ขอพื้นที่ระบายหน่อยค่ะ แค่อยากระบาย

กระทู้สนทนา
เรื่องนี้เป็นเรื่องในครอบครัวเราเองค่ะ

เท่าที่จำความได้ ตอนเด็กๆ ดูเหมือนครอบครัวจะอบอุ่นมาก พ่อแม่รักกันแทบจะไม่เห็นทะเลาะกันเลย กอดกันกลมจนคนเป็นลูกอายแทน(อาย แกรงใจที่จะอยู่เป็น กขค. พ่อแม่อะคะ) แต่พอเริ่มโตขึ้น โตขึ้น จนตอนนี้เรียนจบแล้ว ทำงานแล้ว ปัญหาเยอะมาก เยอะจริงๆ จขกท. เป็นลูกสาวคนเดียวในบ้าน มีพี่ชายสามคน เคยมีแต่คนอิจฉาที่ เรามีคนปกป้องตั้งสามคน แต่เนื่องจากไม่เคยทำอะไรที่เสี่ยงอันตรายเลย

แต่ ณ ตอนนี้ เรากลับพึ่งพี่ชายไม่ได้เลย มีแต่เค้าที่หวังพึ่งเรา เงินไม่มีโทรขอเรา เราก็จะให้ ให้ทุกครั้ง ไม่กล้าปฏิเสธว่าไม่มี ทั้งๆ ที่ไม่มีกินไม่มีเก็บเลย ตอนที่เรียนอยู่ พ่อกับแม่แบ่งที่ขายให้พี่ป้าข้างบ้านสร้างบ้านให้ลูกสาวกับลูกเขยเค้า ได้มาแสนหนึ่ง แม่กับพ่อแบ่งให้ลูกชายคนละ สองหมื่น และเอามาให้เราเก็บ ย้ำนะคะ เก็บเฉยๆ ไม่ได้แบ่งให้ เพราะเรายังเรียนอยู่มั่งคะไม่ได้ช่วยงานที่บ้าน พอพี่รู้ว่าแม่เอาเงินให้เราเก็บ พี่โทรขอทุกวันเลย วันละ พัน สองพัน เราไม่ว่างเรียนอยู่พี่ก็ย้ำๆ ว่าให้รีบโอน เราปฏิเสธไม่ได้ด้วยว่าไม่มีตังเพราะเห็นๆอยู่ว่าแม่เอาให้เก็บ แอบน้อยใจปนโมโหนะคะ คิดว่าทำมัยพวกพี่ใช้เงินเก่งจัง ที่บ้านแทบจะไม่ต้องเสียเงินซื้อข้าวกินแต่ทำไมเงินสองหมื่นที่แม่ให้ไว้หมดไวจัง พี่ขอบ้างแม่ขอบ้าง แบบว่าภายให้เดือนเดียวค่ะ ให้จนหมด แล้วแม่ก็ถามว่าเงินเหลือเท่าไหรแม่อยากได้โน้น นี่ นั้น เราก็โมโหกลับบอกแม่ว่าจะเหลือได้ไง ในเมื่อมีแต่คนขอ เรายังไม่กล้าใช้เลยเพราะไม่ใช่เงินเรา อาจจะน้อยใจด้วยมั้งคะ

หลังจากผ่านเรื่องนี้มา ตอนนั้นอยู่ปีสอง แฟนแนะนำให้ไปทำงานร้านกาแฟที่รู้จัก ช่วงปิดเทอมเราจึงไปทำงาน แต่แทบไม่มีเงินเก็บเลยทั้งๆที่ไม่ได้ซื้อของไม่ได้กินดีอะไรมากมาย เงินเดือนออกทุกๆวันที่ 1 กับวันที่ 16 ของเดือน และทุกวันที่เงินเดือนออก แม่จะโทรมาถามว่าเงินออกหรือยัง ได้เท่าไหร แม่ขอเท่านั้นเท่านี้ เราก็ให้ ไม่ได้คิดอะไร แต่นานเข้านานเข้าแม่ก็โทรขอทุกอาทิตย์จนเราต้องยืมเงินแฟนมาให้แม่ แม่มักจะบอกว่าป่วยโน้น นี่ นั้น จะเอาเงินไปหาหมอ ทั้งๆที่ใจเรารู้ดีว่าไม่ใช่ แม่เอาเงินเราไปใช้ในสิ่งที่ไม่ดี เราเต็มใจให้ แฟนเราก็ด่าว่าเราทำบาปที่เอาเงินให้แม่ไปทำสิ่งที่ไม่ดี แต่นั้นแหละเรารักแม่เรา ไม่อยากปฏิเสธ ให้ตลอด ให้ทีหนึ่งก็เครียดทีหนึ่ง

