ช่วงนี้ มีเรื่องฮือฮาอะไรผ่านสื่อสารมวลชนไทยหลายเรื่อง
ส่วนนึงเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับ "คนที่สร้างภาพ ใส่หน้ากากแห่งความดี ความฉลาด ความเก่ง ความวิเศษ ฯลฯ"
แล้วมาหลอกคนอื่นๆ ให้หลงเชื่อ
โดยเฉพาะบทบาทของ "สื่อสารมวลชนไทย" ที่มีส่วนสร้างประโยชน์และสร้างโทษปะปนกันไป
เช่น กระตุ้นให้เกิดค่านิยมดีๆ ในสังคมก็ได้
แต่ในทางตรงกันข้าม ก็กระตุ้นให้เกิดค่านิยมที่เป็นโทษในสังคมก็ได้เช่นกัน
สื่อสารมวลชนนี่แหละ คือ ปัจจัยสำคัญอย่างนึง ในการเป็นคล้ายๆ กับกระจกสะท้อนคุณภาพของคนสังคมอย่างเห็นได้ชัด
ทุกวันนี้ สื่อฯ ก็เน้นเรตติ้ง เน้นขายดราม่า ทำทุกอย่างเพื่อเรียกความสนใจจากคนดู เพราะการแข่งขันสูงมากในยุค internet
เพราะมีสื่ออิสระเยอะมากๆ ก็เลยแข่งกันเรียกร้องความสนใจจากคนดู ทำอะไรตามใจคนดู คนดูชอบอะไร ก็พร้อมจะนำเสนอ
อย่างเรื่องคนไทยบ้าหวย บ้าบุญ
นับถือคน(หรือพระ)ที่ชื่อเสียงยศฐาบรรดาศักดิ์
ชอบเรื่องโชคลางของขลัง
ชอบเรื่องฤทธิ์วิเศษ หวังพึ่งพา/บนบาน/ขอพรสิ่งศักดิ์สิทธิ์ เสพติดดราม่า
สนุกสนานกับเรื่องราวของคนอื่น รุมด่า ทัวร์ลงคนอื่นที่เราปักใจเชื่อว่าเค้าผิดตามข่าว
ใช้วาจาเสียดสี เหน็บแนม ด่าทอ จิกกัดผู้อื่น....
ละครแรงๆ จิกกัด แย่งผัวเมีย เลิฟซีนสมจริง ความรุนแรงสมจริง ฯลฯ
เรื่องพวกนี้ มันเป็นผลและปฏิกิริยาที่สัมพันธ์กัน คือ
- คนทำสื่อฯ ก็อ้างว่าคนดูชอบ ก็เลยทำสนองคนดู เพื่อหวังผลทางธุรกิจ
- ในอีกทางนึง คนดูก็อ้างว่า สื่อชอบทำเรื่องพวกนี้มานำเสนอ คนดูก็เลยได้รับอิทธิพลจากสื่อฯ
คือ ต่างฝ่ายต่างก็มีส่วนร่วมกันสร้างสังคมอุดมดราม่า
เราได้สนทนากับบางท่าน แล้วก็นึกได้ว่า เราเคยฟังคลิปนึงที่พูดได้ดีและมีประโยชน์เกี่ยวกับประเด็นเหล่านี้
แต่เป็นแง่คิดทางพุทธศาสนา ซึ่งใครไม่ได้สนใจพุทธ ก็ลองฟังดูได้ค่ะ
ฟังไม่ยาก เข้าใจไม่ยาก ได้ประโยชน์ ได้แง่คิด
สื่อสารมวลชน กับการสร้าง "ปัญญา" ให้สังคม
ส่วนนึงเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับ "คนที่สร้างภาพ ใส่หน้ากากแห่งความดี ความฉลาด ความเก่ง ความวิเศษ ฯลฯ"
แล้วมาหลอกคนอื่นๆ ให้หลงเชื่อ
โดยเฉพาะบทบาทของ "สื่อสารมวลชนไทย" ที่มีส่วนสร้างประโยชน์และสร้างโทษปะปนกันไป
เช่น กระตุ้นให้เกิดค่านิยมดีๆ ในสังคมก็ได้
แต่ในทางตรงกันข้าม ก็กระตุ้นให้เกิดค่านิยมที่เป็นโทษในสังคมก็ได้เช่นกัน
สื่อสารมวลชนนี่แหละ คือ ปัจจัยสำคัญอย่างนึง ในการเป็นคล้ายๆ กับกระจกสะท้อนคุณภาพของคนสังคมอย่างเห็นได้ชัด
ทุกวันนี้ สื่อฯ ก็เน้นเรตติ้ง เน้นขายดราม่า ทำทุกอย่างเพื่อเรียกความสนใจจากคนดู เพราะการแข่งขันสูงมากในยุค internet
เพราะมีสื่ออิสระเยอะมากๆ ก็เลยแข่งกันเรียกร้องความสนใจจากคนดู ทำอะไรตามใจคนดู คนดูชอบอะไร ก็พร้อมจะนำเสนอ
อย่างเรื่องคนไทยบ้าหวย บ้าบุญ
นับถือคน(หรือพระ)ที่ชื่อเสียงยศฐาบรรดาศักดิ์
ชอบเรื่องโชคลางของขลัง
ชอบเรื่องฤทธิ์วิเศษ หวังพึ่งพา/บนบาน/ขอพรสิ่งศักดิ์สิทธิ์ เสพติดดราม่า
สนุกสนานกับเรื่องราวของคนอื่น รุมด่า ทัวร์ลงคนอื่นที่เราปักใจเชื่อว่าเค้าผิดตามข่าว
ใช้วาจาเสียดสี เหน็บแนม ด่าทอ จิกกัดผู้อื่น....
ละครแรงๆ จิกกัด แย่งผัวเมีย เลิฟซีนสมจริง ความรุนแรงสมจริง ฯลฯ
เรื่องพวกนี้ มันเป็นผลและปฏิกิริยาที่สัมพันธ์กัน คือ
- คนทำสื่อฯ ก็อ้างว่าคนดูชอบ ก็เลยทำสนองคนดู เพื่อหวังผลทางธุรกิจ
- ในอีกทางนึง คนดูก็อ้างว่า สื่อชอบทำเรื่องพวกนี้มานำเสนอ คนดูก็เลยได้รับอิทธิพลจากสื่อฯ
คือ ต่างฝ่ายต่างก็มีส่วนร่วมกันสร้างสังคมอุดมดราม่า
เราได้สนทนากับบางท่าน แล้วก็นึกได้ว่า เราเคยฟังคลิปนึงที่พูดได้ดีและมีประโยชน์เกี่ยวกับประเด็นเหล่านี้
แต่เป็นแง่คิดทางพุทธศาสนา ซึ่งใครไม่ได้สนใจพุทธ ก็ลองฟังดูได้ค่ะ
ฟังไม่ยาก เข้าใจไม่ยาก ได้ประโยชน์ ได้แง่คิด