สังคมไทย...สังคมดัดจริต

สังคมดัดจริต.....(ตอนที่ 1)

ตื่นเกือบไม่ทันเลยต้องเร่ง จนลืมทักทายแควนๆ กว่าจะมีเวลาก็ล่อไปเกือบบ่ายสาม แต่ก็โอเคเพราะมีข้อมูลมาเขียนเยอะแยะมากมาย บางเรื่องอาจเก่าแต่พูดถึงทีไร เจ็บปวดทุกที เริ่มเบยละกัน...

1. "เจ้าขุนมูลนาย สู่ การคอรัปชั่นอย่างสมบูรณ์"...

โถถถถถถถถถถๆๆๆๆๆ ถ้าใครก็ตามที่ไม่ยอมรับหัวข้อข้างต้น เราคงเหมือนพวกหลอกตัวเอง เรื่องราวเหล่านี้มันไม่เคยหายไปจากสังคมไทย แม้แต่สังคมโลกก็เถอะ ไอ้เรื่องเหยียดผิว รังเกียจเชื้อชาติมันก็ยังมีอยู่ เพียงแต่ว่ามันได้รับการปกป้องมากกว่าในบ้านเรา แต่ก็เหอะแมร่งก็ยังมีอภิสิทธิให้กับคนบางกลุ่มบางพวกอยู่เหมือนเดิม ตัวอย่างง่ายๆ นี่ไงในอังกฤษไง เมืองผู้ดีไง นักฟุตบอลทีมสีแดงไง เป็นพวกต่างชาติไง มันเหยียดผิวฝั่งตรงข้าม ทีมสีแดงเหมือนกันไง แมร่งโดนแบน 8 นัดไง แต่พอคนบ้านมันไง ทีมสีฟ้าไง เหยียดผิวไง แต่เป็นคนอังกฤษไง ผู้ดีไง หลักฐานชัดเจนไง แมร่งเป็นไง ไม่โดนห่าอะไรเลยไง เป็นไง... กลับมาบ้านเราไอ้เรื่องเหยียดผิว บ้านเราแมร่งไม่มีหรอก ดูดีกว่าเยอะ ไม่ใช่อะไรหรอก พวกเราแมร่งคุ้นเคยแหละ ผมเองชินมากโดนเพื่อนล้อประจำ พอตกค่ำหน่อยเพื่อนผมแมร่งเอาแหละ เห้ยเมิงเห็นไอ้....ไหมอ้าว ไอ้สลัด กรูนั่งอยู่ข้างเมิงเนี่ย ครับใช่ครับผมผิวเข้มกว่าพวกมัน แต่ไม่ถึงขนาดพี่นิโกรเค้าหรอก คือบ้านเรามันเคยชินคราบ เลยไม่ค่อยถือเรื่องพวกนี้ บ้านเราประเทศเรามันจะเป็นเรื่อง ยากดีมีจน ร่ำรวย ทาส ไพร่ อะไรเทือกนี้ ใช่ครับ เราเลิกทาสตั้งแต่สมัย ร5. แต่แมร่งไม่เคยหายไปไหนยังคงฝังรากลึกอยู่ในสังคมเรา เพียงแต่แมร่งแอบซ่อนเก่ง พัฒนาตามการเติบโตของสังคม จากเมื่อก่อนเรียก ไพร่ ทาส เปลี่ยนเป็น "คนรับใช้" พอมีคำว่า "คน" ปุ๊บ รับได้ครับ ไม่แบ่งแยก แต่การปฎิบัติแมร่งก็ยังต้องคลานเข่าเข้าหาเจ้านายอยู่ดี สวัสดิการดีขึ้นมีเงินเดือน แต่การดูถูกดูแคลน เหยียดหยามแบ่งแยก แมร่งก็ยังมีอยู่ดี เจ้านายกับคนรับใช้ กินข้าวคนละที่นะคราบห้ามรวมโต๊ะ เวลาเจ้านายกินข้าว พวกคนรับใช้ทั้งหลายก็ต้องคอยตักข้าวให้ ดีนะแมร่งเวลาตักข้าวปากไม่ต้องนั่งป้อน นี่แค่สังคมเล็กๆในบ้านครับ ส่วนสังคมใหญ่ๆหน่อยก็เห็นๆกันอยู่ เอาง่ายๆเวลาติดต่อราชการ รู้สึกไหมเหมือนเราไปรบกวนเค้ายังไงไม่รู้ เหมือนเราเป็นอะไรสักอย่างที่ทำให้เค้าเสียเวลา ต้องไหว้ ต้องนอบน้อม มีบ่อยแค่ไหนครับที่เราไปติดต่อสถานที่ราชการแล้ว ข้าราชการจะไหว้เราก่อน ข้าราชการจะไม่ดุเรา ไม่ทำหน้าบึ้งตึงใส่เรา ให้เกียรติเราในระดับที่ควรจะเป็น ดูแลเราสมกับที่เราเป็นเจ้าของ "เงินเดือน" ที่ทำให้พวกเค้ามีแดรกอยู่ทุกวันนี้ ครับใช่มันไม่ใช่ทุกคนแต่มันเป็นส่วนใหญ่ ข้าราชการดีๆก็มี ผมจึงขอโทษด้วยถ้าทำให้พวกท่านเสียกำลังใจจากระทู้นี้ เหตุที่สังคมเป็นแบบนี้ก็เพราะไอ้ระบบ "เจ้าขุนมูลนาย" ที่มันยังคงฝังรากลึกมาถึงปัจจุบัน แกะยังไงก็แกะไม่ออก ยิ่งกว่าปลิงยิ่งกว่าเห็บซะอีก และนี้ก็คือจุดเริ่มต้นของ "การคอรัปชั่น" ที่มันสูบเลือด ทำลายประเทศของเราอยู่ทุกวันนี้ ติดต่อราชการเราต้องง้อพวกเค้า พินอบพิเทา อ้อนวอน ยิ่งถ้ามียศมีศักดิ์ โอ้โห้แทบต้องกราบ "ท่านครับท่านค่ะ" อัศวินอย่างผมไม่เข้าใจ ตกลงนี้เราต้องทำแบบนี้ใช่ไหม ระบบนี้มันมีมานมนานกาเล และกลายเป็น "ขนบธรรมเนียม" ของบ้านเราไปแล้ว ผมใช้คำนี้เพราะมันเป็นสิ่งที่เป็น "เอกลักษณ์" ของบ้านเราเลยก็ว่าได้ เอาเป็นว่าชาวต่างชาติเค้ามาเห็นเค้างงครับ

