time line จดหมาย ความทรงจำ
- เป็นหนังที่น่าจะได้รับรางวัล…ส่งเสริมภาพพจน์ otop ดีเด่น ส่วนทำไม ใครดูหนังจะเข้าใจครับ
- ป็อก ปิยธิดา กับน้องเต้ย จรินทร์พร เล่นได้ดีมากๆ อยากมีแฟนเป็นน้องเต้ยจริงๆ ชีวิตคงสดใสขึ้นเยอะ
- อยากให้รางวัลนักแสดงหญิงดีเด่นกับเต้ยจรินทร์พรมากๆ สามารถอุ้มหนังน่าเบื่อให้สดใสได้ขนาดนี้
ส่วนรางวัลนักแสดงประกอบหญิงดีเด่น ป็อก ปิยธิดา เอาไปเลย (ให้ด้วยใจจริงนะ)
- ส่วนถ้าใครเป็นแฟนเจมจิ…แนะนำว่า “ไม่” ควรดูเรื่องนี้ เพราะอาจจะทำให้รักเจมส์จิ น้อยลงนะ (ผมเตือนแล้วนะ)
- หนังภาพสวยมากๆ โลเกชั่นสวยสุดๆ ดูจบ อยากไปเที่ยวทะเลเลย กำกับภาพยอดเยี่ยม ก็พอลุ้นได้อยู่
- รางวัลกราฟฟิกอนิเมชั่นในหนังไทยยอดเยี่ยม (แบบอยากใส่ เนื้อเรื่องจะเป็นไง ไม่สนใจนะ)
นึกถึงมิวสิกบรูโน่ มาร์ อันที่เป็นเส้นเทปแล้วภาพเคลื่อนไหว แบบว่า คนไทยก็ทำได้นะ หนังพยายามโชว์เสียเยอะเชียว
- รางวัลส่งเสริมการศึกษาภาษาอังกฤษยอดเยี่ยม มี sub english ด้วยนะเธอว์
- อ้อ ลืมมอบอีกรางวัล “รางวัลภาพยนต์ส่งเสริมสถาบันครอบครัวดีเด่น” เอาไปเลย..ย
ต่อไปเป็นช่วงแซวหนัง…จะมีสปอยน้อยๆพอขำๆครับ (รับรองไม่เสียอรรถรสในการดูแน่ เพราะหนังไม่มีอะไรให้เสียเท่าไหร่หรอก 555)
- เป็นหนังพูดเกี่ยวกับไทม์ไลน์ ซึ่งสื่อถึง facebook หนังพยายามใส่เทคโนโลยีให้ทันสมัยสารพัด
แต่คาดว่า ผู้สร้าง หรือที่ปรึกษา จะไม่ค่อยเล่น facebook นะ มีจุดอ่อนเยอะแยะที่ไม่สมจริงเอาเสียเลย
- และแน่นอนของหนังไทย โฆษณาแฝง ตรึมๆๆ แบบเอาใจสปอนเซอร์เลียแข้งเลียขาสุดๆ
- หนังกลัวไม่ซึ้งเท่ากับภาคแรก เลยพยายามสร้างประเด็นตอนจบแบบภาคแรก คงกลัวไม่รันทดพอมั้ง
แต่ขอโทษ…มันทำให้หนัง fail ไปเลยนะ อุตสาห์ปูเรื่องมาแทบตาย จบกัน
- เจมส์จิ เธอร้องไห้ ได้เหมือนหัวเราะมากๆ มีดาราน้อยคนที่ทำได้แบบนี้ (ชื่นชมจริงๆ)
ที่รู้อีกอย่าง เจมส์จิ ร้องไห้แล้วไม่หล่อเลย
(ดูแล้วคิดถึงโกโบริ คุกิมิยะ รายนั้นคนเดียว อุ้มหนังได้ทั้งเรื่อง
แต่รายนี้ เอิ่ม…เห็นอนาคตเจมส์จิอยู่รำไรเลย)
- หนังบอกว่าเจมส์จิ เรียนคณะอะไรนะ จำไม่ได้ แต่นึกว่าอยู่ศิลปกรรมเสียอีก
วันๆเอาแต่วาดรูป(ทำไมไม่ให้เรียนศิลปกรรมไปเลยหละครับ ท่านผู้กำกับ ผมไม่เข้าใจจริงๆ)
