โดยมาตรฐานของประเทศที่การพัฒนาประชาธิปไตยพัฒนาขึ้นไปถึงระดับที่ไม่ต้องวกกลับมาถกเถียงกัน ว่าพื้นฐานของประชาธิปไตยคืออะไรแล้ว
ปฏิกิริยาตอบสนองต่อสถานการณ์การเมืองที่เกิดขึ้นในประเทศไทยนั้นแสดงถึงความรู้สึกระคนกันไป
ระหว่างแปลกประหลาดใจ หดหู่ และสมเพช
แต่มีจุดร่วมอย่างเดียวกันอย่างเห็นได้ชัด
คือปัญหาในระบอบประชาธิปไตยต้องแก้ไขด้วยกติกาประชาธิปไตย
ไม่ใช่ด้วย "กติกู" ตามใจใคร
โดยมิได้นัดหมาย หนังสือพิมพ์ใหญ่ชั้นนำของโลก เขียนบทบรรณาธิการเรื่องการเมืองไทย
โดยพร้อมเพรียงกัน
บทบรรณาธิการวอลล์สตรีต เจอร์นัล 4 ก.พ. เรื่อง "ประเทศไทยไปเลือกตั้งเพื่อประชาธิปไตย
รัฐประหารโดยตุลาการ จะถือเป็นการให้รางวัลแก่พฤติกรรมที่ย่ำแย่ของพรรคประชาธิปัตย์"
ระบุว่า การต่อสู้ขับไล่รัฐบาลด้วยกระบวนการกฎหมู่นั้นล้มเหลวลงแล้ว เห็นได้จากยอดผู้ชุมนุม
ต่อต้านรัฐบาลที่ลดลง
จึงเหลือเพียงแค่หนทางเดียวที่จะล้มรัฐบาลคือการใช้กระบวนการศาล
กองทัพและชนชั้นสูงร่วมกันเพิ่มอำนาจให้แก่ตุลาการผ่านรัฐธรรมนูญปี 2550 แต่หากศาลรัฐธรรมนูญ
หรือ ป.ป.ช.ใช้อำนาจของตนในการล้มรัฐบาลเพื่อไทย ก็อาจจะกลายเป็นอวสานขององค์กรเหล่านี้
เพราะประชาชนไทยในเขตชนบทกำลังเริ่มหมดความอดทนกับการกระทำที่ขัดขวางสิทธิ
ในการเลือกพรรคการเมือง
ความเชื่อที่ว่าหนทางสู่อำนาจของตนจะต้องมาด้วยกฎหมู่บนท้องถนนและทนายความ แทนที่
จะเป็นการเลือกตั้งคือรากของปัญหาในประเทศขณะนี้
พรรคการเมืองที่ประพฤติตนเป็นเด็กเสียคน และเอาแต่บอยคอตการเลือกตั้งนั้น สมควรถูก
ลงโทษด้วยการถูกจับไปนั่งข้างนอกสนามการเมือง
จนกว่าจะมีวุฒิภาวะเป็นผู้ใหญ่
บทบรรณาธิการของไฟแนนเชียล ไทมส์ สื่อทรงอิทธิพลสัญชาติอังกฤษ 4 ก.พ.2557 เรื่อง
"ประเทศไทยเสี่ยงกลายเป็นประชาธิปไตยชั้นสาม" ระบุว่า
น่าเศร้าอย่างยิ่งที่การเลือกตั้งเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ไม่สามารถช่วยกอบกู้วิกฤตการเมืองไทย
ในปัจจุบันได้มากนัก เนื่องจากผู้นำฝ่ายต่อต้านรัฐบาล นอกจากจะประกาศบอยคอตการเลือกตั้ง
แล้ว ยังขัดขวางผู้อื่นไม่ให้ไปเลือกตั้ง
ทั้งหมดนี้ไม่ได้ส่งผลเสีย เฉพาะต่อประชาธิปไตยไทย แต่ยังเป็นผลเสียต่อเศรษฐกิจของ
ประเทศอีกด้วย
จริงอยู่ว่ารัฐบาลมีจุดบกพร่องหลายประการ เช่น การเร่งผลักดันกฎหมายนิรโทษกรรม
และนโยบายจำนำข้าว
แต่ก็ต้องโทษฝ่ายค้านด้วย เพราะฝ่ายค้านของไทยดูเหมือนกำลังมุ่งมั่นที่จะฉีกทำลาย
ระบอบประชาธิปไตยไทย หลังแพ้การเลือกตั้งมาตลอด 20 ปีที่ผ่านมา
ถ้าหากนโยบายเช่นนี้สร้างผลเสียต่อประเทศชาติจริง ฝ่ายค้านของไทยก็ควรต่อสู้ประเด็นนี้
