รีวิวที่แล้วๆครับ
พาคุณตา คุณยาย Backpack ไปเที่ยวสวิส Part 1
http://pantip.com/topic/31679785
พาคุณตา คุณยาย Backpack ไปเที่ยวสวิส Part 2
http://pantip.com/topic/31686116
พาคุณตา คุณยาย Backpack ไปเที่ยวสวิส Part 3
http://pantip.com/topic/31689197
วันที่ 4 รถไฟสายธารน้ำแข็ง Glacier Express และเมือง St.Moritz
วันที่ 4 ของการพาตายายไปเยือนสวิส เนื่องจากวันที่ 3 ยายผมเป็นลมบน Gronergrat ร่างกายอ่อนเพลีย วันที่ 4 เลยต้องให้ยายพักที่บ้าน ยายเลยอดไปด้วย ส่วนคุณตาตอนแรกว่าจะให้พัก แต่แกยืนยันว่าจะไปให้ได้ (ดีนะที่ให้แกไป เพราะแกประทับใจมาก)
เราเริ่มขึ้นรถไฟจาก Meiringen แล้วไปต่อรถไฟกันที่ Interlaken Ost (เหมือนเดิม) จากนั้นก็ไปต่อรถไฟที่ Spiez ลอดอุโมงค์เทือกเขาแอลป์ ไปจนถึงเมือง Visp เราจะรอรถไฟ Glacier Express กันที่สถานีนี้
รถไฟสาย Glacier Express มีบางคนเค้าว่ากันว่าเป็นรถไฟสายที่สวยที่สุดในโลก (ขนาดนั้น) รถไฟสายนี้เป็นรถไฟที่วิ่งจากเมือง Zermatt ไปยังเมือง St.Moritz ผ่านทางตอนใต้ของประเทศ Switzerland ระยะทางกว่า 290 กม. ใช้เวลาการวิ่งกว่า 7 ชั่วโมง ผ่าน 91 อุโมงค์ และ 291 สะพาน เป็นรถไฟที่วิ่งช้ามาก เพื่อให้ทุกท่านได้ชมบรรยากาศข้างทางได้เต็มที่ สำหรับท่านที่มี Swiss Pass นั้นสามารถเบ่งขึ้นฟรีครับ แต่ทุกคนที่ขึ้นต้องเสียค่าจอง ซึ่งสวิสพาสใช้ไม่ได้ ราคาการจองประมาณ 33 CHF ในฤดูร้อน และ 13 CHF ในฤดูหนาว ทุกท่านสามารถเข้าไปจองใน website นี้ได้เลย
http://www.glacierexpress.ch/EN/spezial_offers/Pages/GlacierExpressStep1.aspx?catalog=GlacierExpress&productId=1001
เราสามารถที่จะเอาอาหารจากข้างนอกไปกินบนรถไฟก็ได้ หรือจะสั่งอาหารบนรถไฟก็ได้ (จะให้รถไฟทำอาหารให้ ต้องสั่งจองไปทาง website ก่อนนะครับ) แต่ระหว่างทางจะมีพนักงานรถไฟเอาขนม ชา กาแฟ มาขายตลอดทาง
เมื่อเราไปถึง Visp ปรากฎว่าฝนตกครับ ทำให้อากาศหนาวมาก ต้องไปหลบความหนาวกันในสถานีรถไฟ พร้อมทั้งตุนเสบียงขึ้นไปทานบนรถไฟกัน (คิดในแง่ดี จะว่าโชคดีก็ได้นะครับที่ฝนมาตกวันนั้น เพราะเป็นวันที่นั่งรถไฟทั้งวัน) ตอนที่เราไปถือว่าโชคดีมาก เพราะคนไม่ค่อยมี ตอนแรกทั้งตู้มีแต่คณะผม 6 คน พนักงานเลยให้ที่นั่งเพิ่มคือเกือบครึ่งคัน คือประมาณ 12 ที่นั่ง
เสบียงอาหารเพียบ
ภายในรถไฟสายธารน้ำแข็ง จะเป็นกระจกแบบ Panoramic View เมื่อก่อนเค้าว่าเปิดได้ด้วย แต่ตอนที่ผมไปเปิดไม่ได้แล้ว