- เนื้อหา เขาบอกว่าเป็นภาค 2 ของ the letter แต่ดูยังไง จะไปเหมือนเพื่อนสนิท (แบบก็อปไม่ถึงขั้น) เสียมากกว่า
- บทหนัง แบบว่า หนังพยายามเทพครับ ใส่อะไรเยอะแยะ
ใส่ฉากภาคบังคับที่ผู้กำกับอยากให้มี แต่ลืมใส่เหตุผลลงไป
ก็บันเทิงเริงใจหละสิครับ ดูไปแซวไปสนุกดี
- ที่ปรึกษาหนัง ที่กำกับความสมจริง บกพร่องมากนะครับ
อย่างรับน้องที่ไหน เขาเอาห้องว๊ากมาใส่ด้วย เพิ่งเห็นสถาบันนี้แหละ /
เล่น facebook ใส่ภาพเขียนเองเยอะแยะ แต่ไม่มีสแกนเนอร์ /
พระเอกอยากได้ปากกาจีเพ็น เพื่อเขียนการ์ตูนวาดเล่น
เออ..ปากกาจีเพ็น เขาใช้ประโยชน์กันแบบนี้เหรอครับ เพิ่งรู้ (ผมว่าไม่ใช่นะ)
และอื่นๆอีกมากให้จับผิดกันตลอดเรื่อง
- ไม่รู้เพราะตั้งใจรำลึกเป็นเกียรติถึง ผกก ภาคแรก หรือต้องการจิกกัดกันแน่
เลยเอาชื่อ “ผอูน” ไปใส่ไว้ในเครดิตในหนังสั้นของนักศึกษา
เรื่องที่เจมส์จิดูจบแล้วบอกว่า “น่าเบื่อ” ซะอย่างงั้น
***************************************
ว่างๆเชิญแวะไป add friend พูดคุยกันได้นะครับที่ fb ของผม
https://www.facebook.com/choord.k
[SR] timeline จดหมาย-ความทรงจำ หนังภาพสวย บท??? ดูแล้วเสียดายเวลานิดๆ
- เป็นหนังที่น่าจะได้รับรางวัล…ส่งเสริมภาพพจน์ otop ดีเด่น ส่วนทำไม ใครดูหนังจะเข้าใจครับ
- ป็อก ปิยธิดา กับน้องเต้ย จรินทร์พร เล่นได้ดีมากๆ อยากมีแฟนเป็นน้องเต้ยจริงๆ ชีวิตคงสดใสขึ้นเยอะ
- อยากให้รางวัลนักแสดงหญิงดีเด่นกับเต้ยจรินทร์พรมากๆ สามารถอุ้มหนังน่าเบื่อให้สดใสได้ขนาดนี้
ส่วนรางวัลนักแสดงประกอบหญิงดีเด่น ป็อก ปิยธิดา เอาไปเลย (ให้ด้วยใจจริงนะ)
- ส่วนถ้าใครเป็นแฟนเจมจิ…แนะนำว่า “ไม่” ควรดูเรื่องนี้ เพราะอาจจะทำให้รักเจมส์จิ น้อยลงนะ (ผมเตือนแล้วนะ)
- หนังภาพสวยมากๆ โลเกชั่นสวยสุดๆ ดูจบ อยากไปเที่ยวทะเลเลย กำกับภาพยอดเยี่ยม ก็พอลุ้นได้อยู่
- รางวัลกราฟฟิกอนิเมชั่นในหนังไทยยอดเยี่ยม (แบบอยากใส่ เนื้อเรื่องจะเป็นไง ไม่สนใจนะ)
นึกถึงมิวสิกบรูโน่ มาร์ อันที่เป็นเส้นเทปแล้วภาพเคลื่อนไหว แบบว่า คนไทยก็ทำได้นะ หนังพยายามโชว์เสียเยอะเชียว
- รางวัลส่งเสริมการศึกษาภาษาอังกฤษยอดเยี่ยม มี sub english ด้วยนะเธอว์
- อ้อ ลืมมอบอีกรางวัล “รางวัลภาพยนต์ส่งเสริมสถาบันครอบครัวดีเด่น” เอาไปเลย..ย