ในรัฐสภา ไม่ใช่ด้วยการประท้วงบนท้องถนน
และถ้าหากรัฐประหารเกิดขึ้นจริง บรรดาผู้สนับสนุนรัฐบาล ซึ่งพยายามอดทนอดกลั้นมา
ตลอดวิกฤตนี้ อาจจะตัดสินใจออกมาประท้วงบนถนนเสียเอง
และนำไปสู่ความย่อยยับในที่สุด
บทบรรณาธิการของนิวยอร์กไทม์ส 4 ก.พ.2557 เรื่อง "การขัดขวางประชาธิปไตยในประเทศไทย"
มีใจความว่า
ไทยกำลังอยู่ในห่วงเวลาอันมืดมน หลังการเลือกตั้งเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ถูกขัดขวางโดย
กลุ่มผู้ประท้วงที่ต้องการเว้นวรรคประชาธิปไตย ซึ่งอาจนำพาประเทศสู่ความปั่นป่วนที่รุนแรง
กว่านี้ได้
การประท้วงต่อต้านรัฐบาลครั้งนี้มีแกนนำเป็นนักการเมืองฝ่ายค้าน ที่เป็นตัวแทนของบรรดา
ชนชั้นสูงในเมืองและประชาชนจากภาคใต้ ที่ปฏิเสธจะลงเลือกตั้ง เพราะทราบดีว่าจะแพ้แน่นอน
หากฝ่ายค้านในไทยมีใจมุ่งมั่นในการกำจัดคอร์รัปชั่นและเสริมสร้างประชาธิปไตยจริง ก็ควร
หยุดการประท้วง พร้อมเสนอแผนการปฏิรูปที่ละเอียดและโปร่งใส
เพื่อผู้มีสิทธิจะได้เลือกที่จะยอมรับหรือปฏิเสธเอง
จะมีใครตั้งข้อสงสัยอีกไหมว่า
ทักษิณซื้อสื่อใหญ่ในโลกไปหมดแล้ว?
(ที่มา:มติชนรายวัน 6 กุมภาพันธ์ 2557)
ร่วมเป็นแฟนเพจเฟซบุ๊กกับมติชนออนไลน์
www.facebook.com/MatichonOnline
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1391672238&grpid=&catid=12&subcatid=1200
′ปึ้ง′ เผยเตรียมเชิญทูตานุทูตแจงสรุปเหตุการณ์การการเมืองสัปดาห์หน้า ข่าวมติชนออนไลน์
เมื่อวันที่ 6 ก.พ. เวลา 13.15 น.ที่สำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม เมืองทองธานี นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล
รองนายกรัฐมนตรีและรมว.ต่างประเทศ กล่าวว่าจากการชุมนุมของกลุ่มกปปส.ที่อ่อนตัวลงได้ขบวนการจ้องล้มรัฐบาล
และขบวนการอื่นเริ่มดำเนินการแล้ว เช่น กลุ่มรัฐบุคคลที่มีการเผยแพร่คลิปวีดีโอเนื้อหาเรียกร้องให้มีการปฎิวัติ รวมทั้ง
กรณีม.ร.ว.ปรีดียาธร เทวกุล อดีตรองนายกรัฐมนตรีเเละรมว.คลัง เรียกร้องให้น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและ
รมว.กลาโหมลาออกจากนายกฯรักษาการ ว่า นายกฯได้รับหนังสือดังกล่าวแต่ไม่ได้พูดอะไร ตนไม่ทราบว่าเหตุใดจึง
ต้องการนายกฯที่ไม่ได้มาจาการเลือกตั้ง และอยากถามม.ร.ว.ปรีดียาธร ว่าอยากเป็นนายกฯเองหรืออย่างไร ทั้งนี้ตน
สงสัยว่าหากมีรัฐบาลที่ไม่ได้มาจากการเลือกตั้งอาจจะทำให้มีการแย่งตำแหน่งนายกฯและรัฐมนตรีกันมาก นอกจากนี้
กระบวนการตุลาการภิวัฒน์ก็ออกมาค่อนข้างจะแรง ไม่ว่าจะเป็นศาลรัฐธรรมนูญ หรือคณะกรรมการป้องกันและปราบ
ปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.)
