ดาวต่างมุม " แก้ว จำรักเป็นบทเรียน"

" แก้ว จำรักเป็นบทเรียน"





เป็นอีกหนึ่งสาวที่ยิ่งโตยิ่งสวย สำหรับ แก้ว-จริญญา ศิริมงคลสกุล สมาชิกวง “เฟย์ ฟาง แก้ว” แถมยังมีผลงานอย่างต่อเนื่อง งานนี้ “ดาวต่างมุม” เลยไม่รอช้า รีบคว้าตัวเธอนั่งเมาท์ ทั้งเรื่องงานที่กำลังไปได้สวย และเรื่องหัวใจกับอดีตแฟนหนุ่ม ป้อง-ณวัฒน์ กุลรัตนรักษ์ ที่ต้องบอกว่าแม้จะไม่ได้สดใสจบแบบแฮปปี้เอ็นดิ้ง แต่ก็ยังทำให้เธอได้เห็นมุมมองดี ๆ อีกเยอะ



บทบาทในเรื่อง “สาปสาง” คาแรกเตอร์นี้ เหมือนหรือต่างจากตัวเองยังไง?



“หนูรับบทเป็น “พริ้ว” เป็นลูกซินแส เราจะมีเซนส์สัมผัสพิเศษ คาแรกเตอร์จะห้าว ๆ เป็นคนดื้อ ๆ หน่อย ไม่ค่อยต่างจากตัวจริงเท่าไหร่ สำหรับสิ่งที่ยากของตัวละครนี้ คือด้วยความที่ปกติเราไม่ค่อยเป็นคนมีเซนส์ ทำให้ต้องไปศึกษาว่าคนที่เห็นหรือรู้สึกแบบนี้ต้องทำยังไง เรื่องนี้มีหลายฉากเหมือนกันที่แก้วต้องโดนผีที่รับบทโดย “ขนมจีน-กุลมาศ” สิง เราก็ต้องศึกษาอีกว่าคนที่โดนผีสิงเป็นยังไง และต้องไปสังเกตคาแรกเตอร์ของขนมจีน เพราะว่าต้องเล่นเป็นเขาด้วยค่ะ ส่วนความคาดหวังกับละครเรื่องนี้ คือมันเป็นละครเรื่องที่ 3 ของแก้วแล้ว ปกติละครช่อง 8 คนที่ไม่ใช่แถบกรุงเทพฯ ก็ดูกันพอสมควร เราก็ดีใจ การที่เราได้มาทำงานตรงนี้ เราก็อยากจะเต็มที่กับทุกงาน ไม่ว่าคนดูจะน้อยหรือเยอะมันก็ไม่สำคัญ ก็หวังว่าคนดูจะชอบค่ะ”



สำหรับการแสดง คิดว่าตัวเองยังต้องปรับปรุงตรงไหนอีกมั้ย?



“ค่อนข้างเยอะเหมือนกัน เพราะว่าแก้วไม่ได้เล่นติดต่อกันหลายเรื่อง ดังนั้นเวลาที่จะเล่นแต่ละครั้งก็ต้องเคาะสนิมกันพอสมควร บวกกับเราต้องเรียนด้วย เรื่องเรียนการแสดงถ้าว่างเราก็มีเข้าไปเรียนบ้าง แก้วว่าเรายังต้องเรียนอีกเยอะ เพราะการเป็นนักแสดงมันต้องเล่นได้หลายบทบาท และแก้วยังไม่ได้บทที่ท้าทายสักเท่าไหร่ ด้วยลุคเราด้วย เลยต้องรับบทใส ๆ เพราะรับแรง ๆ คนอาจจะยังไม่เชื่อ แก้วเองก็อยากเล่นบทที่แตกต่างเหมือนกันค่ะ แต่ก็ต้องรอดูบทให้มันลงตัวและเหมาะกับเรา”



งานเพลงล่ะ ตอนนี้มีอะไรบ้าง?



“ตอนนี้มีซิงเกิ้ลใหม่ “เมาท์ ทู เมาท์” จากอัลบั้ม “เกิรลส์ โทปิค” เพิ่งออกไปได้สักพักค่ะ การตอบรับค่อนข้างโอเคเลย แนวเพลงเราจะเป็นแบ๊กทูเบสิก คือกลับมาเป็นแนวป๊อปเหมือนเดิม “เฟย์ ฟาง แก้ว” คนจะรู้จักจากแนวเพลงใส ๆ แต่หลัง ๆ มาแนวดนตรีจะฟังยากขึ้น เต้นตามยากมาก เราเลยลองกลับมาเป็นเหมือนอัลบั้มแรก ที่ฟังง่าย เข้าถึงเราง่ายขึ้นค่ะ”



มีโอกาสได้ทำทั้งงานแสดงและงานร้องเพลง คิดว่าแต่ละงานแตกต่างกันยังไงสำหรับเรา?



