รีวิวที่แล้วๆครับ
พาคุณตา คุณยาย Backpack ไปเที่ยวสวิส Part 1
http://pantip.com/topic/31679785
พาคุณตา คุณยาย Backpack ไปเที่ยวสวิส Part 2
http://pantip.com/topic/31686116
พาคุณตา คุณยาย Backpack ไปเที่ยวสวิส Part 3
http://pantip.com/topic/31689197
พาคุณตา คุณยาย Backpack ไปเที่ยวสวิส Part 4
http://pantip.com/topic/31690575
วันที่ 5 St.Moritz Luzern และ Meiringen
มาต่อกันที่ตอนเช้าของเมือง St.moritz ครับ ตื่นมาตอนเช้าหิมะตกหนักมาก เราเลยต้องเรียกแท็กซี่พา เพื่อให้พาไปส่งสถานีรถไฟ

รถแท็กซี่ที่เราโดยสารมา

ที่หน้าสถานีรถไฟ
เมื่อได้เวลารถไฟมาเราก็ต้องเดินทางออกจาก St.Moritz ด้วยความเสียดาย (ยังไม่ได้เดินดูเมือง อาบน้ำแร่อะไรเลย T_T) เรากลับด้วยรถไฟธรรมดาครับ ไปต่อรถไฟกันที่เมือง Chur
เมืองแถบๆนี้เป็นเมืองในหุบเขาทั้งหมด ทำให้อากาสเย็นมากกว่าปกติ รถไฟแล่นผ่านแต่ละหมู่บ้านมีแต่หิมะ โชคดีครับรถไฟขากลับเป็นรถไฟที่เปิดหน้าต่างได้ ทำให้ถ่ายรูปไม่ติดกระจกเลย แต่...เปิดหน้าต่างแต่ละทีต้องรีบปิด เพราะหนาวมาก
พอรถไฟไต่ขึ้นเขาแถบนี้ และพ้นเมืองในหุบเขาแถบๆ St.Moritz หิมะก็ไม่มีซักนิดเลยครับ
เมื่อเราถึง Chur ก็ต่อรถไฟไปยัง Luzern เมืองที่ใครๆที่มาสวิสต้องมา (คือทัวร์ชอบพามามาก) และที่ที่นักท่องเที่ยวต้องไปดูในเมืองนี้คือ...อนุสาวรีย์สิงโตร้องไห้ -_-" ผมมาครั้งที่แล้วก่อนหน้านี้ 1 ปีและเดินไปชมมาแล้ว ขอบอกตรงๆเลยว่า...ไปดูกันทำไม (อันนี้ความคิดเห็นส่วนตัวนะครับ บางคนอาจมองว่าสวย) มาปีนี้เลยไม่เดินไปดูดีกว่า ก็ระหว่างรอรถไฟไป Meiringen ก็เดินชมเมืองเล็กน้อย
สถานีรถไฟ Luzern
กลางเมือง Luzern มีแม่น้ำรอยซ์ไหลผ่าน ที่แม่น้ำจะมีห่านจำนวนมากว่ายไปมา แต่ที่นักท่องเที่ยวทุกคนต้องไปเยือนคือ การเดินข้ามสะพานคาเพลล์บรีคเคอ สะพานไม้เก่าแก่กลางเมือง Luzern สะพานนี้เคยถูกไฟไหม้มาแล้วครั้งหนึ่ง และทางการได้บูรณะสะพานนี้ขึ้นมาใหม่
เรามาเยือน Luzern ได้แป็บเดียวก็ต้องรีบขึ่นรถไฟต่อไปยัง Meiringen ครับ เนื่องจากญาติเราได้เตรียมฟองดูสูตรสวิสไว้รอรับพวกเราที่บ้านไว้แล้ว เลยต้องรีบกลับไปดินเนอร์
เรากลับกันด้วยรถไฟสายนี้ครับ Golden Pass Line รถไฟสายนี้พิเศษกว่ารถไฟสายอื่นตรงที่...มันมีกระจกบานใหญ่และทุกบานสามารถเลื่อนลงเพื่อเปิดได้นั่นเองครับ ระหว่างทางไป Meiringen หลับกันตลอดทางเลยครับ เลยไม่ได้ถ่ายรูปกันเลย
