..
อุปกรณ์บันทึกภาพ Canon 60D ประกบคู่ 17-40 mm f4L , 70-200 mm f4L
..
ผมก้าวเท้าเข้าสู่
"จีนแผ่นดินใหญ่" ครั้งแรก เมื่อราว ๓ ปีก่อน
โดยมีจุดหมายปลายทางที่เมืองเศรษฐกิจสำคัญทางตะวันตกเฉียงใต้ของจีน
นั่นคือ
"เมืองฉงชิ่ง"
การเดินทางครั้งนั้น เปลี่ยนแปลงความคิดที่เคยมีต่อเมืองจีนไปอย่างสิ้นเชิง
ด้วยเหตุว่า ความเป็นจีนแผ่นดินใหญ่ ในมุมต่างๆที่ผมรับรู้มาก่อนหน้านั้น
หนักไปทางเรื่องราวในประวัติศาสตร์ การเมือง หรือหนังจีนกำลังภายในเสียมากกว่า
การเดินไปตามถนน มองดูผู้คนจีน ... จึงทำให้ผมรู้สึกว่า
ประเทศมหาอำนาจแห่งนี้ มีเสน่ห์น่าหลงใหลมากกว่าที่คาดคิด
.
ถ้ากล่าวถึง จุดขายสำคัญในด้านการท่องเที่ยวของ "ฉงชิ่ง"
นักท่องเที่ยว คงมุ่งตรงไปสู่มรดกโลกที่อยู่ห่างจากเมือง
ใช้เวลาเดินทางไปตั้งแต่ ๓ - ๕ ชั่วโมง
ไม่ว่าจะเป็น โตรกผาสูงอันน่าอัศจรรย์ในเมืองอู่หลง
หรือพระพุทธรูปแกะสลักทั้งภูเขาในเมืองต้าจู๋
.

.

.

.
แต่ในตัวเมืองฉงชิ่งเอง ก็มีเสน่ห์หลายอย่าง
ที่กระตุ้นให้บรรดาช่างภาพ ทั้งมือโปร หรือมือสมัครเล่น
รู้สึกตื่นเต้นได้ทุกจังหวะการเดินทาง
เพราะความเป็นเมืองเศรษฐกิจสำคัญ ที่ผสมผสานความเป็นจีนแบบดั้งเดิม
จึงทำให้ มิติความหลากหลาย
เข้ากันบ้าง ไม่เข้ากันบ้าง
... แต่ก็กลายเป็นสิ่งที่น่าสนใจ สำหรับนักเดินทางต่างถิ่นอย่างเราๆได้ไม่ยาก
.

.

.
คนจีนบอกกับผมว่า
เมื่อประเทศจีน เสมือนกับมังกรที่ฟื้นจากการหลับใหล
ทำให้มังกรยักษ์ตัวนี้ มีเศรษฐกิจที่พุ่งทะยาน
ไปพร้อมๆกับการพัฒนาไปอย่างรวดเร็ว
หากคุณมาเมืองจีนปีนี้ ...
ผ่านไปอีก ๓ ปี ๕ ปี เมื่อกลับมาอีกครั้ง
คุณอาจจะไม่มีโอกาสได้เห็นภาพเดิมๆ
.

.
โดยเฉพาะในพื้นที่เมือง ซึ่งสามารถก่อสร้างสิ่งต่างๆได้
... เราสามารถมองเห็นความเจริญและความทันสมัย ที่กำลังเติบโตอย่างก้าวกระโดด
.

.

.

