แชร์ประสบการณ์ ความสุขจากการไม่ปวดหัวไมเกรน ติดต่อกัน 16 วัน (เจ้าของกระทู้เป็นเบาหวานกับไมเกรน)

ก่อนอื่นเราต้องเล่าให้ฟังก่อนว่า เรามีประวัติและพฤติกรรมต่างๆ ที่ก่อให้เกิดโรคอย่างไร และแก้ไขอย่างไร เราอยากแบ่งปันประสบการณ์ของเราให้เพื่อนๆ ที่เป็นเหมือนกัน หรือกำลังจะเป็น อันไหนดี ก็ปรับไปใช้กับตัวเอง อันไหนไม่ดีนี่ห้ามเลียนแบบ ^^

เราอายุย่าง 32ปี ปัจจุบันหนัก 82กิโล (เคยหนักสุด 96กิโล) ที่บ้านทางแม่มีพันธุกรรม เบาหวาน ไทรอยด์ ทางคุณพ่อมี โรคตับ และไต
เราเริ่มทำลายสุขภาพตัวเองตอนอายุ 21 จากการทำงานหนัก เนืองจากต้องหาเงินเลี้ยงดูตัวเองและครอบครัวเพียงคนเดียว และมีความเครียดสูงจากเรื่อง งาน เรื่องเงิน และครอบครัว มีพฤติกรรมดังต่อไปนี้...
           - นอนน้อย มากสุดวันละ 3-4 ชั่วโมง หรือไม่ได้นอนเลย ต้องทำงานให้เสร็จ ถึงจะนอน
           - เครียดจากครอบครัว จากปัญหาในครอบครัวที่มีการทะเราะกัน หรือทำให้เสียใจกันอยู่เป็นประจำ
           - นั่งอยู่กับที่นานๆ นั่งหน้าคอมพิวเตอร์ประมาณ 10-15 ชม นานๆ จะลุกจากเก้าอี้สักที
           - กินอาหารไม่มีประโยชน์ ชอบนักของมัน นมเนย ชีส ต่างๆ กินกระทิงแดง กาแฟเข้มๆ ทุกอย่าง
           - กินน้ำอัดลม ชาเขียว วันละขวดลิตร (ช่วงก่อนรู้ว่าเป็นเบาหวาน 3-4ปี)
           - กินดึก ทำงานเสร็จก่อนเข้านอนก็กินข้าว อาบน้ำ นอนเลย
           - สายตาเริ่มสั่นต้องตัดแว่น (ทุกวันนี้ต้องใส่แว่น)
           - ปวดหัวไมเกรน จากความเครียดเรื่องงานและครอบครัว ต้องกินยาไมเกรนทุกวัน 1เดือน ปวดสัก 25 วันได้ บางวันปวดมากก็ต้องกินยาไมเกรน 2 รอบ

สรุปคือ... ตั้งแต่ อายุ 21 มา ไม่ทำอะไรเลยนอกจากทำงานๆๆ นั่งหน้าคอม ตลอดเวลาทั้งวันทั้งคืน กินของไม่ดี นอนไม่ดี ทุกอย่างทำร้ายตัวเอง แต่ตอนนั้นไม่รู้ตัวหรอกค่ะ เพราะคิดว่ายังเด็ก แข็งแรง นอนน้อยแค่ไหนก็ทนได้ หยามใจ ไปอวดชาวบ้านว่าฉันงานเยอะจนนอนน้อย รู้เพียงหาเงินๆๆ ต้องตั้งตัวให้ได้ ตัวเองและครอบครัวจะได้สบาย สรุปโรคที่เราเป็น คือ...