ต่อไปเป็นช่วงแซวหนัง…จะมีสปอยน้อยๆพอขำๆครับ (รับรองไม่เสียอรรถรสในการดูแน่ เพราะหนังไม่มีอะไรให้เสียเท่าไหร่หรอก 555)
- เป็นหนังพูดเกี่ยวกับไทม์ไลน์ ซึ่งสื่อถึง facebook หนังพยายามใส่เทคโนโลยีให้ทันสมัยสารพัด
แต่คาดว่า ผู้สร้าง หรือที่ปรึกษา จะไม่ค่อยเล่น facebook นะ มีจุดอ่อนเยอะแยะที่ไม่สมจริงเอาเสียเลย
- และแน่นอนของหนังไทย โฆษณาแฝง ตรึมๆๆ แบบเอาใจสปอนเซอร์เลียแข้งเลียขาสุดๆ
- หนังกลัวไม่ซึ้งเท่ากับภาคแรก เลยพยายามสร้างประเด็นตอนจบแบบภาคแรก คงกลัวไม่รันทดพอมั้ง
แต่ขอโทษ…มันทำให้หนัง fail ไปเลยนะ อุตสาห์ปูเรื่องมาแทบตาย จบกัน
- เจมส์จิ เธอร้องไห้ ได้เหมือนหัวเราะมากๆ มีดาราน้อยคนที่ทำได้แบบนี้ (ชื่นชมจริงๆ)
ที่รู้อีกอย่าง เจมส์จิ ร้องไห้แล้วไม่หล่อเลย
(ดูแล้วคิดถึงโกโบริ คุกิมิยะ รายนั้นคนเดียว อุ้มหนังได้ทั้งเรื่อง
แต่รายนี้ เอิ่ม…เห็นอนาคตเจมส์จิอยู่รำไรเลย)
- หนังบอกว่าเจมส์จิ เรียนคณะอะไรนะ จำไม่ได้ แต่นึกว่าอยู่ศิลปกรรมเสียอีก
วันๆเอาแต่วาดรูป(ทำไมไม่ให้เรียนศิลปกรรมไปเลยหละครับ ท่านผู้กำกับ ผมไม่เข้าใจจริงๆ)
- เนื้อหา เขาบอกว่าเป็นภาค 2 ของ the letter แต่ดูยังไง จะไปเหมือนเพื่อนสนิท (แบบก็อปไม่ถึงขั้น) เสียมากกว่า
- บทหนัง แบบว่า หนังพยายามเทพครับ ใส่อะไรเยอะแยะ
ใส่ฉากภาคบังคับที่ผู้กำกับอยากให้มี แต่ลืมใส่เหตุผลลงไป
ก็บันเทิงเริงใจหละสิครับ ดูไปแซวไปสนุกดี
- ที่ปรึกษาหนัง ที่กำกับความสมจริง บกพร่องมากนะครับ
อย่างรับน้องที่ไหน เขาเอาห้องว๊ากมาใส่ด้วย เพิ่งเห็นสถาบันนี้แหละ /
เล่น facebook ใส่ภาพเขียนเองเยอะแยะ แต่ไม่มีสแกนเนอร์ /
พระเอกอยากได้ปากกาจีเพ็น เพื่อเขียนการ์ตูนวาดเล่น
เออ..ปากกาจีเพ็น เขาใช้ประโยชน์กันแบบนี้เหรอครับ เพิ่งรู้ (ผมว่าไม่ใช่นะ)
และอื่นๆอีกมากให้จับผิดกันตลอดเรื่อง
- ไม่รู้เพราะตั้งใจรำลึกเป็นเกียรติถึง ผกก ภาคแรก หรือต้องการจิกกัดกันแน่
เลยเอาชื่อ “ผอูน” ไปใส่ไว้ในเครดิตในหนังสั้นของนักศึกษา
เรื่องที่เจมส์จิดูจบแล้วบอกว่า “น่าเบื่อ” ซะอย่างงั้น
***************************************
ว่างๆเชิญแวะไป add friend พูดคุยกันได้นะครับที่ fb ของผม
https://www.facebook.com/choord.k