นายสุรพงษ์ กล่าวอีกว่า ในสัปดาห์หน้าตนได้จัดทำซีดีสรุปเหตุการณ์ทางการเมือง และจะเชิญทูตานุทูตจากทุกประเทศ
เข้ารับฟังการสรุปเหตุการณ์ตั้งแต่การเริ่มชุมนุมประท้วงจนถึงกระบวนการขัดขวางการเลือกตั้ง รวมถึงความพยายามที่
จะทำให้การเลือกตั้งเป็นโมฆะ และความจำเป็นที่จะต้องมีศูนย์รักษาความสงบ (ศรส.) จนกว่าการเลือกตั้งจะแล้วเสร็จ
สมบูรณ์ ที่กระทรวงการต่างประเทศในเวลา 11.00 น. โดยตนจะไปชี้แจงเอง แต่ขณะนี้ยังไม่สามารถกำหนดวันได้
เนื่องจากยังจัดทำซีดีสรุปเหตุการณ์ฯยังไม่แล้วเสร็จ
เมื่อถามว่า เหมือนกับว่ากลุ่มดังกล่าวต้องการใช้วิธีการไม่เป็นประชาธิปไตยหรือไม่ นายสุรพงษ์ กล่าวว่า ม.ร.ว.ปรีดียาธร
มีจดหมายเปิดผนึกเป็นการส่วนตัว กลุ่มรัฐบุคคลก็ประชุมที่สนามโปโลคลับและต้องการใช้วิธีการที่ไม่เป็นประชาธิปไตย
ภายใต้รัฐธรรมนูญ แต่ไม่ได้พูดถึงสิ่งที่อยู่ในรัฐธรรมนูญและพูดถึงสิ่งที่ควรมีการปฏิวัติและปฏิรูป สิ่งที่ม.ร.ว.ปรีดิยาธร
ออกเป็นแถลงการณ์เรียกร้องให้นายกฯลาออก ยังไม่ใช่เวลานี้ เนื่องจากยังไม่มีรัฐบาล หากจะมีต้องเป็นรัฐบาลกลาง
ซึ่งไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง ฉะนั้นสิ่งที่ม.ร.ว.ปรีดิยาธร พูดจึงไม่ได้อยู่ในระบอบประชาธิปไตย และถ้าอ่านรัธรรมนูญก็
จะรู้ว่าเขียนไว้ชัดเจนว่ารัฐบาลรักษาการต้องทำหน้าที่จนกว่าจะมีรัฐบาลชุดใหม่ แต่ถ้าไม่รู้แสดงว่าไม่เคยอ่านรัฐธรรมนูญ
<
<
<
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1391682185&grpid=&catid=01&subcatid=0100
หึ หึ เชื่อแล้วทักษิณ ซื้อสื่อตปท.เกือบทั้งหมด ปชป.และ กปปส.ซื้อกลับด่วน
รัฐบาลเชิญทูตฟังสถานะการณ์อีกแล้ว เมื่อไหร่ กปปส. จะเชิญทูตมารับฟังแถลงการณ์
ถึงความสำเร็จ ในการขัดขวางการเลือกตั้ง ตามจุดต่างๆ ทั้งในกทม. และภาคใต้
ดร.สมเกียรติ และดร.เสรี พร้อมแล้วที่จะเป็นโฆษก ให้แน่นอน
จับจ้อง มองไทย เมื่อโลก ล้อมเมือง เสียงหนุน เลือกตั้ง วิเคราะห์ มติชนออนไลน์ รัฐบาลเชิญทูต แถลง สัปดาห์หน้า
ปฏิกิริยาตอบสนองต่อสถานการณ์การเมืองที่เกิดขึ้นในประเทศไทยนั้นแสดงถึงความรู้สึกระคนกันไป
ระหว่างแปลกประหลาดใจ หดหู่ และสมเพช
แต่มีจุดร่วมอย่างเดียวกันอย่างเห็นได้ชัด
คือปัญหาในระบอบประชาธิปไตยต้องแก้ไขด้วยกติกาประชาธิปไตย
ไม่ใช่ด้วย "กติกู" ตามใจใคร
โดยมิได้นัดหมาย หนังสือพิมพ์ใหญ่ชั้นนำของโลก เขียนบทบรรณาธิการเรื่องการเมืองไทย