จนกระทั่ง ปี 53 เริ่มมีอาการ เริ่มง่วงบ่อย อยากนอนตลอดเวลา อดนอนข้ามคืนหลายวันไม่ไหวแล้ว ได้อย่างมากก็คืนเดียว เพลีย เหนื่อยง่าย แต่ก็ยังไม่เอะใจ ผ่านมาปี 54 เริ่มมีอาการ คอแห้งมาก กินน้ำวันละ 6 ลิตร กินยังไงก็ไม่หายคอแห้ง อยู่มาวันหนึ่งใจสั่นระรั่ว คิดว่าความดันขึ้นแน่ๆ เลยไปหาหมอ วัดความดันเจาะเลือด เลยทราบว่า เป็นเบาหวาน น้ำตาลครั้งแรกที่วัดได้คือ 275

สรุปโรคที่เราเป็นคือ
        1. เบาหวาน
        2. กรดไหลย้อน (เป็นจนไอตลอด 2 เดือน ต้องไปหาหมอกินยาถึงจะหาย สาเหตุเกิดจาก นอนดึก ถ้าปล่อยห้นอนจนเช้า สักหกโมงเริ่มไอ และ  ความเครียด เครียดปุ๊บเริ่มเป็น หรือกินข้าวแล้วนอนเลย เป็นตลอดเพราะ นอนเช้าอีกวันก็จะกินข้าวแล้วไปนอน)
     3. ความดันสูง (เพราะพฤติกรรมทั้งหมดและอ้วน)
        4. ไมเกรน (เป็นตลอดมา 10ปี ไม่หาย ต้องกิน ยาแก้ปวด ponstan + cafagot คู่กัน (ยี่ห้ออื่นลองมาหมดแล้วไม่หาย) ปวดจนอ้วก หนักหัว บีบสมอง ตาก็ปวด ต้องนอนเอาหมอนข้างหนักๆ ทับหัวแล้วกดทุกคืน

นี่คือจุดที่เริ่มหันมาดูแลตัวเอง เช้าวันรุ่งขึ้นเราก็ปรับตัวเลย
           - จากเดิม ชอบน้ำอัดลม น้ำหวาน ตอนนี้งดทุกชนิด
           - เปลี่ยนจากน้ำตาลทั่วไป เป็น Kontrol ใส่เฉพาะที่จำเป็น หรือไม่ใส่เลย
           - ออกกำลังกายทุกวัน อย่างน้อย 30-60นาที
           - ไม่นอนดึก ทำงานไม่ทันก็ไม่ฝืน บอกลุกค้าตรงๆ ให้โดนตำหนิไป แต่เราก็ทำเต็มที่แล้ว
           - ไม่เครียด ขอนี้ยากมาก เพราะสิ่งแวดล้อมภายนอกเราควบคุมไม่ได้ เราใช้ิวิธีเลี่ยง หลบหน้า หนี
           - กินผักมากขึ้น กินข้าวกล้อง
    
เราทำแบบมา 6 เดือน
           - ไมเกรนยังเหมือนเดิมทุกประการ (ใช้วิธีย้ายออกจากบ้านแยกอยู่คนเดียว ความเครียดน้อยลง เหลือแต่เครียดเพราะงาน หรือเรื่องครอบครัวที่ตามมาถึงบ้านใหม่ จากเดินกินยาไมเกรนทุกวัน อย่างน้อยวันละ รอบ บางวันก็2รอบ) จากเดิมกินยาไมเกรน เดือนไม่ต่ำกว่า 25วัน ตอนนี้เหลือสัก 20 วันได้)
           - เบาหวานจากเดิม 275 ลดลงมาเรือ่ยๆ จนถึง 122 (กินยาเบาหวานวันละเม็ด วันไหนน้ำตาลขึ้นเยอะ หรือกินเยอะ ก็จะกินสองเม็ด)
               - ความดันไม่มี
           - กรดไหลย้อน นานๆเป็นที ไม่ต้องกินยา

