เนื่องสถานการณ์ในขณะนี้ มีโอกาสที่จะเกิด ความรุนแรงในความขัดแย้งมากยิ่งขึ้น
กลุ่มคน ทั่งสองฝั่ง ซึ่งมี ความเชื่อ และอุดมการณ์ที่ต่างกันโดย สิ้นเชิง กำลังต้องการสิ่งที่ยังไม่มี ฝ่ายใดได้ สิ่งที่ต้องการ ถ้าพูดแบบไม่เข้าข้างใครเลย ก็คือ ฝั่ง สันติอหิงสา
กับ ฝั่งรักคนหน้าเหลี่ยม ทั้งสองฝั่งกำลังยกระดับ การชุมนุม ในฐานะเจ้าของกระทู้ ขอเสนอแนวทางสำหรับการแก้ไข ในสถานการณ์นี้ นะครับ
1. สภาวะตอนนี้ ควร มีคนกลาง ที่ไม่ใช่ คนของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเลย ที่ไม่มีผลประโยชน์กับฝ่ายใด เข้ามาเป็นคนกลาง เจรจา เงื่อนไขของทั้งสองฝ่าย ว่าถ้า บรรลุเป้าหมายของตนเอง แล้ว สิ่งที่ต้องการให้ประเทศเดินหน้า ต่อคืออะไร ถ้าไม่อ้างว่า จะต้องรักษาเก้าอี้ตามกฎหมาย หรือ ถ้าไม่อ้างสิ่งที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนคือการปฏิรูปการเมือง โดยคืนอำนาจแก่ประชาชน ซึ่งโดยหลักการเป็นสิ่งที่ดี แต่ประชาชนส่วนใหญ่ก็ยังไม่เห็นแนวทางปฏิบัติ ที่เป็นลายลักษณ์อักษร หรือแนวทางที่จะสามารถสร้างความเข้าใจต่อกัน
2. ในสภาวะเช่นนี้ คนที่มีหน้าที่ดูแลความเรียบร้อย ควรตระหนักได้แล้วว่า ประเทศได้ถึงจุดที่เรียกได้ว่า ต้องการคนจริง จะทหาร หรือ ตำรวจ ควร เป็นกลางให้มากที่สุด อย่าลืมว่า ถ้าสองหน่วยงานนี้ ไม่ทำอะไรเลย หรือ ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่อย่างที่ผ่านมา
เมื่อชาติลุกเป็นไฟ อย่าลืมคิดว่าตนเอง ไม่ว่าจะเป็นทหารหรือตำรวจ บกพร่องเป็นอย่างยิ่งในการดูแลความสงบ
3. เมื่อประชาชนทั้งสอง จะต้อง การแสดงออกทางประชาธิปไตย ต้องชุมนุมโดยสงบทั้งสองฝ่าย โดยตำรวจ และทหารต้อง มีบทบาทเข้าไปดูแล ความสงบเรียบร้อย ของฝูงชน
รอบรัศมี สองกิโลเมตร จากผู้ชุมนุมทั้งสองฝั่ง ไม่ให้มีการลักลอบ ประทุษร้าย ต่อกัน
และปฏิบัติหน้าที่อย่างเคร่งครัด ไม่เลือกข้าง ไม่ยอมให้ผู้ชุมนุมสร้างอาวุธ หรือ มีอาวุธ ในที่ชุมนุม
4.กำหนดระยะเวลา เส้นตายของทั้งสองฝั่งให้เจรจาหารข้อยุติ ภายในระยะเวลา ที่กำหนด และหาข้อยุติ ให้ได้ในเวลา ใครไม่รับเงื่อนไขเมื่อถึงข้อยุติ ให้ถือว่าผู้นั้น จะต้องรับโทษทางกฎหมาย เนื่องจาก เลือกที่จะสร้างความไม่สงบให้เกิดขึ้นต่อไป
5.ก่อนจะมีการเลือกตั้งใหม่ ระบบศาล ควรได้รับความเคารพ จากทั้งสองฝั่งเมื่อมีการตัดสินคดีต่างๆเกิดขึ้น ศาลต้องปราศจาก แรงกดดัน จากนักการเมือง
6.พรรคการเมืองทั้งสองฝ่ายต้อง ถูกตรวจสอบเรื่องผลประโยชน์ ทับซ้อน จากการกล่าวหาของอีกฝ่ายอย่างจริงจัง และควรมีหน่วยงานอิสระที่ ไม่อยู่ภายใต้นักการเมือง