โดยพร้อมเพรียงกัน
บทบรรณาธิการวอลล์สตรีต เจอร์นัล 4 ก.พ. เรื่อง "ประเทศไทยไปเลือกตั้งเพื่อประชาธิปไตย
รัฐประหารโดยตุลาการ จะถือเป็นการให้รางวัลแก่พฤติกรรมที่ย่ำแย่ของพรรคประชาธิปัตย์"
ระบุว่า การต่อสู้ขับไล่รัฐบาลด้วยกระบวนการกฎหมู่นั้นล้มเหลวลงแล้ว เห็นได้จากยอดผู้ชุมนุม
ต่อต้านรัฐบาลที่ลดลง
จึงเหลือเพียงแค่หนทางเดียวที่จะล้มรัฐบาลคือการใช้กระบวนการศาล
กองทัพและชนชั้นสูงร่วมกันเพิ่มอำนาจให้แก่ตุลาการผ่านรัฐธรรมนูญปี 2550 แต่หากศาลรัฐธรรมนูญ
หรือ ป.ป.ช.ใช้อำนาจของตนในการล้มรัฐบาลเพื่อไทย ก็อาจจะกลายเป็นอวสานขององค์กรเหล่านี้
เพราะประชาชนไทยในเขตชนบทกำลังเริ่มหมดความอดทนกับการกระทำที่ขัดขวางสิทธิ
ในการเลือกพรรคการเมือง
ความเชื่อที่ว่าหนทางสู่อำนาจของตนจะต้องมาด้วยกฎหมู่บนท้องถนนและทนายความ แทนที่
จะเป็นการเลือกตั้งคือรากของปัญหาในประเทศขณะนี้
พรรคการเมืองที่ประพฤติตนเป็นเด็กเสียคน และเอาแต่บอยคอตการเลือกตั้งนั้น สมควรถูก
ลงโทษด้วยการถูกจับไปนั่งข้างนอกสนามการเมือง
จนกว่าจะมีวุฒิภาวะเป็นผู้ใหญ่
บทบรรณาธิการของไฟแนนเชียล ไทมส์ สื่อทรงอิทธิพลสัญชาติอังกฤษ 4 ก.พ.2557 เรื่อง
"ประเทศไทยเสี่ยงกลายเป็นประชาธิปไตยชั้นสาม" ระบุว่า
น่าเศร้าอย่างยิ่งที่การเลือกตั้งเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ไม่สามารถช่วยกอบกู้วิกฤตการเมืองไทย
ในปัจจุบันได้มากนัก เนื่องจากผู้นำฝ่ายต่อต้านรัฐบาล นอกจากจะประกาศบอยคอตการเลือกตั้ง
แล้ว ยังขัดขวางผู้อื่นไม่ให้ไปเลือกตั้ง
ทั้งหมดนี้ไม่ได้ส่งผลเสีย เฉพาะต่อประชาธิปไตยไทย แต่ยังเป็นผลเสียต่อเศรษฐกิจของ
ประเทศอีกด้วย
จริงอยู่ว่ารัฐบาลมีจุดบกพร่องหลายประการ เช่น การเร่งผลักดันกฎหมายนิรโทษกรรม
และนโยบายจำนำข้าว
แต่ก็ต้องโทษฝ่ายค้านด้วย เพราะฝ่ายค้านของไทยดูเหมือนกำลังมุ่งมั่นที่จะฉีกทำลาย
ระบอบประชาธิปไตยไทย หลังแพ้การเลือกตั้งมาตลอด 20 ปีที่ผ่านมา
ถ้าหากนโยบายเช่นนี้สร้างผลเสียต่อประเทศชาติจริง ฝ่ายค้านของไทยก็ควรต่อสู้ประเด็นนี้
ในรัฐสภา ไม่ใช่ด้วยการประท้วงบนท้องถนน
และถ้าหากรัฐประหารเกิดขึ้นจริง บรรดาผู้สนับสนุนรัฐบาล ซึ่งพยายามอดทนอดกลั้นมา
ตลอดวิกฤตนี้ อาจจะตัดสินใจออกมาประท้วงบนถนนเสียเอง
และนำไปสู่ความย่อยยับในที่สุด