ผมพอรับได้ครับในการให้ความเคารพในความเป็นอาวุโส เพราะนานาชาติเค้าก็มีการทำแบบนี้ แต่ไม่หนักหนาเอาจริงเอาจังเท่าบ้านเรา ตัวอย่างก็เช่น ญี่ปุ่นเค้าจะให้เกียรติ์กับเจ้านาย ผู้อาวุโสมากแต่อย่างมากก็แค่โค้งคำนับ อะไรประมาณนี้ ส่วนยุโรปก็ไม่ถึงขนาดนั้นแต่ก็จะให้เกียรติ์ในการให้ผู้ใหญ่ อาวุโสนั่งโต๊ะก่อนเพื่อเป็นการแสดงความเคารพประมาณนั้น แต่บ้านเรา "หมอบกราบ คลานเข่า" ยังคงมีให้เห็นอยู่ทั่วไป ซึ่งไม่เข้าใจว่า "เราเป็นคนต่างกันตรงไหน" ถ้าใครไม่ทำแมร่งโดนด่าเจ็ดวันเจ็ดคืน ยิ่งกว่าฆ่าคนตายอีก (เซ็งบอกตงๆ)

ความดัดจริตในเรื่อง "ชนชั้น วรรณะ เจ้าขุนมูลนาย" ยังคงมีให้เห็นดาษดื่น แต่ก็อย่างที่ผมบอกมันเปลี่ยนรูปแบบไปเยอะมาก และแนบเนียนขึ้นจนพวกเราไม่ทันได้คิด "ยศฐาบรรดาศักดิ์" ยังคงเป็นที่เคารพนับถือและเป็นเครื่องชี้วัดในสังคมอย่างยิ่งยวด ข้าราชการเป็นชนชั้นที่ใครๆก็ยำเกรง ยิ่งในต่างจังหวัดไม่ต้องพูดถึง "ผู้ว่าฯ" นี่เรียกได้ว่าเป็นระดับเทพของจังหวัดเลยก็ว่าได้ บ้านไหนลูกเป็นข้าราชการ ใส่เครื่องแบบ มียศใหญ่ๆ บ้านนั้นเดินยืดได้ทั่วซอย ทั่วจังหวัด