ฝนตกตลอดทำให้มีหมอกควันตลอดทาง
ไต่ขึ้นไปอยู่บนเขาที่มีแต่หิมะ บางช่วงมีธารน้ำแข็งที่ไม่ใหญ่มากนัก ตลอดทาง
แล้วรถไฟก็ไปจอดพักแป๊บนึงที่เมือง Andermatt ได้ลงไปถ่ายรูป
จาก Andermatt รถไฟจะวิ่งไปเมือง Chur เส้นทางนี้ เมื่อก่อนรถไฟจะต้องวิ่งผ่านธารน้ำแข็งขนาดใหญ่ คือ ธารน้ำแข็งโรน บนเทือกเขาแอลป์ แต่ด้วยสภาวะอากาศ ภาวะโลกร้อน ทำให้ธารน้ำแข็งนี้ละลายและมีขนาดเล็กลงไปมาก ประกอบกับประเทศสวิสได้ขุดอุโมงค์ฟูคาร์ลอดธารน้ำแข็งนี้ไปเสียแล้ว (เสียดายจัง) ขนาดไม่มีธารน้ำแข็งขนาดใหญ่ แต่ทัศนยภาพข้างทางจาก Andermatt ไป Chur ยังสวยขนาดนี้ ผมถือว่าให้อภัยกันได้ (เพราะมันสวยจริง) แต่จาก Chur ไป St.moritz สวยกว่ามาก สุดจะบรรยายจริงๆ
เส้นทางจาก Andermatt ไป Chur หลังจากลอดอุโมงค์แล้ว เสียดายจัง ช่วงนี้ไม่ค่อยได้ถ่ายรูป มัวแต่นั่งฟิน
แล้วเราก็ถึง Chur ครับ เมือง Chur ถือเป็นเมืองหลวงของแคว้นนี้ เป็นเมืองขนาดใหญ่ ทำให้ไม่ค่อยมีทิวทัศน์อะไรเท่าไหร่ มีแต่ตึกแต่ทางรถไฟจาก Chur ไป St.moritz นี่สิครับ สุดๆ
**แนะนำให้นั่งมาจาก Visp ให้นั่งขบวนหน้าๆนะครับ เพราะถึง Chur แล้วรถไฟจะเปลี่ยนเป็นขบวนหลัง เราจะเห็นรถไฟข้ามสะพาน Landwasser เข้าอุโมงค์ไป ถือเป็นไฮไลท์ของรถไฟสายนี้ครับ
เส้นทางจาก Chur ไป St.moritz จะผ่านหมู่บ้านต่างๆมากมาย ผ่านโบสถ์รูปร่างแปลกๆ ผ่านช่องเขาอัลบูลา(แถวๆสถานี Filisur) เส้นทางรถไฟสายนี้จะวกวนแบบวงแหวนหลายที่เลยครับ เพื่อไต่ระดับขึ้นเขาประมาณ 6 ที่ เล่นเอาหลงทิศกันได้ง่ายๆนะครับ แต่ก็เป็นเส้นทางที่โรแมนติกมากๆ
แต่ไฮไลท์ทีเด็ดสุดๆของรถไฟสายนี้ คือ การที่รถไฟวิ่งข้ามสะพาน Landwasser เข้าอุโมงค์ สะพาน Landwasser ถือเป็นความมหัศจรรย์ของการวิศวกรรมการก่อสร้างสะพานข้ามแม่น้ำเลยทีเดียว สะพานอยู่สูงจากเบื้องล่าง 60 ม. ยาว 142 ม. ตีวงโค้งบนสะพานหิน 6 ซุ้มโค้ง แล้วไหลเข้าอุโมงค์ไปเลย
เมื่อรถไฟออกจากสถานีทีเฟลคัสเทิลแล้ว ให้เราเตรียมตัวถ่านรูปได้เลยครับ รถไฟจะข้ามไหลเข้าไปในอุโมงค์อย่างช้าๆ
แล้วเราก็ถึง St.Moritz
ตอนไปถึงไม่ค่อยได้ถ่ายรูปเลย เพราะอากาศหนาวมากก St.moritz เป็นเมืองในหุบ ทำให้อากาศหนาวตลอดทั้งปี แต่วันที่ผมไปฝนเพิ่งตก ทำให้อากาศหนาวมากกก
