พี่ชาย My bromance (Spoil)

สวัสดีค่ะท่านผู้อ่านทั้งหลาย ในช่วงนี้มีภาพยนตร์หลายเรื่องเข้าโรงพร้อมๆกัน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นหนังฟอร์มยักษ์ที่หลายๆคนตั้งหน้าตั้งตารอ ไม่ว่าจะเป็น Robocob, Pompeii หรือภาพยนตร์สัญชาติไทยอย่าง Time line จดหมาย ความทรงจำ ที่เรียกน้ำตาคนดูได้ทั้งโรงมาแล้ว แต่มีภาพยนตร์เรื่องหนึ่งที่เข้าฉายในโรงแต่ล่ะจังหวัดน้อยเหลือเกิน และมิหนำซ้ำบางที่ยังฉายแค่รอบเดียวต่อวัน
        เอาล่ะค่ะเข้าเรื่องกันเลย เมื่อวานนี้ได้มีโอกาสได้ไปดูหนังเรื่อง พี่ชาย my bromance เป็นหนังฟอร์มเล็ก ไม่ติดกระแส แต่ไม่น่าเชื่อว่าคนดูเต็มโรงกันเลยทีเดียว กับยอดฉายวันแรก 0.14 ล้านบาท เรียกได้ว่าเป็นภาพยนตร์ที่มีคนดูเกินคาด
        ก่อนหน้านี้ได้เคยอ่านฟิคเรื่องนี้ที่เล้าเป็ด (เป็นสาววายค่ะ) เมื่อตอนอยู่ ม.3 ค่ะ โดยเรื่องนี้ได้ถ่ายทอดออกมาในเรื่องราวของพี่และน้อง ต่างพ่อแม่กันมาอยู่บ้านเดียวกันและเกิดความรักขึ้นมา แต่สิ่งที่ตามมาคือถูกขัดขวางจากบุคคลที่ใกล้ตัวที่สุด นั่นคือครอบครัว ซึ่งเรื่องนี้ถือว่าเป็นเรื่องสั้นที่ดีสำหรับเราอีกเรื่องหนึ่ง ในช่วงนั้นแอบนั่งคิดอยู่คนเดียวว่าถ้ามีใครสักคนเอาเรื่องนี้ไปทำเป็นหนังก็จะดีเลยทีเดียว จากนั้นหลายปีผ่านไปเรามีคนรู้จักที่เชียงใหม่ส่งเพจมาให้กดไลค์ให้นั่นคือเพจของค่ายหนังวายุฟิล์ม ในตอนแรกก็ไม่ได้สังเกตุหรอกค่ะว่ามันเป็นเพจเกี่ยวกับอะไรได้แต่กดไลค์ไปเท่านั้น แต่พอเลื่อนลงมาอ่านเท่านั้นแหละ แทบกรี๊ด เพราะว่ามีคนนำเรื่องที่เราได้อ่านมาทำเป็นหนัง และสถานที่ก็ถ่ายกันที่เชียงใหม่ทั้งหมดเลย ไม่ว่าจะเป็นวัดถ้ำเชียงดาว  หรือวัดเจดีย์หลวง รวมถึงในตัวเมืองเชียงใหม่ เราตั้งหน้าตั้งตารอหนังเรื่องนี้และได้เข้าไปดูความเคลื่อนไหวตั้งแต่เปิดกล้อง เรียกได้ว่าบ้าคลั่งเลยทีเดียว และอาจเป็นเพราะนักแสดงด้วย อิอิ แต่ท้ายที่สุดการรอคอยก็มาถึง ในตอนแรกคุยกับเพื่อนว่าคงไม่มีใครไปดูเหมือนเราหรอก หนังก็มีฉายแค่รอบเดียว แต่เมื่อไปถึงที่โรงหนังปรากฏว่าเหลือแค่สองที่กับเพื่อนเราพอดี และไม่ต้องเดาเลยค่ะว่าคนที่ไปดูเป็นแบบไหน ฮ่าๆ
        ภาพยนตร์ได้ถ่ายทอดเรื่องราวต่างๆผ่านตัวละครและบุคคลรอบข้างไม่ว่าจะเป็น ครอบครัว เพื่อน หรือแม้กระทั่งสังคม ที่มีมุมมองต่อความหลากหลายทางเพศ ซึ่งสำหรับคนที่เป็นเพศที่สามคงรู้ดีว่าอีกด้านหนึ่งของสังคมก็รับไม่ได้กับเรื่องพวกนี้เท่าไหร่ เพราะคนเหล่านั้นคิดว่าผู้หญิงต้องคู่กับผู้ชายเท่านั้น แต่ใครกันล่ะค่ะที่เป็นผู้กำหนดมันขึ้นมา กลับกันในอีกด้านหนึ่งของภาพยนตร์เรื่องนี้ก็มีแง่มุมดีๆของมิตรภาพ  ไม่ว่าเพื่อนจะเป็นอย่างไร มีรสนิยมเพศแบบไหน คนเป็นเพื่อนกันก็รับได้หมด และขึ้นชื่อว่าความรักแล้วไม่ว่าจะออกมาเป็นรูปแบบไหนมันคือสิ่งที่ดี