จนตอนนี้เราเรียนจบแล้ว โดยที่ไม่ได้ขอเงินที่บ้าน ตอนแรกที่เราทำงานไม่มีใครขอเลยเพราะต่างคนต่างมีเงินใช้ ต่างคนต่างทำงาน พ่อกับแม่ทำธุรกิจเล็กๆกับเพื่อน ตอนนั้นพ่อเอาเงินกำไรที่ได้จากการทำธุรกิจให้พี่เอาไปฝากประมาณแสนหนึ่ง เป็นเงินที่ได้จากความเหนื่อยของพ่อ เนื่องจากพ่อไม่ว่างไปฝากหรืออาจจะทำไม่เป็นหรืออะไรซักอย่าง พ่อให้พี่เอาไปฝากเพื่อใช้ในยามฉุกเฉินและจะให้ไปฝากทุกๆเดือน (สถานะของพี่ชายเราะนะคะ พี่คนโต เรียนอยู่ เข้าเรียนหลังเราปีหนึ่งเนื่องจากทำงานใช้หนี้ให้พ่อแม่จึงหยุดเรียนนานมาก พี่คนที่สอง แต่งงานมีลูกแล้ว พีคนที่สามยังไม่แต่งงาน เพิ่งกลับจาก กรุงเทพ และเป็นคนที่พ่อแม่ฝากทุกสิ่งทุกอย่างให้ พร้อมเงินของพ่อด้วย) หลังจากที่พี่คนที่สามกลับมาจากกรุงเทพ ก็ไม่ค่อยได้ทำอะไรมาก นอกจะไปทำสวน (ครอบครัวเราเป็นชาวสวนดอกไม้) แต่ไม่เคยได้เงินเลยเราก็ไม่เข้าใจ อาจจะได้บ้างแต่ได้น้อย เค้าบอกเรามาอย่างนี้ ช่วงที่เค้าไม่มีเงินเค้าจะขอพ่อแม่

ปลายปีที่ผ่านมาเป็นช่วงที่ครอบครัวมีปัญหาเยอะมากเป็นสิ่งที่ทำให้เราไม่รู้จะแก้ปัญหายังไงเลย

ปัญหาที่หนึ่ง พี่ชายคนที่สองหย่ากับภรรยา ก่อนหย่ากันคงจะมีเรื่องอะไรที่ทำให้พี่ชายคนที่สองรู้ว่าพี่สะใภ้มีกีก ทุกๆครั้งที่ทะเลาะกัน ก็จะทะเลาะกันเรืองแบบนี้ตลอด ทะเลาะกันทุกวันจนพ่อกับแม่ต้องพาหลานไปนอนด้วย สงสารหลาน หลังจากนั้นพี่สะใภ้หนีกลับบ้านโดยพาหลานทั้งสองคนไปด้วย ประมาณหนึ่งอาทิตย์ด้วยความที่แม่เลี้ยงหลานโตมากับมือแม่คิดถึงจึงโทรไปบอกให้พี่สะใภ้กับบ้านและพาหลานกลับมาแต่พี่สะใภ้ไม่ยอมกลับ จนพี่สะใภ้ไปเที่ยวเกาหลีและให้หลานทั้งสองคนอยู่กับตายาย แม่เลยบอกให้พี่ชายคนที่สองไปพาหลานกลับมา หลานอาจไม่คุ้นกับตายาย สงสารใครจะป้อนน้ำป้อนข้าวใครจะดูแล แม่คงเป็นห่วงของแม่ไป พี่ชายคนที่สองเลยไปพาหลานมาอยู่ แต่หลังจากนั้นสักพักพี่ชายคนที่สองก็เริ่มพูดคนเดียว จิตหลอนบ้าง

