เห็นมั้ยละว่าคนอ่านมีแต่ได้กับได้นะ อิอิ ถ้างั้นแล้วเราขอประเดิมเลยแล้วกันนะว่าวีคที่ผ่านมาเราอ่านอะไรอยู่
-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
ทารกเที่ยงคืน : Midnight s Children
ผู้แต่ง: Salman Rushdie
แปลโดย: นพดล เวชสวัสดิ์
ความประทับใจเริ่มแรกของเรากับหนังสือเล่มนี้อาจจะเริ่มตอนที่เราได้ยินชื่อผู้เขียนครั้งแรกตั้งแต่เราอายุแค่ 8-9 ขวบก็เป็นได้ ตอนนั้นมีขนมยี่ห้อนึงแถมการ์ดชุดบุคคลดังระดับโลก และ Salman Rushdie นักเขียนเชื้อสายอังกฤษ-อินเดียนก็เป็นหนึ่งในนั้น เรายังไม่รู้หรอกว่าเขาเขียนหนังสืออะไร เรื่องราวแบบไหน แต่มันก็ทำให้รู้สึกว่าวันนึงเราจะหาหนังสือของนักเขียนคนนี้มาอ่านให้ได้ เวลาผ่านไปเกือบ 20 เปี ราได้ข่าวการสร้างหนังที่ชื่อเดียวกันกับหนังสือเล่มนี้ และเขาบอกว่ามันคือผลงานระดับโลกของ Salman Rushdie นาทีนั้นดีใจมาก ความทรงจำเก่าๆที่มีกับการ์ดของแถมใบนั้น flashback ขึ้นมาในหัว ฉันจะต้องไปดูหนังให้ได้ มันจะเข้าหลายโรงมั้ยวะ โรงใกล้บ้านจะมีมั้ยวะ ว่าแต่ฉันไปหาหนังสือมาอ่านก่อนดีกว่าว่ะ แต่จนแล้วจนรอดเราก็ลืมหนังสือเล่มนี้ไป แต่ไม่ลืมไปดูหนังนะ หนังดีมากๆ อาจจะเป็นเพราะเราอินกับอะไรที่เป็นอินเดียอยู่แล้วก็เป็นได้
จนเมื่อ 2 อาทิตย์ที่ผ่านมาเราต้องไปธุระแถวอโศก เราแวะเดินเล่นที่ Terminal 21 เพื่อฆ่าเวลา เดินไปถึงชั้นล่าง เจอเขามีงานหนังสือของห้าง เป็นการตั้งบูธออกร้านกันแบบง่ายๆ จัดกระจายตัวเป็นหย่อมๆในหลายชั้น เราเดินไปถึงร้านนึง พลันสายตาก็ปะเข้ากับหนังสือเล่มนี้ เราหยิบขึ้นมาพลิกดูราคาที่ด้านหลัง 490 บาท อืมมมม นี่คงจะเป็นหนังสือภาษาไทยที่แพงที่สุดที่เราซื้อแน่ๆเลย ยังไม่ทันที่เราจะตัดสินใจ เราก็เหลือบไปเห็นป้ายกระดาษที่เขียนด้วยลายมือง่อยๆว่า ลด 50% วางอยู่ไม่ไกลจากหนังสือเล่มนี้มากนัก ... โอ้ววว แม่เจ้า เขารวมหนังสือเล่มนี้ด้วยป่าววะ ถามๆ ... แล้วเราก็ถามคนขายว่าที่บอกลด 50% นี้คือทั้งโต๊ะนี้ใช่มั้ย คำยืนยันและการพยักหน้าจากพี่สาวคนขายทำให้เราใจชื้น อย่างน้อยก็ไม่ต้องจ่ายแพงวะ เราคิด แล้วเราก็คำนวนราคาในหัวอย่างคนตกเลข 3 ปีซ้อนช่วงม.ต้น เอ่อ .. เอาเป็นว่าเล่มนี้เราจ่ายไม่ถึง 250 บาทละกัน เรารีบจ่ายเงินและเดินกอดมันแนบอกด้วยความฟินสุดๆเลยละ
มาถึงวันนี้เราอ่านไปได้ประมาณ 30 หน้ากว่าๆเท่านั้นเอง เราชอบการบรรยายแบบละเอียดที่ใครหลายคนอาจจะมองว่าเยิ่นเย้อยืดยาด แต่มันทำให้เราเห็นภาพชนิดที่เรียกว่าเห็นทุกเม็ดในหัวเลยทีเดียว ยิ่งใครที่เป็นคนประเภทอินกับอินเดียแล้วละก็จะต้องชอบอ่านนิยายเล่มนี้มากแน่ๆ
ป.ล. สำหรับใครที่ชอบอ่านหนังสือภาษาอังกฤษทุกประเภท ขอเชิญมาเข้าร่วมกรุ๊ปใน FB กับเราได้นะคะ ชื่อ A book a week นี่ละ แต่มีคนต่างชาติเยอะหน่อยนะ อิอิ