บทบรรณาธิการของนิวยอร์กไทม์ส 4 ก.พ.2557 เรื่อง "การขัดขวางประชาธิปไตยในประเทศไทย"
มีใจความว่า
ไทยกำลังอยู่ในห่วงเวลาอันมืดมน หลังการเลือกตั้งเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ถูกขัดขวางโดย
กลุ่มผู้ประท้วงที่ต้องการเว้นวรรคประชาธิปไตย ซึ่งอาจนำพาประเทศสู่ความปั่นป่วนที่รุนแรง
กว่านี้ได้
การประท้วงต่อต้านรัฐบาลครั้งนี้มีแกนนำเป็นนักการเมืองฝ่ายค้าน ที่เป็นตัวแทนของบรรดา
ชนชั้นสูงในเมืองและประชาชนจากภาคใต้ ที่ปฏิเสธจะลงเลือกตั้ง เพราะทราบดีว่าจะแพ้แน่นอน
หากฝ่ายค้านในไทยมีใจมุ่งมั่นในการกำจัดคอร์รัปชั่นและเสริมสร้างประชาธิปไตยจริง ก็ควร
หยุดการประท้วง พร้อมเสนอแผนการปฏิรูปที่ละเอียดและโปร่งใส
เพื่อผู้มีสิทธิจะได้เลือกที่จะยอมรับหรือปฏิเสธเอง
จะมีใครตั้งข้อสงสัยอีกไหมว่า
ทักษิณซื้อสื่อใหญ่ในโลกไปหมดแล้ว?
(ที่มา:มติชนรายวัน 6 กุมภาพันธ์ 2557)
ร่วมเป็นแฟนเพจเฟซบุ๊กกับมติชนออนไลน์
www.facebook.com/MatichonOnline
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1391672238&grpid=&catid=12&subcatid=1200
′ปึ้ง′ เผยเตรียมเชิญทูตานุทูตแจงสรุปเหตุการณ์การการเมืองสัปดาห์หน้า ข่าวมติชนออนไลน์
เมื่อวันที่ 6 ก.พ. เวลา 13.15 น.ที่สำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม เมืองทองธานี นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล
รองนายกรัฐมนตรีและรมว.ต่างประเทศ กล่าวว่าจากการชุมนุมของกลุ่มกปปส.ที่อ่อนตัวลงได้ขบวนการจ้องล้มรัฐบาล
และขบวนการอื่นเริ่มดำเนินการแล้ว เช่น กลุ่มรัฐบุคคลที่มีการเผยแพร่คลิปวีดีโอเนื้อหาเรียกร้องให้มีการปฎิวัติ รวมทั้ง
กรณีม.ร.ว.ปรีดียาธร เทวกุล อดีตรองนายกรัฐมนตรีเเละรมว.คลัง เรียกร้องให้น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและ
รมว.กลาโหมลาออกจากนายกฯรักษาการ ว่า นายกฯได้รับหนังสือดังกล่าวแต่ไม่ได้พูดอะไร ตนไม่ทราบว่าเหตุใดจึง
ต้องการนายกฯที่ไม่ได้มาจาการเลือกตั้ง และอยากถามม.ร.ว.ปรีดียาธร ว่าอยากเป็นนายกฯเองหรืออย่างไร ทั้งนี้ตน
สงสัยว่าหากมีรัฐบาลที่ไม่ได้มาจากการเลือกตั้งอาจจะทำให้มีการแย่งตำแหน่งนายกฯและรัฐมนตรีกันมาก นอกจากนี้
กระบวนการตุลาการภิวัฒน์ก็ออกมาค่อนข้างจะแรง ไม่ว่าจะเป็นศาลรัฐธรรมนูญ หรือคณะกรรมการป้องกันและปราบ
ปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.)