เมื่อถึงบ้านที่ Meiringen ฟองดูยังไม่เสร็จครับ สามีของน้าผม(เป็นคนสวิส) ก็เลยอาสาพาเราไปชมเมือง Meiringen
บริเวณหน้าบ้านที่พักครับ

เลี้ยงแกะด้วย เค้าปล่อยแกะให้กินหญ้าแถวๆหน้าบ้านครับ
ขอเล่าเรื่องวถีชีวิตของคนในบ้านเมืองเค้าซักนิดนะครับ
...ตอนเช้าตอนเดินไปสถานีรถไฟ เห็นเด็กนักเรียนกำลังเก็บขยะ คัดแยกขยะ เย็นวันนี้ชมเมืองไปก็เห็นเด็กนักเรียนกำลังกลับจากทัศนศึกษา เลยถามน้าและลูกนองน้าสาวว่าเค้าทำอะไรกัน ได้คำตอบว่า ทุกวัน(จำไม่ได้วันอะไร)ในอาทิตย์นึง เด็กในโรงเรียนทุกคนจะต้องมาทำการคัดแยกขยะให้กับเมือง เห็นว่าไม่ได้มีแค่นี้นะครับ มีกิจกรรมอื่นๆอีกเยอะ
...เห็นตารางเรียนน้องสาว (ประมาณ ป.4) แล้วเค้าเรียนกันครึ่งวันเอง ก็เลยถามว่าอีกครึ่งวันเค้าไปไหนกัน ก็ได้คำตอบว่าก็จะเป็นกิจกรรมยามว่าง เวลาเรียนบางทีครูก็จะไปดูสัตว์ นั่งดูใบไม้ ดูหอยทาก
...เวลาผมไปเที่ยวตามเมืองต่างๆของประเทศนี้ จะเห็นนักเรียนกลุ่มใหญ่พร้อมครู บางทีก็เด็กเล็กบ้าง บางทีก็เด็กโตบ้าง เดินแบกเป้เล็กๆไปทัศนศึกษากัน ลงเรือก็เจอ ขึ้นรถไฟก็เจอ ไปเดินสำรวจป่า ดูธรรมชาติกัน
ผมทึ่งกับการศึกษาบ้านเค้ามาก เค้าให้เด็กเค้าได้สัมผัสกับชีวิตจริง ได้อยู่ร่วมกับชุมชน มีส่วนช่วยชุมชนในการพัฒนาชุมชน หันกลับมาดูบ้านเรา ทุกอย่างต้องเรียนจากตำรา? เห้อออ
สนามเด็กเล็กของเมืองครับ
หลังจากนั้นสามีของคุณน้าผมก็พาขับรถยนต์ไปชมน้ำตกและโรงแรมใกล้

พาเดินไปยังหลังน้ำตกเลยทีเดียว
หลังจากนั้นก็พาไปชมโรงแรมสุดหรูริมทะเลสาบ ในบริเวณใกล้เคียงกัน หากใครได้ดูใน Part1 จะเห็นว่ามีปราสาทนึงที่เรือจาก Brienz ไปยัง Interlaken แล่นผ่าน

บรรยากาศภายในโรงแรมครับ ติดทะเลสาบและน้ำตก
ระหว่างขับรถกลับจะเห็นสายน้ำตกแบบนี้ตลอดทาง
กลับถึงบ้านก็ได้กินฟองดูสวิสพอดี

เลยได้สนทนาถึงความเป็นอยู่ของคนในประเทศนี้ น้าสาวได้เล่าถึงระบบสาธารณสุขของประเทศนี้ว่า ไม่ค่อยมีคนเจ็บป่วย เคยมีสถานพยาบาลมาสร้างในเมืองนี้ ไม่ไกลจากบ้านนัก แต่ก็เจ๊งเพราะไม่มีคนไข้ โรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุดในแถบนี้คือต้องไปเมือง Interlaken เลยทีเดียว
ตำรวจก็มีน้อย ไม่ค่อยมีคดีอะไร สนทนากันหลายเรื่องครับ ทึ่งกับความเป็นอยู่ของประเทศนี้พอสมควร
วันนี้เป็นวันสบายๆ พักผ่อนที่บ้านในเมือง Meiringen จริงๆ วันพรุ่งนี้ วันที่ 6 จะไปลุยต่อกันที่ยอดเขา Titlis วันเห็นความเลวร้ายที่สุดของทริปนี้ เดี๋ยวมาเล่าให้ฟังต่อในรีวิวถัดไปครับ