กลางคืนออกไปตามหาพี่สะใภ้ ไม่ยอมหลับยอมนอน พูดคนเดียวทะเลาะกับตัวเอง จนพี่คนที่สามลำคัญเคยคิดจะจับขังในห้องนอนให้มันหายบ้า (อาจจะติดยาด้วยมั้งคะ) แต่ก็ทำไม่ลงได้แต่ทะเลาะกับมัน จริงเราไม่รู้เรื่องพวกนี้เลยถ้าไม่ได้กลับบ้าน เรากลับไปที่บ้านเห็นพี่คนที่สอง คนที่เราเห็นว่ามันร่าเริงที่สุดในบ้าน อ้วนที่สุดในบ้าน พูดมากที่สุดในบ้าน แต่ ณ ตอนนั้น มันไม่ใช่เลย ไม่ยิ้มไม่ทักทายเหมือนทุกครั้งที่กลับบ้าน พูดอยู่คนเดียว ดุร้าย บางครั้งก็ด่าลูกตัวเองว่าไม่ให้ไปหาแม่ โน้น นี่ นั้นคนเดียว ไม่มีใครพูดกับพี่คนที่สองแล้วมันจะฟัง เรากลับบ้านแค่หนึ่งคืนแต่เหมือนช่วงเวลาทั้งปี เลวร้ายมาก สงสารหลานมาก แต่ก็ดีที่หลานนอกกับพ่อแม่เรา จนเมื่อ กลางเดือน ธันวา พี่ชายคนที่สองกับพี่สะใภ้หย่ากันจริงๆ พี่สะใภ้มาขนของที่บ้านและพาหลานสาวกลับไป เหลือหลานชายไว้ให้พี่ชายคนที่สอง จริงๆ จะพาไปทั้งสองคน แต่เหมือนหลานคนที่สองจะพอเข้าใจเหตุการณ์ว่าเป็นยังไง คงสงสารพ่อตัวเอง เลยเลือกที่จะอยู่กับพ่อ (อายุ 6 ขวบกว่า) เรื่องนี้เราก็เพิ่งรู้เพราะกลับบ้านเหมือนกัน

แต่สิ่งที่สะเทือนใจเราคือ แม่เป็นคนที่ขี้โมโห ใครทำอะไรก็ไม่ถูกใจ โมโหไปหมด ตอนที่เรากลับบ้าน หลานก็นั่งดูการ์ตูนที่พี่ชายคนโต โหลดลงโนตบุ๊คให้ดู (พี่ชายคนโตเป็นคนเดียวที่คอยพูดกับคนในบ้านให้สงบ) อาจจะเพราะรักมาก และสงสารหลาน ตอนที่หลานกำลังดู แม่ก็ใช้ให้เราไปนวดให้แม่โดยใช้เจ้าเครื่องนวดมือ แต่เราไม่ว่างบอกให้แม่รอแปปหนึ่ง ทำกับข้าวเสร็จจะทำให้ สักแปป แม่คงเอาเครื่องนวดมานวดเองก่อนและไปโดนสายไฟทำให้คอมดับ หลานร้องไห้บอกว่าทำดับทำไม (ค่อนข้างขี้แย ไม่สู้คนเท่าไหร) แม่เลยด่า ด่าเจ็บมาก เท่าที่เราได้ยิน ด่าจนพ่อตะโกนด่าแม่ว่าด่าทำไมแบบนั้น คำพูดดีๆพูดไม่เป็นหรอ คำด่าของแม่ประมาณว่า ขนาดตัวแค่นี้ยังไม่รักแม่เลย ถ้าโตมาจะรักหรอ เอาแต่ใจ บลา บลา ๆ(ได้ยินไม่ชัด) แต่ด่าปิดท้ายแม่บอก ว่า อย่าหวังว่าแม่จะเลี้ยงเลย เลี้ยงไปก็ไม่รักแม่ อะไรสักอย่างประมาณนี้ สักพักหลานก็ออกจากห้องนอนของแม่และเดินออกไปข้างนอก เราสงสารมาก พ่อเห็นหลานเดินออกไปก็เรียกตามว่าไปไหน แต่หลานไม่ตอบ เราจึงเดินออกไปหา