จากนั้นกลาง-สิ้นปี 56
กลับมาสูงอีก สาเหตุเพราะ ตัวเองนี่แหล่ะค่ะ มีงานเยอะ ทำงานหนักเหมือนเดิม รับรองแขกพาแขกไปเที่ยวแอบกินขนมหวาน นอนเช้าเหมือนเดิม ไมได้ออกกำลังกาย ไม่กินกาแฟ แต่กินโค้กซีโร่ ประมาณ 4-5 กระป๋อง ต่อเดือน (ด้วยเพราะอยากได้เงินจากงานใหญ่ ที่ต้องทุ่มเทเวลาหลายเดือนในการทำ) ออกกำลังกายนานๆ ครั้งแล้วแต่โอกาศที่ว่าง แต่ตรวจน้ำตาลเรื่อยๆ น้ำตาลอยู่ระหว่าง 160-180

เมื่อ29 ม.ค. 57 หลังจากที่ผ่านงานหนักแบบอดหลับอดนอน มาหลายเดือน ทุกอย่างยังทำเหมือนเดิม แต่นอนมากขึ้น มาวัดน้ำตาลได้ 375 ตกใจแทบช็อค วิ่งไปหลังบ้านเอาปอกะบิดที่แม่แฟนส่งมาให้ เทครึ่งถุงใส่หม้อ 3ลิตร เสร็จก็กินเลย ข่มจนขนลุก ทำแบบไม่ได้คิด ประมาณตกใจอะไรช่วยได้ก็ทำให้รอดไปก่อน เช้าอีกวันมาวัดน้ำตาล เหลือ 175 ตกใจยิ่งกว่าเมือคืนอีก ทำไมลดเยอะ เลยเริ่มหันมาดูแลตัวเองอีกรอบ รอบนี้เราปรับเปลี่ยนหลายอย่างและจริงจังกับตัวเองมากยิ่งขึ้นแต่ที่เราเขียนมายาวขนาดนี้ จุดสำคัญมันอยู่ตรงนี้แล้วค่ะ...

เราจัดบันทึกพฤติกรรมตัวเอง นอนกี่โมง, กินอะไร กี่มื้อ น้ำหนักแต่ละวันเท่าไหร่ ตรวจน้ำตาลทุกวัน อออกำลังกายกี่นาที กินยาไมเกรนไหม อาการเป็นอย่างไร และดิ่มปอกะบิดกี่แก้ว  วันแรกนี่ต้มแบบมั่วๆ ข่มมากกกกกกกก ขนลุกเลย กินผิดวิธี พอเห็ฯน้ำตาลลงเยอะเลยไปศึกษาปอกะบิดเพิ่มเติมจากเวบต่างๆ มีแต่บอกสรรพคุณทางบวก แต่ไม่มีใครพูดถึงทางลบ ขนาดหาข้อมูลในพันธิบ ก็มีแต่คนมาขายปอกะบิด ผ่านไป 3-4 วัน สิ่งที่เราแปลกใจคือ เราไม่ปวดหัวไมเกรนเลย หรือมีปวดบางก็เล็กน้อยมาก ตุ๊บๆแป๊บๆ นอนพักหรือ ทำอะไรเพลินๆ ก็หายปวดไปเอง ทำให้สงสัยมากว่าเพราะอะไร สุดท้ายไปปรึกษาคุณหมอ และ ศึกษาจากที่ต่างๆ ก็พบว่าจริงๆแล้ว มันมีโทษอยู่ไม่น้อย แต่เรายังไม่สามารถพิสูจน์ได้ว่า มันจริงแค่ไหน รุนแรงแค่ไหนแต่ต้องมีแน่ๆ ข้อเสียคือ มีผลเสียกับตับและไต ซึ่งเราคาดเดา(จากที่ไปหามา) อาจจะเพราะปอกะบิดต้องตากแดดให้แห้ง บางทีคนขายไม่ได้ใส่ใจ แห้งไม่สนิทแล้วเอามาขายทำให้มีเชื้อรา แล้วเชื้อรานี้แหล่ะจะไปเติบโตที่ตับ ไต และม้าม คุณหมอบอกว่าเป็นเชื้อราตัวเดียวกับถั่วลิสงทำให้เป็ฯมะเร็งได้