นายสุรพงษ์ กล่าวอีกว่า ในสัปดาห์หน้าตนได้จัดทำซีดีสรุปเหตุการณ์ทางการเมือง และจะเชิญทูตานุทูตจากทุกประเทศ
เข้ารับฟังการสรุปเหตุการณ์ตั้งแต่การเริ่มชุมนุมประท้วงจนถึงกระบวนการขัดขวางการเลือกตั้ง รวมถึงความพยายามที่
จะทำให้การเลือกตั้งเป็นโมฆะ และความจำเป็นที่จะต้องมีศูนย์รักษาความสงบ (ศรส.) จนกว่าการเลือกตั้งจะแล้วเสร็จ
สมบูรณ์ ที่กระทรวงการต่างประเทศในเวลา 11.00 น. โดยตนจะไปชี้แจงเอง แต่ขณะนี้ยังไม่สามารถกำหนดวันได้
เนื่องจากยังจัดทำซีดีสรุปเหตุการณ์ฯยังไม่แล้วเสร็จ
เมื่อถามว่า เหมือนกับว่ากลุ่มดังกล่าวต้องการใช้วิธีการไม่เป็นประชาธิปไตยหรือไม่ นายสุรพงษ์ กล่าวว่า ม.ร.ว.ปรีดียาธร
มีจดหมายเปิดผนึกเป็นการส่วนตัว กลุ่มรัฐบุคคลก็ประชุมที่สนามโปโลคลับและต้องการใช้วิธีการที่ไม่เป็นประชาธิปไตย
ภายใต้รัฐธรรมนูญ แต่ไม่ได้พูดถึงสิ่งที่อยู่ในรัฐธรรมนูญและพูดถึงสิ่งที่ควรมีการปฏิวัติและปฏิรูป สิ่งที่ม.ร.ว.ปรีดิยาธร
ออกเป็นแถลงการณ์เรียกร้องให้นายกฯลาออก ยังไม่ใช่เวลานี้ เนื่องจากยังไม่มีรัฐบาล หากจะมีต้องเป็นรัฐบาลกลาง
ซึ่งไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง ฉะนั้นสิ่งที่ม.ร.ว.ปรีดิยาธร พูดจึงไม่ได้อยู่ในระบอบประชาธิปไตย และถ้าอ่านรัธรรมนูญก็
จะรู้ว่าเขียนไว้ชัดเจนว่ารัฐบาลรักษาการต้องทำหน้าที่จนกว่าจะมีรัฐบาลชุดใหม่ แต่ถ้าไม่รู้แสดงว่าไม่เคยอ่านรัฐธรรมนูญ
<
<
<
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1391682185&grpid=&catid=01&subcatid=0100
หึ หึ เชื่อแล้วทักษิณ ซื้อสื่อตปท.เกือบทั้งหมด ปชป.และ กปปส.ซื้อกลับด่วน
รัฐบาลเชิญทูตฟังสถานะการณ์อีกแล้ว เมื่อไหร่ กปปส. จะเชิญทูตมารับฟังแถลงการณ์
ถึงความสำเร็จ ในการขัดขวางการเลือกตั้ง ตามจุดต่างๆ ทั้งในกทม. และภาคใต้
ดร.สมเกียรติ และดร.เสรี พร้อมแล้วที่จะเป็นโฆษก ให้แน่นอน