สิ่งที่คนไทยเข้าใจผิดเกี่ยวกับระบบการศึกษาที่อเมริกา
1. จะเรียน ปเอก ต้องมีวุฒิ ปโท อันนี้ไม่จริง จบตรีแล้วอยากเรียนเอก สามารถสมัครเข้าเรียนได้เลย ที่นี่ ปโทและเอกจะเรียกรวมกันว่า graduate school เรียนวิชาหลักเหมือนกัน ต่างกันที่เด็ก ปเอกต้องสอบ Qualifying Exam ผ่าน หลังจากเรียน core courses จบ และ scope ของงานวิจัยที่กว้างและซับซ้อนกว่า บางคนเรียนโท พอเรียน core courses จบ เปลี่ยนใจอยากเรียนเอกก็อาจสามารถทำได้เลยแต่ต้องสอบ Qualifying Examให้ผ่าน
2. เรียน ปเอกต้องมีทุนจากไทย ไม่งั้นเรียนไม่ได้ อันนี้ก็ไม่จริง เพราะโดยทั่วไปถ้าได้รับตอบรับเป็นนักเรียน ปเอกแล้ว ภาควิชาและอาจารย์จะจ่ายเงินเดือนรวมถึงค่าเทอมทุกอย่างให้ อาจจะเป็นในรูป TA หรือ RA ก็ตามแต่ พูดง่ายๆ ก็คือจ้างเรียนดีๆ นี่เอง เรตเงินเดือนก็ตามค่าครองชีพแต่ละเมือง แต่พอสำหรับค่าเช่าห้อง อาหาร เที่ยว ซื้อรถมือสอง ประกันรถ ไอโฟน ไอแพด คืออยู่ได้สบายแน่นอน ยิ่งถ้าภาควิชารวย อาจมีให้ปโทด้วย เพราะการเรียนระดับนี้เขาถือว่ากึ่งๆ ทำงาน คือคุณมาทำงานทำวิจัยให้มหาลัยให้อาจารย์ มหาลัยก็จะได้ในรูปแบบของทรัพย์สินทางปัญญา อาจารย์ก็จะได้ผลงาน เช่นเปเปอร์ไปขอทุน หาเงินเข้าแล็ป แต่ทั้งนี้ไม่ปฏิเสธว่าการมีทุนมาจากบ้านเกิดมีโอกาสได้ตอบรับง่ายขึ้น ใครไม่อยากได้คนมาทำงานฟรีบ้างล่ะ แต่ถ้าไม่มีทุนก็ไม่ใช่ปัญหา ยิ่งถ้าเกรด ปตรีดีๆ TOEFL, GRE/GMATดีๆ รับรองเข้ามหาลัยดีๆ ไม่ใช่เรื่องยาก
3.GRE verbal and writing คือการทดสอบความสามารถด้านภาษา อันนี้จริงๆ ไม่ใช่นัก เพราะความสามารถด้านภาษาจริงๆ มี TOEFL อยู่แล้ว จริงๆ GRE verbal and writing คือการทดสอบ logic, critical and analytical thinking และความตั้งใจ อดทน เด็กสายวิทย์หลายคนมักทิ้งส่วนนี้และไปบอกต่อว่าให้เน้นแค่ Quantitiative อันนั้นก็อาจจะจริงในกรณีมีทุนจากไทยและถ้าจะเข้ายูระดับ TOP30 หรือต่ำกว่า แต่ถ้าอยากเข้า TOP5 จริงๆ ขอบอกเลยว่าสำคัญมาก เพระยังไง Quantitative คนก็กดเต็มกันอยู่แล้ว รวมถึงคู่แข่งคุณ หนึ่งในตัวแปรที่จะกินกันคือสอง part นี้ ผมได้มีโอกาสรู้จักนักเรียนยู TOP5 บ้าง บอกเลยว่าทุกคนคะแนนดีทุก part
4.สายอื่นอาจไม่รู้ แต่ถ้าเป็นสายที่เกี่ยวข้องกับวิทยาศาสตร์แล้ว บอกเลยว่าที่นี่ให้ความสำคัญกับการตีพิมพ์เปเอร์ดีๆ Impact Factor สูงๆ มาก ถ้าเรียนระดับ graduate โดยเฉพาะ PhD แล้วไม่มีเปเปอร์ดีๆ นั้นถือเป็นเรื่องไม่ค่อยดีเท่าไหร่ การมีเปเปอร์ดีๆ แต่น้อย ดีกว่ามีเปเปอร์ low impact factor เยอะๆ
