ลำดับเหตุการณ์และการให้ความหมาย มีแต่มนุษย์
และมนุษย์เท่านั้นที่ทำเช่นนั้นอย่างมีสำนึก
แต่ละเหตุการณ์เป็นสิ่งในตัว มันคือการปรากฏของเครือข่ายความหลากหลาย ข้างหลังมันคือ ความจริงอื่นที่ดำรงอยู่เป็นพื้นหลัง
ไม่มีอะไรโดดเดี่ยว อย่างเดียวที่ดำรงอยู่ สรรพสิ่งเกาะกุมกัน เกี่ยวข้องกัน เป็นโลกหลากหลายที่ถักทอกันเป็นผืนแถบของความจริง
มนุษย์คือ ผู้ให้น้ำหนักกับเหตุการณ์ เป็นการหาความเชื่อมโยง และสถาปนาขึ้นเป็นความรู้ ที่ดำรงในภาษา
ความรู้ คือ อำนาจโดยภาษา และภาษาดำรงผ่านจิตสำนึก ที่ประหนึ่งพระเจ้าที่อยู่ต่อหน้ามนุษย์
พระเจ้าสร้างโลกโดยพระวาทะ(The Word)
มนุษย์สร้างโลกของเขาขึ้นล้อ-โหนโลกธรรมชาติ โดยภาษา หรือ ความรู้
ความรู้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาที่มีการสะสม
ในขณะที่สติปัญญาเป็นญาณปัญญาที่มาจากการหยั่งรู้และส่งผ่านทางวัฒนธรรมและศาสนา
จุดเริ่มของสรรพสิ่งอยู่ใน ความไร้ระเบียบ อันเป็นกระบวนการจัดการตนเองของพลังธรรมชาติ ที่มีความหลากหลายเป็นสรณะ
และก่อรูปของความรู้ ภาษา และญาณปัญญาก็มีหน่ออ่อนที่นั่น แล้วสืบต่อ ต่อเนื่องเป็นสติปัญญา และความรู้ ที่ใช้งานได้
..มีแต่ในมนุษย์
และมนุษย์เท่านั้นที่ทำเช่นนั้นอย่างมีสำนึก
แต่ละเหตุการณ์เป็นสิ่งในตัว มันคือการปรากฏของเครือข่ายความหลากหลาย ข้างหลังมันคือ ความจริงอื่นที่ดำรงอยู่เป็นพื้นหลัง
ไม่มีอะไรโดดเดี่ยว อย่างเดียวที่ดำรงอยู่ สรรพสิ่งเกาะกุมกัน เกี่ยวข้องกัน เป็นโลกหลากหลายที่ถักทอกันเป็นผืนแถบของความจริง
มนุษย์คือ ผู้ให้น้ำหนักกับเหตุการณ์ เป็นการหาความเชื่อมโยง และสถาปนาขึ้นเป็นความรู้ ที่ดำรงในภาษา
ความรู้ คือ อำนาจโดยภาษา และภาษาดำรงผ่านจิตสำนึก ที่ประหนึ่งพระเจ้าที่อยู่ต่อหน้ามนุษย์
พระเจ้าสร้างโลกโดยพระวาทะ(The Word)
มนุษย์สร้างโลกของเขาขึ้นล้อ-โหนโลกธรรมชาติ โดยภาษา หรือ ความรู้
ความรู้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาที่มีการสะสม
ในขณะที่สติปัญญาเป็นญาณปัญญาที่มาจากการหยั่งรู้และส่งผ่านทางวัฒนธรรมและศาสนา
จุดเริ่มของสรรพสิ่งอยู่ใน ความไร้ระเบียบ อันเป็นกระบวนการจัดการตนเองของพลังธรรมชาติ ที่มีความหลากหลายเป็นสรณะ
และก่อรูปของความรู้ ภาษา และญาณปัญญาก็มีหน่ออ่อนที่นั่น แล้วสืบต่อ ต่อเนื่องเป็นสติปัญญา และความรู้ ที่ใช้งานได้