มีอำนาจถอดถอน ตรวจสอบ สภาพนักการเมือง ได้ทันที โดยไม่ต้องรออำนาจจากหน่วยงานใด โดย ให้ศาลเป็นผู้พิจารณา และมอบ อำนาจ เมื่อมีการตรวจสอบหลักฐาณ ได้ในคดีการเมือง โดยหน่วยงานนี้ขึ้นตรงต่อประชาชนเท่านั้น ประชาชน มีสิทธิ์ร้องเรียน และฟ้อง ผู้มีตำแหน่ง เมื่อมีหลักฐานกระทำความผิด
7.จัดตั้งหน่วยงานตรวจสอบนโยบายการปฏิบัติงาน ของนักการเมือง ในโครงการต่างๆ
และมีความลับให้น้อยที่สุดเมื่อโครงการ ต้องการเปิดเผยข้อมูลที่เป็นข้อเท็จจริง ต่อสาธารณะ โดยมีข้อมูลทางวิชาการ ที่สืบค้นได้ และตรวจสอบได้จริงจากประชาชน
โดยถ้าประชาชน ที่มีความสามารถในการตรวจสอบสามารถกระทำได้โดยมีกฏหมายคุ้มครอง และต้องมีบัญทึก ทางราชการ ในกรณีต่างๆ ที่งบประมาณนั้นไปถึง และสามารถให้ประชาชน ผู้ไม่ได้สังกัดพรรคใด ๆ ได้มีโอกาสเข้าร่วม ประชุมได้อย่างเสรี
โดยคัดเลือกการการสอบ หรือ ตรวจสอบคุณวุฒิ จากหน่วยงานของประชาชนข้างต้น
และรายงานต่อสาธาณะเพื่อให้ทราบต่อไป
8.การลงโทษของการคอรัปชั่น ควรกระทำโดยเร็ว เมื่อหลักฐาณชัดเจนกำหนดโทษสูงสุด คือยึดทรัพย์ทั้งหมดและจำคุกตลอดชีวิต และมีผลบังคับ ต่อคนที่ร่วม วงศ์วาน จะโดยสายเลือด และ โดย พฤตินัย หมดสิทธิ์ ทางการเมืองเป็นเวลาอย่างน้อย 10 ปี
ใครจะเพิ่มเติม ก็ตามสะดวกโยธินเลยนะครับ
ยุคตำ่สุดของประเทศได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว เตรียมรับสถานการณ์ให้ดีกันได้แล้วนะ
กลุ่มคน ทั่งสองฝั่ง ซึ่งมี ความเชื่อ และอุดมการณ์ที่ต่างกันโดย สิ้นเชิง กำลังต้องการสิ่งที่ยังไม่มี ฝ่ายใดได้ สิ่งที่ต้องการ ถ้าพูดแบบไม่เข้าข้างใครเลย ก็คือ ฝั่ง สันติอหิงสา
กับ ฝั่งรักคนหน้าเหลี่ยม ทั้งสองฝั่งกำลังยกระดับ การชุมนุม ในฐานะเจ้าของกระทู้ ขอเสนอแนวทางสำหรับการแก้ไข ในสถานการณ์นี้ นะครับ
1. สภาวะตอนนี้ ควร มีคนกลาง ที่ไม่ใช่ คนของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเลย ที่ไม่มีผลประโยชน์กับฝ่ายใด เข้ามาเป็นคนกลาง เจรจา เงื่อนไขของทั้งสองฝ่าย ว่าถ้า บรรลุเป้าหมายของตนเอง แล้ว สิ่งที่ต้องการให้ประเทศเดินหน้า ต่อคืออะไร ถ้าไม่อ้างว่า จะต้องรักษาเก้าอี้ตามกฎหมาย หรือ ถ้าไม่อ้างสิ่งที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนคือการปฏิรูปการเมือง โดยคืนอำนาจแก่ประชาชน ซึ่งโดยหลักการเป็นสิ่งที่ดี แต่ประชาชนส่วนใหญ่ก็ยังไม่เห็นแนวทางปฏิบัติ ที่เป็นลายลักษณ์อักษร หรือแนวทางที่จะสามารถสร้างความเข้าใจต่อกัน
2. ในสภาวะเช่นนี้ คนที่มีหน้าที่ดูแลความเรียบร้อย ควรตระหนักได้แล้วว่า ประเทศได้ถึงจุดที่เรียกได้ว่า ต้องการคนจริง จะทหาร หรือ ตำรวจ ควร เป็นกลางให้มากที่สุด อย่าลืมว่า ถ้าสองหน่วยงานนี้ ไม่ทำอะไรเลย หรือ ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่อย่างที่ผ่านมา