ที่เขียนนี้เพื่ออยากให้เป็นความรู้สำหรับคนทีอยากมาเรียนเมืองนอกแต่มีความเข้าใจที่คลาดเคลื่อน โดยเฉพาะคนที่เกรด ปตรีดีๆ ทำ TOEFL และ GRE/GMATให้ดีๆ น่าจะมีโอกาสสูงที่จะเข้ายูทอปได้ เพราะเท่าที่ผ่านมาเด็กจีนเด็กอินเดียจบตรีแล้วมาเอาทุนที่นี่เรียนเป็นว่าเล่น เป็นเรื่องธรรมดาสำหรับเขา เด็กไทยเก่งๆ หลายคนอยากเรียนแต่มัวหาทุนในประเทศ อยากบอกชัดๆ อีกครั้งว่าเรียนเอกถ้ามหาลัยเขารับคุณ เขาจ้างคุณครับ ไม่ผูกมัด ไม่มีเงื่อนไข มีข้อสงสัย หรือประเด็นต่างๆ แชร์ได้ครับ มาช่วยกันให้พวกเรามาใช้ประโยชน์จากโอกาสตรงนี้เยอะๆ เพราะการจะทำให้ประเทศเจริญเท่าเขา เราต้องรู้ทันเขา ต้องโหดกว่า ดิบกว่า และวิ่งให้เ็วกว่า เพราะประเทศอื่นเขาก็วิ่งเหมือนกัน
Related links
Part I:
http://pantip.com/topic/31644766
Part II:
http://pantip.com/topic/31649804
Part III:
http://pantip.com/topic/33159888
Part IV:
http://pantip.com/topic/33177595
Part V:
http://pantip.com/topic/33270846
สิ่งที่คนไทยเข้าใจผิดเกี่ยวกับระบบการศึกษาที่อเมริกา (Master and PhD programs)
1. จะเรียน ปเอก ต้องมีวุฒิ ปโท อันนี้ไม่จริง จบตรีแล้วอยากเรียนเอก สามารถสมัครเข้าเรียนได้เลย ที่นี่ ปโทและเอกจะเรียกรวมกันว่า graduate school เรียนวิชาหลักเหมือนกัน ต่างกันที่เด็ก ปเอกต้องสอบ Qualifying Exam ผ่าน หลังจากเรียน core courses จบ และ scope ของงานวิจัยที่กว้างและซับซ้อนกว่า บางคนเรียนโท พอเรียน core courses จบ เปลี่ยนใจอยากเรียนเอกก็อาจสามารถทำได้เลยแต่ต้องสอบ Qualifying Examให้ผ่าน
2. เรียน ปเอกต้องมีทุนจากไทย ไม่งั้นเรียนไม่ได้ อันนี้ก็ไม่จริง เพราะโดยทั่วไปถ้าได้รับตอบรับเป็นนักเรียน ปเอกแล้ว ภาควิชาและอาจารย์จะจ่ายเงินเดือนรวมถึงค่าเทอมทุกอย่างให้ อาจจะเป็นในรูป TA หรือ RA ก็ตามแต่ พูดง่ายๆ ก็คือจ้างเรียนดีๆ นี่เอง เรตเงินเดือนก็ตามค่าครองชีพแต่ละเมือง แต่พอสำหรับค่าเช่าห้อง อาหาร เที่ยว ซื้อรถมือสอง ประกันรถ ไอโฟน ไอแพด คืออยู่ได้สบายแน่นอน ยิ่งถ้าภาควิชารวย อาจมีให้ปโทด้วย เพราะการเรียนระดับนี้เขาถือว่ากึ่งๆ ทำงาน คือคุณมาทำงานทำวิจัยให้มหาลัยให้อาจารย์ มหาลัยก็จะได้ในรูปแบบของทรัพย์สินทางปัญญา อาจารย์ก็จะได้ผลงาน เช่นเปเปอร์ไปขอทุน หาเงินเข้าแล็ป แต่ทั้งนี้ไม่ปฏิเสธว่าการมีทุนมาจากบ้านเกิดมีโอกาสได้ตอบรับง่ายขึ้น ใครไม่อยากได้คนมาทำงานฟรีบ้างล่ะ แต่ถ้าไม่มีทุนก็ไม่ใช่ปัญหา ยิ่งถ้าเกรด ปตรีดีๆ TOEFL, GRE/GMATดีๆ รับรองเข้ามหาลัยดีๆ ไม่ใช่เรื่องยาก