.
ความเจริญอย่างรวดเร็วของจีน สร้างความเซอร์ไพรซ์ให้กับผมในระดับหนึ่งไปแล้ว
แต่ทว่า สิ่งที่ชวนให้ประหลาดใจมากกว่า คือ
"คนจีน"
เพราะอะไรน่ะหรือ ?
นานมาแล้ว ผมเคยไป "ฮ่องกง" และโดนแม่ค้า ตะโกนใส่
ด้วยประโยคว่า
" #%@*&T)(+_-??_)!!!"
พลางชูมือชูไม้เป็นสัญลักษณ์บอกว่า
"อย่ามาถ่ายรูปกรู(นะคะ)"
ผมจำฝังใจตั้งแต่นั้นว่า
คนจีน คงแตกต่างจากคนไทย คนญี่ปุ่น หรือประเทศมุสลิมหลายแห่งที่ผมเคยไป
ซึ่งดูจะชื่นชอบการถ่ายรูปมากกว่า
" ... เอาวะ ไม่ถ่ายก็ไม่ถ่าย"
.
การเดินทางไปเมืองจีนคราวนั้น
ผมจึง "ทำใจ" ไว้แล้วว่า
แม้จะชื่นชอบการถ่ายภาพแนวไลฟ์ขนาดไหน
ก็คงไม่ได้ภาพแนวที่ต้องการกลับมาแน่ๆ
.
แต่ทว่า อาจเป็นเพราะเทคโนโลยีของโลกที่เปลี่ยนแปลงไป
ในเมื่อยุคปัจจุบัน
โลกของดิจิตอลทำให้การถ่ายภาพเข้ามาสู่ทุกหย่อมหญ้า
.
อุปกรณ์ทั้งกล้อง DSLR มืออาชีพ , กล้องดิจิตอลตัวจิ๋วๆ , กล้อง Mirorless
, โทรศัพท์มือถือ หรือแทปเล็ต .. ล้วนสามารถใช้ในการถ่ายรูปได้ทั้งหมด
ซึ่งผมคิดว่าคนจีนเอง ก็คุ้นเคยกับสิ่งเหล่านี้มากขึ้น
.
การเก็บภาพผู้คนแดนมังกร จึงกลายเป็นความสนุกเพลิดเพลินอย่างที่สุด
... โดยเฉพาะ ฉงชิ่ง
ยังถือเป็นเมืองใหญ่ที่ผู้คนยังมีนิสัยใจคอแบบชาวต่างจังหวัด
และมีมนุษยสัมพันธ์ที่ดีต่อนักท่องเที่ยวต่างชาติ
.

.

.

.
ความสนุกอีกด้านของการเดินถนน มองคนจีน
เพราะคนไทยอย่างเราๆ คงคุ้นเคยกับวัฒนธรรม หรือวิถีชีวิตแบบจีนๆกันดี
.. ซึ่งยังคงมีความเป็นอนุรักษ์นิยม ความดั้งเดิม หรืออะไรที่ดูเก่าๆ
แต่ในเมื่อ ฉงชิ่ง กำลังก้าวกระโดดเป็นเมืองเศรษฐกิจที่สำคัญ
การเก็บมุมมองจากเรื่องราว จึงกลายเป็นมิติที่หลากหลาย

.

.

.
เราจะได้เห็นทั้งความเก่า ความใหม่ ความวุ่นวาย ความสงบ ความทันสมัย ความเชย
...ผสมปนเปกัน
แรกๆอาจดูขัดแย้ง ไม่เข้ากัน ...
แต่เดินไปเรื่อยๆสัก ๔ - ๕ วัน
เดี๋ยวก็รู้สึกว่ามันกลมกลืนดีเหมือนกันแฮะ ^^
.

.

.

.

.

.
สุดท้ายแล้ว ...
การถ่ายภาพแนวไลฟ์ ที่ได้มาจากเมือง ฉงชิ่ง
ผมตระหนักอยู่เสมอว่า วิถีชีวิตบางมุม และ ภาพบางภาพ
.. อาจไม่ได้มีให้เห็นตามสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญเท่านั้น
.

.
หากแต่ว่า เราสามารถพบเจอได้จาก
"เดินริมถนน"
บางภาพ ได้มาจากสถานที่ที่ไม่ปรากฏในไกด์บุ๊ค หรือ หนังสือเดินทางเล่มไหนๆ
.. แต่ต้องอาศัยเวลา ในการเดินสำรวจไปเรื่อยๆ
โดยสิ่งที่ได้ ก็จะเป็น
"Life ที่มีความ Live"
... สดใหม่ และแตกต่างไปจากเดิมๆบ้างไม่มากก็น้อย
.