เห็นหลานนอกกับม้านั่งที่มีพนักพิง นอนร้องไห้อยู่เราเลยกอดหลานและบอกว่าอย่าร้องไห้ เราพลอยร้องไปด้วย เสียใจแทนหลาน ไม่คิดว่าแม่จะพูดอย่างนี้ ทั้งๆที่แม่เป็นคนเลี้ยงมันจนโต และบอกว่ารัก คิดถึง แต่ทำไม ถึงด่าแบบนี้ พอมันหยุดร้องก็บอกให้ไปเล่นกับพี่(หลานสาวของพี่สาวข้างบ้าน) หลังจากมันไปเล่นเราก็ไปนวดให้แม่ อาจจะเพราะโมโหที่แม่ด่าอย่างนั้นเลย พูดค่อนข้างดังว่า จะไปด่ามันแรงๆทำไม มันไม่มีใครเลยนะที่มันจะพึ่งได้อะ นอกจากพ่อกับแม่ แล้วด่ามันอย่างนี้มันไม่เสียใจแย่หรอ (ด่าไปนวดไปเสียใจไป) สักแปปอารมณเย็นเราก็บอกแม่ว่าโมโหอะโมโหได้แต่ขอละอย่าด่าอะไรที่จะไม่เลี้ยงมันเลย ถ้าไม่คิดจะเลี้ยงมันทำไมไม่เอาให้พี่สะใภ้ เวลามันไม่อยู่คิดถึงมันไม่ใช่หรอ แม่ก็เงียบ นอนให้เรานวดจนเสร็จ

ปัญหาที่สอง ตอนที่กลับบ้านนั่งคุยกับพ่อ ปกติพ่อเป็นคนที่ไม่ด่า ใคร ใจดีมาก พ่อก็พูดถึงเรื่องที่ไม่มีใครช่วยพ่อทำงาน พี่ชายใช้ไม่ได้สักคน ติดเพื่อน ไม่สนใจใครเลย และเงินที่พ่อเอาให้พี่คนที่สามไปฝาก พอพ่อบอกให้พี่คนที่สามถอนเงินมาให้พ่อจะซื้อปูนมาเทหน้าบ้าน และซื้อกระเบื้องมามุงห้องน้ำใหม่ที่สร้าง พี่กลับซื้อได้แค่ปูนเท่านั้นและบอกว่าเงินหมดแล้ว ซื้อปูนแค่สองกระสอบ แต่บอกว่าเงินหมดแล้ว พ่อถามว่าทำไมหมด มันบอกว่าก็ซื้อปูนหมดแล้ว บลา บลาาา ของมันไป พ่อเล่าว่าเงินที่เก็บนี้ตั้งใจเก็บให้มันเอาไว้ได้แต่งงานและไว้ให้เรารับปริญญา พ่อพูดอะไรมากมายมากๆแต่จำไม่ค่อยได้ เห็นพ่อร้องไห้เราทำอะไรไม่ถูกเลย พี่ชายคนที่สามจะมาหาพ่อกับแม่ก็ต่อเมื่อมาขอเงินเท่านั้น ไม่คิดจะช่วยงานเลย เวลามาขอก็จะบอกว่าเดี๋ยวคืนให้ เพราะมันจะไปส่งดอกหรือขิงอะไรสักอย่างไม่รู้จะเรียกว่าอะไรแต่เป็นยาสมุนไพรที่มันปลูกขาย พอได้เงินสองสามหมื่น มันไม่เคยคืนพ่อเลย จะว่าจะด่าอะไรก็ไม่ฟัง อารมณ์ร้อนขี้โมโห ใครพูดอะไรก็จะตอบว่ารู้แล้วพูดมากน่าเบื่อ และขับรถออกไป พ่ออยากให้เราถามมันว่าเงินแสนหนึ่งมันเอาไปทำอะไรหมด ไม่ได้ให้มันเอามาคืนแค่อยากรู้ว่าเอาไปทำอะไร เลี้ยงเหล้าเพื่อนหรือว่าเอาไปเที่ยวหมด (สำหรับคนอื่นเงินอาจไม่เยอะแต่คนจนอย่างเรามันเยอะมาก)