“ร้องเพลงเป็นอะไรที่เราชินและชอบอยู่แล้ว เราก็สนุกกับมัน ทำแล้วไม่เหนื่อย แต่งานละครช่วงแรก ๆ ที่ได้ลองทำ เรารู้สึกว่ามันเหนื่อยมาก ๆ เลย ถ่ายละครตั้งแต่เช้ายันดึก ไม่เหมือนงานคอนเสิร์ตที่ขึ้นเวทีชั่วโมงสองชั่วโมงก็เสร็จ งานแสดงเลยเป็นอะไรที่ทำให้เรามีประสบการณ์มากขึ้นค่ะ”



อยู่ในวงการมาถึง 7 ปีแล้ว คิดว่าวงการนี้ให้อะไรกับแก้วมากที่สุด?



“เราเริ่มทำงานตั้งแต่อายุ 13 ปีค่ะ ก็ค่อนข้างเด็กมาก ๆ ต้องยอมรับว่าในตอนนั้นเราก็ยังงอแงว่าทำไมต้องมาทำงาน เรียนเสร็จเพื่อน ๆ ก็ได้ไปเล่น แต่เราต้องไปทำงานต่อ แต่พอลองใช้ชีวิตมาเรื่อย ๆ ก็พบว่ามีไม่กี่คนที่ได้ทำงานตั้งแต่เด็ก ๆ มันฝึกประสบการณ์เราไปในตัว เราได้ทำงานก่อนคนอื่น ทำให้เรามีความกล้ามากขึ้น ได้รู้จักคนเยอะขึ้น งานในวงการทำให้ความคิดเราโตขึ้น นิ่งขึ้น ใจเย็นขึ้น ได้เรียนรู้เรื่องการวางตัว ต้องทำตัวเป็นเด็กดี ที่สำคัญต้องซื่อสัตย์และจริงใจกับทุกคนค่ะ และแก้วเจอเพื่อนร่วมงานและทีมงานที่ดี ทำให้เรารู้สึกสนุกกับการทำงาน มาทำงานก็เหมือนไม่ทำค่ะ”



สิ่งที่ประทับใจที่สุดตั้งแต่ทำงานในวงการมา?



“ความจริงแก้วก็ประทับใจทุกอย่างที่เราได้ไปเจอมา ทั้งเรื่องที่ดีและเรื่องที่แย่ มันเป็นบทเรียนสำหรับเราในทุกเรื่อง ทำให้เราได้โตขึ้น ได้ก้าวเดินต่อไป สำหรับข่าวต่าง ๆ ที่เข้ามาถามว่ามีเรื่องที่ทำให้ท้อบ้างมั้ย จริง ๆ มันก็เคยมีนะคะ เคยคิดว่ามันค่อนข้างไม่แฟร์ที่เราพูดอะไรเยอะไม่ได้ อย่างข่าวบางเรื่องที่มันไม่จริง โดนใครใส่ร้ายมา หนูก็จะอยู่นิ่ง ๆ มากกว่า ไม่ชอบพูดอะไรเยอะแยะ ที่จะทำให้เรื่องมันใหญ่โต แต่หนูก็มีฟีลที่เซ็งและน้อยใจเหมือนกัน คนเดี๋ยวนี้เสพข่าวได้ง่าย ลงข่าวอะไรนิดหน่อยก็เชื่อ โดยที่ไม่ได้มีการกลั่นกรอง ซึ่งพอเกิดเหตุการณ์แบบนี้เราก็คิดเสมอว่าคุณพ่อคุณแม่เราก็รู้ว่าเราเป็นคนยังไง แค่คนรอบข้างรู้ว่าเรื่องไหนจริงหรือไม่จริงก็พอแล้ว คนอื่นจะมองยังไงมันก็ไม่สำคัญ เราแค่ใช้ชีวิตของเราต่อไป และเวลาจะทำให้รู้เองว่าเราไม่ใช่คนแบบนี้ คือเราไม่สามารถไปบังคับความคิดคนอื่นได้ แค่เราเป็นแบบนี้ไปเรื่อย ๆ คนก็จะรู้เองว่าความจริงเป็นยังไงค่ะ”
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่