.
.
ป.ล. ภาพสุดท้าย เป็นภาพจาก
"เมืองอี้ฉาง"
ผมเคยได้ยินมาไม่น้อยว่า
ผู้สูงวัยชาวจีนนั้น ไม่ชอบให้ใครมาถ่ายรูป
.. ยิ่งถ้าเป็นไอ้หนุ่มเซอร์หน้าตาแปลกๆ พูดคนละภาษาด้วย
.. เปอร์เซ็นต์การให้ถ่ายรูป คงยิ่งลดน้อยลงไป
แต่เชื่อเถอะครับว่า
"คนไทย" ทุกคน เรามี "ยิ้มสยาม" เป็นเครื่องมือสำคัญ ในการถ่ายภาพ
ถ้าไม่ได้ทำอะไรบุ่มบ่าม หรือเป็นการรบกวนวิถีชีวิตของคนจีน
การได้ภาพน่ารักๆแบบนี้ติดกล้องกลับมา
..ก็ไม่ใช่เรื่องยากครับ : )
.
POGGHI Photo : เดินริมถนน มองผู้คน แดนมังกร [ฉงชิ่ง]
อุปกรณ์บันทึกภาพ Canon 60D ประกบคู่ 17-40 mm f4L , 70-200 mm f4L
..
ผมก้าวเท้าเข้าสู่ "จีนแผ่นดินใหญ่" ครั้งแรก เมื่อราว ๓ ปีก่อน
โดยมีจุดหมายปลายทางที่เมืองเศรษฐกิจสำคัญทางตะวันตกเฉียงใต้ของจีน
นั่นคือ "เมืองฉงชิ่ง"
การเดินทางครั้งนั้น เปลี่ยนแปลงความคิดที่เคยมีต่อเมืองจีนไปอย่างสิ้นเชิง
ด้วยเหตุว่า ความเป็นจีนแผ่นดินใหญ่ ในมุมต่างๆที่ผมรับรู้มาก่อนหน้านั้น
หนักไปทางเรื่องราวในประวัติศาสตร์ การเมือง หรือหนังจีนกำลังภายในเสียมากกว่า
การเดินไปตามถนน มองดูผู้คนจีน ... จึงทำให้ผมรู้สึกว่า
ประเทศมหาอำนาจแห่งนี้ มีเสน่ห์น่าหลงใหลมากกว่าที่คาดคิด
.
ถ้ากล่าวถึง จุดขายสำคัญในด้านการท่องเที่ยวของ "ฉงชิ่ง"
นักท่องเที่ยว คงมุ่งตรงไปสู่มรดกโลกที่อยู่ห่างจากเมือง
ใช้เวลาเดินทางไปตั้งแต่ ๓ - ๕ ชั่วโมง
ไม่ว่าจะเป็น โตรกผาสูงอันน่าอัศจรรย์ในเมืองอู่หลง
หรือพระพุทธรูปแกะสลักทั้งภูเขาในเมืองต้าจู๋
.
.
.
.
แต่ในตัวเมืองฉงชิ่งเอง ก็มีเสน่ห์หลายอย่าง
ที่กระตุ้นให้บรรดาช่างภาพ ทั้งมือโปร หรือมือสมัครเล่น
รู้สึกตื่นเต้นได้ทุกจังหวะการเดินทาง
เพราะความเป็นเมืองเศรษฐกิจสำคัญ ที่ผสมผสานความเป็นจีนแบบดั้งเดิม
จึงทำให้ มิติความหลากหลาย
เข้ากันบ้าง ไม่เข้ากันบ้าง
... แต่ก็กลายเป็นสิ่งที่น่าสนใจ สำหรับนักเดินทางต่างถิ่นอย่างเราๆได้ไม่ยาก
.
.
.
คนจีนบอกกับผมว่า
เมื่อประเทศจีน เสมือนกับมังกรที่ฟื้นจากการหลับใหล
ทำให้มังกรยักษ์ตัวนี้ มีเศรษฐกิจที่พุ่งทะยาน
ไปพร้อมๆกับการพัฒนาไปอย่างรวดเร็ว
หากคุณมาเมืองจีนปีนี้ ...
ผ่านไปอีก ๓ ปี ๕ ปี เมื่อกลับมาอีกครั้ง
คุณอาจจะไม่มีโอกาสได้เห็นภาพเดิมๆ
.
.
โดยเฉพาะในพื้นที่เมือง ซึ่งสามารถก่อสร้างสิ่งต่างๆได้
... เราสามารถมองเห็นความเจริญและความทันสมัย ที่กำลังเติบโตอย่างก้าวกระโดด
.
.
.
.
ความเจริญอย่างรวดเร็วของจีน สร้างความเซอร์ไพรซ์ให้กับผมในระดับหนึ่งไปแล้ว
แต่ทว่า สิ่งที่ชวนให้ประหลาดใจมากกว่า คือ
"คนจีน"
เพราะอะไรน่ะหรือ ?
นานมาแล้ว ผมเคยไป "ฮ่องกง" และโดนแม่ค้า ตะโกนใส่
ด้วยประโยคว่า " #%@*&T)(+_-??_)!!!"