เมื่อชาติลุกเป็นไฟ อย่าลืมคิดว่าตนเอง ไม่ว่าจะเป็นทหารหรือตำรวจ บกพร่องเป็นอย่างยิ่งในการดูแลความสงบ
3. เมื่อประชาชนทั้งสอง จะต้อง การแสดงออกทางประชาธิปไตย ต้องชุมนุมโดยสงบทั้งสองฝ่าย โดยตำรวจ และทหารต้อง มีบทบาทเข้าไปดูแล ความสงบเรียบร้อย ของฝูงชน
รอบรัศมี สองกิโลเมตร จากผู้ชุมนุมทั้งสองฝั่ง ไม่ให้มีการลักลอบ ประทุษร้าย ต่อกัน
และปฏิบัติหน้าที่อย่างเคร่งครัด ไม่เลือกข้าง ไม่ยอมให้ผู้ชุมนุมสร้างอาวุธ หรือ มีอาวุธ ในที่ชุมนุม
4.กำหนดระยะเวลา เส้นตายของทั้งสองฝั่งให้เจรจาหารข้อยุติ ภายในระยะเวลา ที่กำหนด และหาข้อยุติ ให้ได้ในเวลา ใครไม่รับเงื่อนไขเมื่อถึงข้อยุติ ให้ถือว่าผู้นั้น จะต้องรับโทษทางกฎหมาย เนื่องจาก เลือกที่จะสร้างความไม่สงบให้เกิดขึ้นต่อไป
5.ก่อนจะมีการเลือกตั้งใหม่ ระบบศาล ควรได้รับความเคารพ จากทั้งสองฝั่งเมื่อมีการตัดสินคดีต่างๆเกิดขึ้น ศาลต้องปราศจาก แรงกดดัน จากนักการเมือง
6.พรรคการเมืองทั้งสองฝ่ายต้อง ถูกตรวจสอบเรื่องผลประโยชน์ ทับซ้อน จากการกล่าวหาของอีกฝ่ายอย่างจริงจัง และควรมีหน่วยงานอิสระที่ ไม่อยู่ภายใต้นักการเมือง
มีอำนาจถอดถอน ตรวจสอบ สภาพนักการเมือง ได้ทันที โดยไม่ต้องรออำนาจจากหน่วยงานใด โดย ให้ศาลเป็นผู้พิจารณา และมอบ อำนาจ เมื่อมีการตรวจสอบหลักฐาณ ได้ในคดีการเมือง โดยหน่วยงานนี้ขึ้นตรงต่อประชาชนเท่านั้น ประชาชน มีสิทธิ์ร้องเรียน และฟ้อง ผู้มีตำแหน่ง เมื่อมีหลักฐานกระทำความผิด
7.จัดตั้งหน่วยงานตรวจสอบนโยบายการปฏิบัติงาน ของนักการเมือง ในโครงการต่างๆ
และมีความลับให้น้อยที่สุดเมื่อโครงการ ต้องการเปิดเผยข้อมูลที่เป็นข้อเท็จจริง ต่อสาธารณะ โดยมีข้อมูลทางวิชาการ ที่สืบค้นได้ และตรวจสอบได้จริงจากประชาชน
โดยถ้าประชาชน ที่มีความสามารถในการตรวจสอบสามารถกระทำได้โดยมีกฏหมายคุ้มครอง และต้องมีบัญทึก ทางราชการ ในกรณีต่างๆ ที่งบประมาณนั้นไปถึง และสามารถให้ประชาชน ผู้ไม่ได้สังกัดพรรคใด ๆ ได้มีโอกาสเข้าร่วม ประชุมได้อย่างเสรี
โดยคัดเลือกการการสอบ หรือ ตรวจสอบคุณวุฒิ จากหน่วยงานของประชาชนข้างต้น
และรายงานต่อสาธาณะเพื่อให้ทราบต่อไป
8.การลงโทษของการคอรัปชั่น ควรกระทำโดยเร็ว เมื่อหลักฐาณชัดเจนกำหนดโทษสูงสุด คือยึดทรัพย์ทั้งหมดและจำคุกตลอดชีวิต และมีผลบังคับ ต่อคนที่ร่วม วงศ์วาน จะโดยสายเลือด และ โดย พฤตินัย หมดสิทธิ์ ทางการเมืองเป็นเวลาอย่างน้อย 10 ปี
ใครจะเพิ่มเติม ก็ตามสะดวกโยธินเลยนะครับ