ขอเล่าเมือง St.moritz นิดนึงนะครับ เมืองนี้เป็นเมืองตากอากาศสุดหรูของประเทศสวิส ที่พัก โรงแรมของเมืองนี้มีราคาแพงมากกก คนส่วนใหญ่มาที่นี่เพื่อมาเล่นสกี และกีฬาฤดูหนาว (เคยได้รับเกียรติให้เป็นเจ้าภาพจัดกีฬาโอลิมปิคฤดูหนาว 2 ครั้ง) และมาพักผ่อน ในเมืองมีบ่อน้ำแร่ธรรมชาติให้อาบ (แต่ไม่ได้ไป เพราะไปไม่ไหว) กลางเมืองมีทะเลสาบขนาดใหญ่ และที่สำคัญมีสินค้าแบรนด์เนมชื่อดังให้ขาช็อปได้ช็อปกัน
ไปถึงด้วยอากาศที่หนาวจัด เลยขอเข้า โรงแรมด่วนๆ จอง โรงแรม Hotel Stille ไว้ โรงแรมนี้ราคาพอๆกับ Youth Hotel ของเมืองนี้ แต่มันมีห้องขนาดใหญ่ ที่มีห้องรับแขกพร้อมห้องนอนอย่างดีให้ (ไปเห็นครั้งแรก ราคานี้ได้ไงวะ) แต่โรงแรมนี้ระยะค่อนข้างไกลประมาณ 2 กม.จากสถานีรถไฟ จะเดินก็ได้แต่ถ้าไม่ไหวก็มีรถเมล์ แต่วันที่ไปคุณตาผมไปด้วย เลยต้องเรียกแท็กซี่ไป (จำราคาไม่ได้ละว่าเท่าไหร่) ไปถึงโรงแรมไม่มีอาหารอะไรขายเลย ต้องเดินไปในเมืองก็ปิดทุกร้าน COOP ก็ปิดตั้งแต่ 18.00 น. เลยกลับมานั่งกินมาม่า โจ๊กคัพกันที่โรงแรม (พอดียัดกระเป๋าเตรียมพวกนี้มาเยอะมาก ห้องพักมีห้องครัวในห้อง พร้อมทั้งกาน้ำร้อน และจานชามอย่างดี) เลยประทังชีวิตได้ในวันนี้ ตอนเย็นๆหิมะกระหน่ำตกหนักมาก เลยไม่ได้ออกไปไหนเลย เสียดาย
เดี๋ยวมารีวิวต่อวันที่ 5 นะครับ เดินทางกลับ ชมเมือง Luzern และเที่ยวสบายๆที่ Meiringen
<CR> พาคุณตา คุณยาย Backpack ไปเที่ยวสวิส Part 4
พาคุณตา คุณยาย Backpack ไปเที่ยวสวิส Part 1 http://pantip.com/topic/31679785
พาคุณตา คุณยาย Backpack ไปเที่ยวสวิส Part 2 http://pantip.com/topic/31686116
พาคุณตา คุณยาย Backpack ไปเที่ยวสวิส Part 3 http://pantip.com/topic/31689197
วันที่ 4 รถไฟสายธารน้ำแข็ง Glacier Express และเมือง St.Moritz
วันที่ 4 ของการพาตายายไปเยือนสวิส เนื่องจากวันที่ 3 ยายผมเป็นลมบน Gronergrat ร่างกายอ่อนเพลีย วันที่ 4 เลยต้องให้ยายพักที่บ้าน ยายเลยอดไปด้วย ส่วนคุณตาตอนแรกว่าจะให้พัก แต่แกยืนยันว่าจะไปให้ได้ (ดีนะที่ให้แกไป เพราะแกประทับใจมาก)
เราเริ่มขึ้นรถไฟจาก Meiringen แล้วไปต่อรถไฟกันที่ Interlaken Ost (เหมือนเดิม) จากนั้นก็ไปต่อรถไฟที่ Spiez ลอดอุโมงค์เทือกเขาแอลป์ ไปจนถึงเมือง Visp เราจะรอรถไฟ Glacier Express กันที่สถานีนี้