พลางชูมือชูไม้เป็นสัญลักษณ์บอกว่า
"อย่ามาถ่ายรูปกรู(นะคะ)"
ผมจำฝังใจตั้งแต่นั้นว่า
คนจีน คงแตกต่างจากคนไทย คนญี่ปุ่น หรือประเทศมุสลิมหลายแห่งที่ผมเคยไป
ซึ่งดูจะชื่นชอบการถ่ายรูปมากกว่า
" ... เอาวะ ไม่ถ่ายก็ไม่ถ่าย"
.
การเดินทางไปเมืองจีนคราวนั้น
ผมจึง "ทำใจ" ไว้แล้วว่า
แม้จะชื่นชอบการถ่ายภาพแนวไลฟ์ขนาดไหน
ก็คงไม่ได้ภาพแนวที่ต้องการกลับมาแน่ๆ
.
แต่ทว่า อาจเป็นเพราะเทคโนโลยีของโลกที่เปลี่ยนแปลงไป
ในเมื่อยุคปัจจุบัน
โลกของดิจิตอลทำให้การถ่ายภาพเข้ามาสู่ทุกหย่อมหญ้า
.
อุปกรณ์ทั้งกล้อง DSLR มืออาชีพ , กล้องดิจิตอลตัวจิ๋วๆ , กล้อง Mirorless
, โทรศัพท์มือถือ หรือแทปเล็ต .. ล้วนสามารถใช้ในการถ่ายรูปได้ทั้งหมด
ซึ่งผมคิดว่าคนจีนเอง ก็คุ้นเคยกับสิ่งเหล่านี้มากขึ้น
.
การเก็บภาพผู้คนแดนมังกร จึงกลายเป็นความสนุกเพลิดเพลินอย่างที่สุด
... โดยเฉพาะ ฉงชิ่ง
ยังถือเป็นเมืองใหญ่ที่ผู้คนยังมีนิสัยใจคอแบบชาวต่างจังหวัด
และมีมนุษยสัมพันธ์ที่ดีต่อนักท่องเที่ยวต่างชาติ
.
.
.
.
ความสนุกอีกด้านของการเดินถนน มองคนจีน
เพราะคนไทยอย่างเราๆ คงคุ้นเคยกับวัฒนธรรม หรือวิถีชีวิตแบบจีนๆกันดี
.. ซึ่งยังคงมีความเป็นอนุรักษ์นิยม ความดั้งเดิม หรืออะไรที่ดูเก่าๆ
แต่ในเมื่อ ฉงชิ่ง กำลังก้าวกระโดดเป็นเมืองเศรษฐกิจที่สำคัญ
การเก็บมุมมองจากเรื่องราว จึงกลายเป็นมิติที่หลากหลาย
.
.
.
เราจะได้เห็นทั้งความเก่า ความใหม่ ความวุ่นวาย ความสงบ ความทันสมัย ความเชย
...ผสมปนเปกัน
แรกๆอาจดูขัดแย้ง ไม่เข้ากัน ...
แต่เดินไปเรื่อยๆสัก ๔ - ๕ วัน
เดี๋ยวก็รู้สึกว่ามันกลมกลืนดีเหมือนกันแฮะ ^^
.
.
.
.
.
.
สุดท้ายแล้ว ...
การถ่ายภาพแนวไลฟ์ ที่ได้มาจากเมือง ฉงชิ่ง
ผมตระหนักอยู่เสมอว่า วิถีชีวิตบางมุม และ ภาพบางภาพ
.. อาจไม่ได้มีให้เห็นตามสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญเท่านั้น
.
.
หากแต่ว่า เราสามารถพบเจอได้จาก "เดินริมถนน"
บางภาพ ได้มาจากสถานที่ที่ไม่ปรากฏในไกด์บุ๊ค หรือ หนังสือเดินทางเล่มไหนๆ
.. แต่ต้องอาศัยเวลา ในการเดินสำรวจไปเรื่อยๆ
โดยสิ่งที่ได้ ก็จะเป็น "Life ที่มีความ Live"
... สดใหม่ และแตกต่างไปจากเดิมๆบ้างไม่มากก็น้อย
.
.
.
ป.ล. ภาพสุดท้าย เป็นภาพจาก "เมืองอี้ฉาง"
ผมเคยได้ยินมาไม่น้อยว่า
ผู้สูงวัยชาวจีนนั้น ไม่ชอบให้ใครมาถ่ายรูป
.. ยิ่งถ้าเป็นไอ้หนุ่มเซอร์หน้าตาแปลกๆ พูดคนละภาษาด้วย
.. เปอร์เซ็นต์การให้ถ่ายรูป คงยิ่งลดน้อยลงไป
แต่เชื่อเถอะครับว่า
"คนไทย" ทุกคน เรามี "ยิ้มสยาม" เป็นเครื่องมือสำคัญ ในการถ่ายภาพ
ถ้าไม่ได้ทำอะไรบุ่มบ่าม หรือเป็นการรบกวนวิถีชีวิตของคนจีน
การได้ภาพน่ารักๆแบบนี้ติดกล้องกลับมา
..ก็ไม่ใช่เรื่องยากครับ : )
.