ปัญหาที่สาม ตอนนี้มีแต่คนขอเงิน ต้น เดือน กลางเดือน สิ้นเดือน แม่โทรมาถามตลอดว่าเงินออกหรือยังจะให้แม่เท่าไหร ถ้าแม่ทำงานมีเงินเหมือนเรานะแม่จะซื้อของทุกอย่างที่แม่ของแม่(ยาย)อยากได้เลย พูดให้เราคิดว่าทำไมเราไม่ซื้ออะไรให้แม่ เราก็บอกว่าเราไม่มีหรอกเงินซื้อของให้แม่ เราต้องผ่อนรถ จ่ายค่าหอ เงินเดือนแค่หมื่นเดียวเอง จะกินจะใช้ยังไม่มียังต้องหางานพิเศษทำอีก แล้วเราจะเอาเงินที่ไหนมาให้แม่ทุกๆอาทิตย์ละ

อีกคนที่ โทรขอบ่อยมาก พี่คนที่สอง โทรมาตลอดแต่เราไม่ให้ เพราะไม่มีให้ แต่สงสารตอนเราเรียนตอนเราทำงาน เวลาเราไม่มีมันก็ให้เรา จึงทำให้ไม่อยากปฏิเสธ เราเหนื่อยมากๆ ทำงาน ตั้งแต่เช้า จน ตีหนึ่ง ตีสอง ตื่นเช้าไปทำงาน ทำงานเครียดเหนื่อยอยากโทรหาพ่อแม่โทรไปไม่ค่อยจะมีคนรับสายเลย บางครั้งนั่งกินข้าวเย็นคนเดียวร้องไห้ รู้สึกเหนื่อย ไม่รู้จะบอกกับใคร บอกกับแฟน แฟนก็บ่น บ่นจนไม่อยากฟัง บ่นจนน้ำตาเราไหล บ่นจนทะเลาะกัน เค้าเป็นห่วงแต่เค้าเป็นคนพูดตรงๆ ไม่แสแสร้งไม่ค่อยให้กำลังใจแต่จะสอนมากกว่า

ตอนนี้เราเหนื่อยมากทำงานเหนื่อยสุดๆ ทั้งบริษัททำงานทุกอย่าง ตั้งแต่แม่บ้านยัน ผู้จัดการ แต่เงินเดือนได้แค่หมื่น ลูกค้า กับ เจ้านายก็เรื่องมาก จนอยากลาออก แต่งานมันหายากเลยจำใจอยู่ เครียดกับงาน เครียดกับครอบครัว บางครั้งก็เครียดกับความรักที่ล้มๆลุกๆ แต่ก็เชื่อว่าสักวันคงจะดีเอง

พล่ามซะยาวเลย เฮ้อ ก็ได้แต่คิด ชีวิตคนเราก็ต้องสู้ต่อไปถ้ายังไม่ตาย สักวันคงเป็นวันของเรา
ปัญหาที่มี ก็ได้แต่คิดว่าสักวัน สักวันจะมีคนมาแก้ให้เรา(คิดเห็นแกตัวมาก) และสักวัน พวกพี่ๆ อาจจะคิดได้ ตั้งตัวได้
ไม่รู้จะพูดยังไงให้พวกพี่เข้าใจ ไม่รู้จะทำยังไง พูดไปก็ไม่มีใครฟัง เกิดเป็นน้อง ไม่ดีเลย สั่งสอนใครก็ไม่ได้
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่