รถไฟสาย Glacier Express มีบางคนเค้าว่ากันว่าเป็นรถไฟสายที่สวยที่สุดในโลก (ขนาดนั้น) รถไฟสายนี้เป็นรถไฟที่วิ่งจากเมือง Zermatt ไปยังเมือง St.Moritz ผ่านทางตอนใต้ของประเทศ Switzerland ระยะทางกว่า 290 กม. ใช้เวลาการวิ่งกว่า 7 ชั่วโมง ผ่าน 91 อุโมงค์ และ 291 สะพาน เป็นรถไฟที่วิ่งช้ามาก เพื่อให้ทุกท่านได้ชมบรรยากาศข้างทางได้เต็มที่ สำหรับท่านที่มี Swiss Pass นั้นสามารถเบ่งขึ้นฟรีครับ แต่ทุกคนที่ขึ้นต้องเสียค่าจอง ซึ่งสวิสพาสใช้ไม่ได้ ราคาการจองประมาณ 33 CHF ในฤดูร้อน และ 13 CHF ในฤดูหนาว ทุกท่านสามารถเข้าไปจองใน website นี้ได้เลย http://www.glacierexpress.ch/EN/spezial_offers/Pages/GlacierExpressStep1.aspx?catalog=GlacierExpress&productId=1001
เราสามารถที่จะเอาอาหารจากข้างนอกไปกินบนรถไฟก็ได้ หรือจะสั่งอาหารบนรถไฟก็ได้ (จะให้รถไฟทำอาหารให้ ต้องสั่งจองไปทาง website ก่อนนะครับ) แต่ระหว่างทางจะมีพนักงานรถไฟเอาขนม ชา กาแฟ มาขายตลอดทาง
เมื่อเราไปถึง Visp ปรากฎว่าฝนตกครับ ทำให้อากาศหนาวมาก ต้องไปหลบความหนาวกันในสถานีรถไฟ พร้อมทั้งตุนเสบียงขึ้นไปทานบนรถไฟกัน (คิดในแง่ดี จะว่าโชคดีก็ได้นะครับที่ฝนมาตกวันนั้น เพราะเป็นวันที่นั่งรถไฟทั้งวัน) ตอนที่เราไปถือว่าโชคดีมาก เพราะคนไม่ค่อยมี ตอนแรกทั้งตู้มีแต่คณะผม 6 คน พนักงานเลยให้ที่นั่งเพิ่มคือเกือบครึ่งคัน คือประมาณ 12 ที่นั่ง
เสบียงอาหารเพียบ
ภายในรถไฟสายธารน้ำแข็ง จะเป็นกระจกแบบ Panoramic View เมื่อก่อนเค้าว่าเปิดได้ด้วย แต่ตอนที่ผมไปเปิดไม่ได้แล้ว
ฝนตกตลอดทำให้มีหมอกควันตลอดทาง
ไต่ขึ้นไปอยู่บนเขาที่มีแต่หิมะ บางช่วงมีธารน้ำแข็งที่ไม่ใหญ่มากนัก ตลอดทาง
แล้วรถไฟก็ไปจอดพักแป๊บนึงที่เมือง Andermatt ได้ลงไปถ่ายรูป
จาก Andermatt รถไฟจะวิ่งไปเมือง Chur เส้นทางนี้ เมื่อก่อนรถไฟจะต้องวิ่งผ่านธารน้ำแข็งขนาดใหญ่ คือ ธารน้ำแข็งโรน บนเทือกเขาแอลป์ แต่ด้วยสภาวะอากาศ ภาวะโลกร้อน ทำให้ธารน้ำแข็งนี้ละลายและมีขนาดเล็กลงไปมาก ประกอบกับประเทศสวิสได้ขุดอุโมงค์ฟูคาร์ลอดธารน้ำแข็งนี้ไปเสียแล้ว (เสียดายจัง) ขนาดไม่มีธารน้ำแข็งขนาดใหญ่ แต่ทัศนยภาพข้างทางจาก Andermatt ไป Chur ยังสวยขนาดนี้ ผมถือว่าให้อภัยกันได้ (เพราะมันสวยจริง) แต่จาก Chur ไป St.moritz สวยกว่ามาก สุดจะบรรยายจริงๆ
เส้นทางจาก Andermatt ไป Chur หลังจากลอดอุโมงค์แล้ว เสียดายจัง ช่วงนี้ไม่ค่อยได้ถ่ายรูป มัวแต่นั่งฟิน
แล้วเราก็ถึง Chur ครับ เมือง Chur ถือเป็นเมืองหลวงของแคว้นนี้ เป็นเมืองขนาดใหญ่ ทำให้ไม่ค่อยมีทิวทัศน์อะไรเท่าไหร่ มีแต่ตึกแต่ทางรถไฟจาก Chur ไป St.moritz นี่สิครับ สุดๆ