3.GRE verbal and writing คือการทดสอบความสามารถด้านภาษา อันนี้จริงๆ ไม่ใช่นัก เพราะความสามารถด้านภาษาจริงๆ มี TOEFL อยู่แล้ว จริงๆ GRE verbal and writing คือการทดสอบ logic, critical and analytical thinking และความตั้งใจ อดทน เด็กสายวิทย์หลายคนมักทิ้งส่วนนี้และไปบอกต่อว่าให้เน้นแค่ Quantitiative อันนั้นก็อาจจะจริงในกรณีมีทุนจากไทยและถ้าจะเข้ายูระดับ TOP30 หรือต่ำกว่า แต่ถ้าอยากเข้า TOP5 จริงๆ ขอบอกเลยว่าสำคัญมาก เพระยังไง Quantitative คนก็กดเต็มกันอยู่แล้ว รวมถึงคู่แข่งคุณ หนึ่งในตัวแปรที่จะกินกันคือสอง part นี้ ผมได้มีโอกาสรู้จักนักเรียนยู TOP5 บ้าง บอกเลยว่าทุกคนคะแนนดีทุก part
4.สายอื่นอาจไม่รู้ แต่ถ้าเป็นสายที่เกี่ยวข้องกับวิทยาศาสตร์แล้ว บอกเลยว่าที่นี่ให้ความสำคัญกับการตีพิมพ์เปเอร์ดีๆ Impact Factor สูงๆ มาก ถ้าเรียนระดับ graduate โดยเฉพาะ PhD แล้วไม่มีเปเปอร์ดีๆ นั้นถือเป็นเรื่องไม่ค่อยดีเท่าไหร่ การมีเปเปอร์ดีๆ แต่น้อย ดีกว่ามีเปเปอร์ low impact factor เยอะๆ
ที่เขียนนี้เพื่ออยากให้เป็นความรู้สำหรับคนทีอยากมาเรียนเมืองนอกแต่มีความเข้าใจที่คลาดเคลื่อน โดยเฉพาะคนที่เกรด ปตรีดีๆ ทำ TOEFL และ GRE/GMATให้ดีๆ น่าจะมีโอกาสสูงที่จะเข้ายูทอปได้ เพราะเท่าที่ผ่านมาเด็กจีนเด็กอินเดียจบตรีแล้วมาเอาทุนที่นี่เรียนเป็นว่าเล่น เป็นเรื่องธรรมดาสำหรับเขา เด็กไทยเก่งๆ หลายคนอยากเรียนแต่มัวหาทุนในประเทศ อยากบอกชัดๆ อีกครั้งว่าเรียนเอกถ้ามหาลัยเขารับคุณ เขาจ้างคุณครับ ไม่ผูกมัด ไม่มีเงื่อนไข มีข้อสงสัย หรือประเด็นต่างๆ แชร์ได้ครับ มาช่วยกันให้พวกเรามาใช้ประโยชน์จากโอกาสตรงนี้เยอะๆ เพราะการจะทำให้ประเทศเจริญเท่าเขา เราต้องรู้ทันเขา ต้องโหดกว่า ดิบกว่า และวิ่งให้เ็วกว่า เพราะประเทศอื่นเขาก็วิ่งเหมือนกัน
Related links
Part I: http://pantip.com/topic/31644766
Part II: http://pantip.com/topic/31649804
Part III: http://pantip.com/topic/33159888
Part IV: http://pantip.com/topic/33177595
Part V: http://pantip.com/topic/33270846