เราต้มกินทุกวัน (ต้มแบบถูกหลัก) และปอกะบิดที่เคยซื้อทั่วไป เราเอาทิ้งหมดเลย ใครกินอยู่ลองมองดูดีๆนะ มันจะมีจุดสีขาว หรือดำอยู่ มันคือเชื้อรา แนะนำว่าถ้าอยากกินต่อไป ไปหาซื้อที่เค้าทำสะอาดๆ พวกตากในโรงพลังงานแสงอาทิตย์ หรือ อบเพื่อควบคุมเชื้อรา (ดูสีได้เลยว่าต่างจากทั่วไป) หรือแม้แต่เราต้มแล้ว กินวันต่อวันดีที่สุดค่ะ ส่วนตัวเรา ต้มรอบเดียวก็เอาทิ้งเลย เพราะหากเก็บไว้กลัวจะเป็นเชื้อรา วันนี้คือวันสุดท้ายที่จะกินแล้วค่ะ (กินมา 16 วันเต็ม ไม่กินยาไมเกรนสักเม็ด) ดีใจเพราะเรากินยาไมเกรนมาตลอด 12ปี ตับเราแย่มากแน่ๆ แต่ตอนนี้ จะลองหยุดปอกะบิดสักสองอาทิตย์ดูว่าจะปวดหัวอยู่ไหม จากนี้ไปคงนานๆ ต้มกินสักที ไม่เอาเข้มข้น แล้วจะไปตรวจเลือดเช็ค่าตับกับไต ทุกเดือนได้ผลอย่างไรจะมาเล่าให้เพื่อนๆ ฟังใหม่อีกครั้งว่ามันดีหรือไม่ดี ควรระวังอะไรยังไงกันบ้าง

สรุป ตอนนี้
    - ออกกำลังกายทุกวัน
    - กินผักทุกวัน กินข้าวกล้อง
    - ไม่ดื่มน้ำหวาน น้ำอัดลม ชา กาแฟ กินแต่น้ำเปล่า
    - ผลไม้บาง บางชนิด
    - ไม่เป็นไมเกรนเลย
    - น้ำตาลลดลงเรื่อยๆ
    - ความดันไม่มี
    - กรดไหลย้อนไม่เป็น

สุดท้าย เพียงอยากจะบอกว่า เรามีความสุขมากที่ไม่ทรมานกับการเป็นไมเกรน ที่ต้องคอยบีบสมองตัวเองทุกวัน อ้วกตลอด เคยปวดมากๆ เพราะมีเรื่องเครียด จนเส้นเลืดที่ขมับมันจี๊ด แค่ัก้มเก็บของมันเหมือนจะแตกเลยค่ะ (อันตรายมากกลัวเส้นเลือดในสมองแตก) เพื่อนๆคนไหนที่เป็นอยู่คงรู้ว่ามันทรมานแค่ไหน เป็น 16 วันติดต่อกันที่ดีที่สุด ไม่เคยไม่ปวดเกินวันเดียวเลย หากใครอยากลองปอกะบิด ก็ลองดูนะค่ะ มันถูกใครถูกมันบางทีกินแล้วไม่หายก้เป็นได้ค่ะ เรากินมาหลายตัว ไม่โดนสักตัว มาโดนตัวนี้แหล่ะ แต่ให้ระวังด้วย มันมีดีก็มีข้อเสีย ให้ศึกษาให้ดีก่อนตัดสินใจ แต่ไม่อยากให้หวังเพิ่งสมุนไพร่หรือยาฝรั่ง แล้วทำตัวเหมือนเดิม ยังไงการออกกำลังกายและการเลือกทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพ สำคัญที่สุด ชีวิตจะยาวและสบายก็เพราะสองสิ่งนี้แน่นอนค่ะ ส่วนพวกขายปอกะบิด ไม่ต้องโพสขายของนะค่ะ แบ่งพื้นที่ให้แบ่งปันสิ่งที่ดีต่อเพื่อนๆกันค่ะ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่