**แนะนำให้นั่งมาจาก Visp ให้นั่งขบวนหน้าๆนะครับ เพราะถึง Chur แล้วรถไฟจะเปลี่ยนเป็นขบวนหลัง เราจะเห็นรถไฟข้ามสะพาน Landwasser เข้าอุโมงค์ไป ถือเป็นไฮไลท์ของรถไฟสายนี้ครับ
เส้นทางจาก Chur ไป St.moritz จะผ่านหมู่บ้านต่างๆมากมาย ผ่านโบสถ์รูปร่างแปลกๆ ผ่านช่องเขาอัลบูลา(แถวๆสถานี Filisur) เส้นทางรถไฟสายนี้จะวกวนแบบวงแหวนหลายที่เลยครับ เพื่อไต่ระดับขึ้นเขาประมาณ 6 ที่ เล่นเอาหลงทิศกันได้ง่ายๆนะครับ แต่ก็เป็นเส้นทางที่โรแมนติกมากๆ
แต่ไฮไลท์ทีเด็ดสุดๆของรถไฟสายนี้ คือ การที่รถไฟวิ่งข้ามสะพาน Landwasser เข้าอุโมงค์ สะพาน Landwasser ถือเป็นความมหัศจรรย์ของการวิศวกรรมการก่อสร้างสะพานข้ามแม่น้ำเลยทีเดียว สะพานอยู่สูงจากเบื้องล่าง 60 ม. ยาว 142 ม. ตีวงโค้งบนสะพานหิน 6 ซุ้มโค้ง แล้วไหลเข้าอุโมงค์ไปเลย
เมื่อรถไฟออกจากสถานีทีเฟลคัสเทิลแล้ว ให้เราเตรียมตัวถ่านรูปได้เลยครับ รถไฟจะข้ามไหลเข้าไปในอุโมงค์อย่างช้าๆ
แล้วเราก็ถึง St.Moritz
ตอนไปถึงไม่ค่อยได้ถ่ายรูปเลย เพราะอากาศหนาวมากก St.moritz เป็นเมืองในหุบ ทำให้อากาศหนาวตลอดทั้งปี แต่วันที่ผมไปฝนเพิ่งตก ทำให้อากาศหนาวมากกก
ขอเล่าเมือง St.moritz นิดนึงนะครับ เมืองนี้เป็นเมืองตากอากาศสุดหรูของประเทศสวิส ที่พัก โรงแรมของเมืองนี้มีราคาแพงมากกก คนส่วนใหญ่มาที่นี่เพื่อมาเล่นสกี และกีฬาฤดูหนาว (เคยได้รับเกียรติให้เป็นเจ้าภาพจัดกีฬาโอลิมปิคฤดูหนาว 2 ครั้ง) และมาพักผ่อน ในเมืองมีบ่อน้ำแร่ธรรมชาติให้อาบ (แต่ไม่ได้ไป เพราะไปไม่ไหว) กลางเมืองมีทะเลสาบขนาดใหญ่ และที่สำคัญมีสินค้าแบรนด์เนมชื่อดังให้ขาช็อปได้ช็อปกัน
ไปถึงด้วยอากาศที่หนาวจัด เลยขอเข้า โรงแรมด่วนๆ จอง โรงแรม Hotel Stille ไว้ โรงแรมนี้ราคาพอๆกับ Youth Hotel ของเมืองนี้ แต่มันมีห้องขนาดใหญ่ ที่มีห้องรับแขกพร้อมห้องนอนอย่างดีให้ (ไปเห็นครั้งแรก ราคานี้ได้ไงวะ) แต่โรงแรมนี้ระยะค่อนข้างไกลประมาณ 2 กม.จากสถานีรถไฟ จะเดินก็ได้แต่ถ้าไม่ไหวก็มีรถเมล์ แต่วันที่ไปคุณตาผมไปด้วย เลยต้องเรียกแท็กซี่ไป (จำราคาไม่ได้ละว่าเท่าไหร่) ไปถึงโรงแรมไม่มีอาหารอะไรขายเลย ต้องเดินไปในเมืองก็ปิดทุกร้าน COOP ก็ปิดตั้งแต่ 18.00 น. เลยกลับมานั่งกินมาม่า โจ๊กคัพกันที่โรงแรม (พอดียัดกระเป๋าเตรียมพวกนี้มาเยอะมาก ห้องพักมีห้องครัวในห้อง พร้อมทั้งกาน้ำร้อน และจานชามอย่างดี) เลยประทังชีวิตได้ในวันนี้ ตอนเย็นๆหิมะกระหน่ำตกหนักมาก เลยไม่ได้ออกไปไหนเลย เสียดาย
เดี๋ยวมารีวิวต่อวันที่ 5 นะครับ เดินทางกลับ ชมเมือง Luzern และเที่ยวสบายๆที่ Meiringen