แต่พวกคุณเคยคิดไม่ว่า ไอ้ยศฐาบรรดาศักดิ์ที่พวกเค้าถืออยู่ แมร่งมีดีกว่าเราตรงไหน คิดดูดีๆมันก็ "มนุษย์เงินเดือน" เหมือนพวกเรา แถมเราเองยังเป็นคนจ่าย "เงินเดือน"ให้พวกเค้าด้วยซ้ำ แต่พวกเรากลับปล่อยให้พวกเค้ายิ่งผยอง ใช้สิทธิพิเศษต่างๆจากน้ำพักน้ำแรงของเรา มาข่มเหงรังแกเรา เก็บผลประโยชน์จากเรา ด้วยเพียงแค่ว่าพวกเค้าเหล่านั้น "มียศ" นำหน้าชื่อนามสกุล

เราดัดจริตต่อต้านการโกง แต่กลับยอมจ่ายเงินเวลาติดต่อหน่วยงานข้าราชการต่างๆ ยอมก้มกราบอ้อนวอน หมอบคลาน หรือถึงขั้นยอมใช้ตัวเข้าแลกเพียงเพื่อให้ได้ซึ่งสิ่งที่เราต้องการ ทั้งๆที่สิ่งเหล่านั้นเป็น "สิทธิ" ที่เราพึงได้และพึงมี ในฐานะเจ้าของประเทศคนหนึ่ง ยอมจ่ายเงินให้ตำรวจ พูดจาไพเราะอ่อนหวาน ดึงคอเสื้อโชว์นม ให้เบอร์โทรกับตำรวจ เพียงเพื่อไม่ต้องโดนใบสั่ง ยอมจ่ายเงินถูกลงมาอีกร้อยสองร้อย เพียงเพื่อแลกกับเวลาเร็วขึ้น

จริงๆแล้วไอ้ความดัดจริตในส่วนนี้คงไม่สามารถโทษคนเหล่านั้นได้ทั้งหมด มันต้องรับผิดชอบร่วมกัน "ทั้งสังคมและทั้งประเทศ" เราด่าเค้า ประณามพวกเค้า รณรงค์ต่างๆเป็นร้อยเป็นพันล้าน เพื่อขจัดสิ่งเหล่านี้ ถ้าเรามองดูอย่างจริงจังและยอมรับโดยไม่ "ดัดจริต" พวกเราเองนะแหละที่เป็นส่วนหนึ่งที่สนับสนุนให้ "ระบบเจ้าขุนมูลนาย" มันยังคงอยู่ พวกเราเองที่ยอมรับมันไม่ทางตรงก็ทางอ้อม ยอมให้ไอ้ระบบเหล่านี้มันยังคงยืนหยัดอย่างเต็มภาคภูมิ และไอ้ระบบนี้แหละ ที่เป็นรากฐานให้ "การทุจริตคอรัปชั่น" ยังคงเป็นปัญหาที่สมบูรณ์อยู่ในสังคมไทย

ต่อให้พวกเราร่วมมือกันเขียนกฎหมายกี่ฉบับ เพิ่มโทษให้หนักขึ้นแค่ไหน แต่หากพวกเรายังไม่เลิก "ดัดจริต" และ "ยอมรับ" ชนชั้น ยศฐาบรรดาศักดิ์ ของคนที่พวกเราควรจะต้องเรียกว่า "ลูกจ้าง" ความเหลื่อมล้ำ และ รุกลามต่อยอดไปถึง "การคอรัปชั่น" มันก็จะยังคงอยู่ และกัดกร่อน เกาะกิน สังคมและประเทศของเราอยู่เรื่อยไป

ภาพของ "ปลัดกระทรวง ผู้ว่าฯ นายพล นายพัน ร้อยเอก ผู้อำนวยการ ฯลฯ" ที่เป็นข้าราชการ ไม่เคยมีธุรกิจส่วนตัว ญาติพี่น้องไม่ได้ร่ำรวยที่ดิน มรดกตกทอดไม่เคยมี หรือได้เมียรวย เงินเดือนเต็มที่แค่แสนต้นๆ แต่พอเกษียณกลับมีบ้านหรูพร้อมสระว่ายน้ำราคาเหยียบสิบล้าน พร้อมรถหรูตัวท๊อป เครื่องเพชรเป็นหลายสิบล้าน ฯลฯ ก็จะยังคงมีให้เห็นอยู่ในสังคมไทย

ก่อนที่จะดัดจริตกับสังคมรอบด้าน ลองมองตัวเองก่อนไหมว่า เราเองต่างหากที่ "ดัดจริต" และยอมรับให้สิ่งเหล่านี้มันยังคงอยู่และดำเนินต่อไป จนสุดท้ายมันก็ย้อนกลับมาหาต้นตอความ "ดัดจริต" ซึ่งก็คือ "พวกเรา" นั่นเอง

รักเธอประเทศไทย..............ประเทศที่ความดัดจริตเป็นที่ยอมรับได้ในสังคมทุกระดับชั้น
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่