อีกทั้งตัวละครยังสื่อถึงความรักที่บริสุทธิ์ไม่สามารถอธิบายได้ และในเรื่องนี้ครอบครัวเป็นส่วนสำคัญในการดำเนินเรื่องมาถึงตอนจบโดยที่พวกเขาไม่เห็นด้วยกับการรักครั้งนี้เพียงเพราะว่าทั้งสองเป็นพี่น้องกัน ที่สำคัญเป็นผู้ชายทั้งคู่ ก็เลยทำให้เรื่องนี้ไม่ได้จบแบบแฮปปี้เอ็นดิ้ง แต่ก็ยังรู้สึกอบอุ่น และได้ข้อคิดฝากไว้ให้กับสังคมมากมายหลายคนที่เดินผ่านและเห็นโปรเตอร์คงคิดว่าเป็นหนังเกย์ แน่นอนค่ะคิดถูกแล้วแต่ไม่ใช่หนังชายรักชายที่มีเซ็กซ์กันเพียงข้ามคืนแล้วก็จบ แต่เป็นหนังที่มองข้ามเรื่องเพศไป มองผ่านความรักโดยใช้หัวใจ โดยส่วนตัวแล้วต้องขอบคุณผู้กำกับที่สร้างหนังแนวนี้ขึ้นมา ไม่ใช่หนังเรื่องแรกที่มีเนื้อเรื่องแบบนี้ มีหลายเรื่องที่เราดูแล้วรู้สึกประทับใจคุ้มค่ากับเงินที่จ่ายไปค่ะ มองดูลึกๆแล้วมันเป็นการตอกย้ำกับสังคมในยุคปัจจุบันว่า เพศเดียวกันก็รักกันได้ อยู่ด้วยกันไปจนแก่เหมือนกับคู่หญิงชายทั่วๆไป มองอีกแง่หนึ่งก็เหมือนการปลูกฝังให้กับคนรุ่นใหม่เสียด้วยซ้ำว่า คนที่เป็นเพศที่สามไม่ได้มีความผิดปกติใดๆ สามารถมีความรักที่ยั่งยืนได้ และมีที่ยืนในสังคมได้อย่างสง่างาม โดยใช้ความสามารถที่เขามีสร้างสรรค์สิ่งสวยงาม และทำให้คนรอบข้างได้หัวเราะอยู่เสมอ แต่สิ่งที่มาคู่กับภาพยนตร์ทุกเรื่องนั่นก็เพลง ในเรื่องนี้ได้ปล่อยเพลงของวงสราญรมย์ออกมาก่อนชื่อว่าเพลง ไม่แปรผัน เป็นอีกส่วนที่ถ่ายทอดเรื่องราวของหนังทั้งหมดออกมาเป็นบทเพลง ซึ่งมีเนื้อร้องอยู่ท่อนหนึ่งว่า ใครขีดเอาไว้ให้รักเราเพียงแค่ความฝัน มีทางใดให้เรารักกันให้ฉันไม่ต้องหลับตา เป็นประโยคที่ฟังแล้วรู้สึกเศร้า และถ้าได้ดูหนังจะเข้าใจมากกว่านี้ ไปลองฟังกันดูนะค่ะ หวังว่าหลายๆท่านคงชอบค่ะ
        พี่ชาย my bromance เป็นหนังชายรักชายที่เปิดตัวในต้นปีที่ดีอีกเรื่องไม่แพ้เรื่องอื่นๆ และได้การตอบรับอย่างดีเลยทีเดียว เป็นหนังรักที่ไม่มีทางเป็นไปได้  โดยที่เพื่อความรักแล้วพวกเขาทำอะไรให้กัน พวกเขาทำอะไรเพื่อให้ความรักครั้งนี้อยู่ต่อไปได้  และปฏิเสธไม่ได้เลยว่าเป็นหนังรักที่อบอุ่นหัวใจจริงๆ  หลายคนที่อ่านมาถึงจุดนี้คงคิดว่าเราเป็นคนมองโลกสวยใช่ไหมค่ะ ถูกค่ะไม่ปฏิเสธ เพราะเรามองว่าเรื่องความรักเป็นสิ่งที่สวยงาม มนุษย์ทุกคนมีสิทธิ์ที่จะรักและเลือกที่จะอยู่ในสังคมได้โดยไม่ต้องปิดบังอะไร ไม่มีใครเลือกเกิดได้แต่เลือกที่จะเป็นได้อย่างที่ใครๆเขาก็พูดกัน โลกเราจะน่าอยู่มากกว่านี้ถ้าทุกคนที่เราเดินผ่านมองเรื่องพวกนี้เป็นเรื่องธรรมดา ไม่มีอคติ หรือรังเกียจใดๆ ท้ายที่สุดแล้วขอบคุณผู้อ่านทุกท่านที่อ่านมาถึงตอนสุดท้ายใครได้ไปดูหนังเรื่องนี้มาแล้วบ้างช่วยแชร์ด้วยนะค่ะ

คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่