<CR> พาคุณตา คุณยาย Backpack ไปเที่ยวสวิส Part 5
พาคุณตา คุณยาย Backpack ไปเที่ยวสวิส Part 1 http://pantip.com/topic/31679785
พาคุณตา คุณยาย Backpack ไปเที่ยวสวิส Part 2 http://pantip.com/topic/31686116
พาคุณตา คุณยาย Backpack ไปเที่ยวสวิส Part 3 http://pantip.com/topic/31689197
พาคุณตา คุณยาย Backpack ไปเที่ยวสวิส Part 4 http://pantip.com/topic/31690575
วันที่ 5 St.Moritz Luzern และ Meiringen
มาต่อกันที่ตอนเช้าของเมือง St.moritz ครับ ตื่นมาตอนเช้าหิมะตกหนักมาก เราเลยต้องเรียกแท็กซี่พา เพื่อให้พาไปส่งสถานีรถไฟ
รถแท็กซี่ที่เราโดยสารมา
ที่หน้าสถานีรถไฟ
เมื่อได้เวลารถไฟมาเราก็ต้องเดินทางออกจาก St.Moritz ด้วยความเสียดาย (ยังไม่ได้เดินดูเมือง อาบน้ำแร่อะไรเลย T_T) เรากลับด้วยรถไฟธรรมดาครับ ไปต่อรถไฟกันที่เมือง Chur
เมืองแถบๆนี้เป็นเมืองในหุบเขาทั้งหมด ทำให้อากาสเย็นมากกว่าปกติ รถไฟแล่นผ่านแต่ละหมู่บ้านมีแต่หิมะ โชคดีครับรถไฟขากลับเป็นรถไฟที่เปิดหน้าต่างได้ ทำให้ถ่ายรูปไม่ติดกระจกเลย แต่...เปิดหน้าต่างแต่ละทีต้องรีบปิด เพราะหนาวมาก
พอรถไฟไต่ขึ้นเขาแถบนี้ และพ้นเมืองในหุบเขาแถบๆ St.Moritz หิมะก็ไม่มีซักนิดเลยครับ
เมื่อเราถึง Chur ก็ต่อรถไฟไปยัง Luzern เมืองที่ใครๆที่มาสวิสต้องมา (คือทัวร์ชอบพามามาก) และที่ที่นักท่องเที่ยวต้องไปดูในเมืองนี้คือ...อนุสาวรีย์สิงโตร้องไห้ -_-" ผมมาครั้งที่แล้วก่อนหน้านี้ 1 ปีและเดินไปชมมาแล้ว ขอบอกตรงๆเลยว่า...ไปดูกันทำไม (อันนี้ความคิดเห็นส่วนตัวนะครับ บางคนอาจมองว่าสวย) มาปีนี้เลยไม่เดินไปดูดีกว่า ก็ระหว่างรอรถไฟไป Meiringen ก็เดินชมเมืองเล็กน้อย
สถานีรถไฟ Luzern
กลางเมือง Luzern มีแม่น้ำรอยซ์ไหลผ่าน ที่แม่น้ำจะมีห่านจำนวนมากว่ายไปมา แต่ที่นักท่องเที่ยวทุกคนต้องไปเยือนคือ การเดินข้ามสะพานคาเพลล์บรีคเคอ สะพานไม้เก่าแก่กลางเมือง Luzern สะพานนี้เคยถูกไฟไหม้มาแล้วครั้งหนึ่ง และทางการได้บูรณะสะพานนี้ขึ้นมาใหม่
เรามาเยือน Luzern ได้แป็บเดียวก็ต้องรีบขึ่นรถไฟต่อไปยัง Meiringen ครับ เนื่องจากญาติเราได้เตรียมฟองดูสูตรสวิสไว้รอรับพวกเราที่บ้านไว้แล้ว เลยต้องรีบกลับไปดินเนอร์
เรากลับกันด้วยรถไฟสายนี้ครับ Golden Pass Line รถไฟสายนี้พิเศษกว่ารถไฟสายอื่นตรงที่...มันมีกระจกบานใหญ่และทุกบานสามารถเลื่อนลงเพื่อเปิดได้นั่นเองครับ ระหว่างทางไป Meiringen หลับกันตลอดทางเลยครับ เลยไม่ได้ถ่ายรูปกันเลย
เมื่อถึงบ้านที่ Meiringen ฟองดูยังไม่เสร็จครับ สามีของน้าผม(เป็นคนสวิส) ก็เลยอาสาพาเราไปชมเมือง Meiringen
บริเวณหน้าบ้านที่พักครับ
เลี้ยงแกะด้วย เค้าปล่อยแกะให้กินหญ้าแถวๆหน้าบ้านครับ
ขอเล่าเรื่องวถีชีวิตของคนในบ้านเมืองเค้าซักนิดนะครับ
...ตอนเช้าตอนเดินไปสถานีรถไฟ เห็นเด็กนักเรียนกำลังเก็บขยะ คัดแยกขยะ เย็นวันนี้ชมเมืองไปก็เห็นเด็กนักเรียนกำลังกลับจากทัศนศึกษา เลยถามน้าและลูกนองน้าสาวว่าเค้าทำอะไรกัน ได้คำตอบว่า ทุกวัน(จำไม่ได้วันอะไร)ในอาทิตย์นึง เด็กในโรงเรียนทุกคนจะต้องมาทำการคัดแยกขยะให้กับเมือง เห็นว่าไม่ได้มีแค่นี้นะครับ มีกิจกรรมอื่นๆอีกเยอะ
...เห็นตารางเรียนน้องสาว (ประมาณ ป.4) แล้วเค้าเรียนกันครึ่งวันเอง ก็เลยถามว่าอีกครึ่งวันเค้าไปไหนกัน ก็ได้คำตอบว่าก็จะเป็นกิจกรรมยามว่าง เวลาเรียนบางทีครูก็จะไปดูสัตว์ นั่งดูใบไม้ ดูหอยทาก
...เวลาผมไปเที่ยวตามเมืองต่างๆของประเทศนี้ จะเห็นนักเรียนกลุ่มใหญ่พร้อมครู บางทีก็เด็กเล็กบ้าง บางทีก็เด็กโตบ้าง เดินแบกเป้เล็กๆไปทัศนศึกษากัน ลงเรือก็เจอ ขึ้นรถไฟก็เจอ ไปเดินสำรวจป่า ดูธรรมชาติกัน
ผมทึ่งกับการศึกษาบ้านเค้ามาก เค้าให้เด็กเค้าได้สัมผัสกับชีวิตจริง ได้อยู่ร่วมกับชุมชน มีส่วนช่วยชุมชนในการพัฒนาชุมชน หันกลับมาดูบ้านเรา ทุกอย่างต้องเรียนจากตำรา? เห้อออ
สนามเด็กเล็กของเมืองครับ
หลังจากนั้นสามีของคุณน้าผมก็พาขับรถยนต์ไปชมน้ำตกและโรงแรมใกล้
พาเดินไปยังหลังน้ำตกเลยทีเดียว
หลังจากนั้นก็พาไปชมโรงแรมสุดหรูริมทะเลสาบ ในบริเวณใกล้เคียงกัน หากใครได้ดูใน Part1 จะเห็นว่ามีปราสาทนึงที่เรือจาก Brienz ไปยัง Interlaken แล่นผ่าน
บรรยากาศภายในโรงแรมครับ ติดทะเลสาบและน้ำตก
ระหว่างขับรถกลับจะเห็นสายน้ำตกแบบนี้ตลอดทาง
กลับถึงบ้านก็ได้กินฟองดูสวิสพอดี
เลยได้สนทนาถึงความเป็นอยู่ของคนในประเทศนี้ น้าสาวได้เล่าถึงระบบสาธารณสุขของประเทศนี้ว่า ไม่ค่อยมีคนเจ็บป่วย เคยมีสถานพยาบาลมาสร้างในเมืองนี้ ไม่ไกลจากบ้านนัก แต่ก็เจ๊งเพราะไม่มีคนไข้ โรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุดในแถบนี้คือต้องไปเมือง Interlaken เลยทีเดียว
ตำรวจก็มีน้อย ไม่ค่อยมีคดีอะไร สนทนากันหลายเรื่องครับ ทึ่งกับความเป็นอยู่ของประเทศนี้พอสมควร
วันนี้เป็นวันสบายๆ พักผ่อนที่บ้านในเมือง Meiringen จริงๆ วันพรุ่งนี้ วันที่ 6 จะไปลุยต่อกันที่ยอดเขา Titlis วันเห็นความเลวร้ายที่สุดของทริปนี้ เดี๋ยวมาเล่าให้ฟังต่อในรีวิวถัดไปครับ