เจาะข่าวเด่น 5 ก.พ. 57 ความชัดเจนของเหตุผลที่มีน้ำหนัก VS ความขัดแย้งของเหตุผลที่เลื่อนลอย

กระทู้สนทนา
จากรายการเจาะข่าวเด่น คู่ของคุณหญิงหมอพรทิพย์ กับ อ.เจษฏา
กระทู้นี้ไม่อยากจะต่อว่าคุณหญิงมาก เพราะท่าทีหลายอย่างของหมอยังดีกว่าคนจากฝั่ง กปปส.หลาย ๆ คน

แต่ขอพูดตามเนื้อหา

จากในรายการ ... เห็นว่าความคิดของคุณหญิงไม่สมเหตุสมผลในหลายประการกล่าวคือ

คุณหญิงกล่าวว่ารัฐบาลนี้เป็นเหมือนมะเร็งร้าย ต้องทำทุกวิถีทางที่จะกำจัดมะเร็ง
ใช้วิธีการของสุเทพก็ได้ ส่วนจะเลวร้ายยังไง อันนั้นเป็นเหมือนโรคอื่นค่อยไปรักษาเอาทีหลัง

ด้วยความเคารพนะคุณหญิง วิธีแบบที่คุณหมอว่า มันไม่ใช่การรักษาตามหลักวิชาครับ แต่เป็นการรักษาด้วย "ยาผีบอก"
คือคุณหมอคิดว่าคนไข้เป็นมะเร็ง แต่หมอคนอื่น รวมถึงญาติคนไข้คนอื่นเขาไม่คิดว่าเป็นมะเร็ง แต่คิดว่าโรคนี้มีวิธีรักษาตามแบบแผนอย่างอื่น

ไม่จำเป็นต้องเอาพ่อมดหมอผีมารักษา โดยที่วิธีการเป็นอย่างไรก็ไม่รู้ เอายาอะไรให้กินก็ไม่รู้ ไม่มีหลักการรองรับ ไม่มีอนาคตอะไรสักอย่าง
มิหนำซ้ำยังฉีดโรคร้ายเข้าตัวเพิ่มเติมเสียอีก โรคมีแต่จะทรุดลงกว่าเดิม

ถามคุณหญิงหน่อยเถอะ
ที่ออกมาประท้วงแล้วยกอ้างเรื่องจำนำข้าวนี่ ... ทำไมไม่ให้ประชาชนเป็นผู้ลงโทษรัฐบาลเอง
ถ้ารัฐบาลทำไม่ถูกในเรื่องนี้ เลือกตั้งครั้งนี้ประชาชนรอลงโทษแน่ รัฐบาลต้องเก็บเกี่ยวผลการบริหารที่ผิดพลาดของตน
โดยที่ประชาชนจะเลือกพรรครัฐบาลน้อยลง การลงโทษโดยเสียงประชาชนแบบนี้จะศักดิ์สิทธิ์และมีความหมายกว่าที่ กปปส.ทำเป็นไหน ๆ

หรือตัวตนที่แท้จริงคุณหญิงนั้นไม่มีความศรัทธาในกระบวนการประชาชน

อีกทั้งกระบวนพิจารณาลงโทษเรื่องทุจริตหรือไม่ ก็มีองค์กรที่รับผิดชอบอยู่แล้ว กปปส. จะประท้วงหรือไม่ องค์กรเหล่านั้นก็ทำหน้าที่ของตนโดยที่ไม่เกี่ยวอะไรกับ กปปส.

สิ่งที่ กปปส.ทำ คือการบังคับคนไม่ให้ออกเสียง มันไม่ใช่การปฏิรูป แต่มันยิ่งกว่าการปฏิวัติเสียอีก
ย้อนยุคไปเหมือนการปฏิวัติของพวกเรดการ์ดนิยมลัทธิเหมา หรือฟาสซิสของมุสโสลินีโน่น
มันข้ามขั้นตอน ทำลายระบบ บั่นทอนรากแก้วประชาธิปไตย ทำลายความปรองดองของคนในชาติ ไม่มีวันเป็นคำตอบหรือแสงสว่างอะไรได้

ต่อมา ... เมื่อ อ.เจษ ยกเหตุผลที่ว่าวิธีการแบบที่ กปปส.ทำไม่ใช่การแก้ปัญหา
คุณหญิงไถลดริ๊ฟท์ไปเรื่องธรรมะเรื่องศีลธรรมอะไรไปโน่น

ผมถามหน่อย ... เรามีปรอทหรือเครื่องวัดศีลธรรม ธรรมะ อะไรเป็นรูปธรรมได้ไหม ... เลื่อนลอยมาก
สิ่งที่วัดได้และเป็นวิทยาศาสตร์คือ กฏเกณฑ์กติกาของการอยู่ร่วมกัน

หลักเกณฑ์ความดีของคนหนึ่ง อาจจะไม่ใช่ศีลธรรมของอีกคนหนึ่ง ...
การตัดสินกันในนามของความดีทำให้เขมรฆ่ากันตายเป็นล้าน ๆ คนมาแล้ว เหตุเพราะมีแกนนำเขมรแดงคนหนึ่งต้องการทำความฝันตามวิทยานิพนธ์ของตนให้เป็นจริง จึงส่งผลให้เกิดเหตุการณ์ทุ่งสังหารขึ้น

ดังนั้นถ้าไม่เคารพกติกาทุกอย่างไม่มีวันจบ วันนี้คุณปิดปากคนจนได้ชัยชนะ วันหน้าเขาก็ต้องลุกขึ้นมาสู้ วนเวียนอย่างนี้ไม่มีจบสิ้น
ไม่มีใครจะได้ประโยชน์เลยนอกจากนักการเมือง

ต่อมา ... นอกจากเลื่อนลอยแล้ว คุณหญิงยังพูดแย้งกันเองอย่างไม่มีที่สิ้นสุด

จากการเปรียบเทียบเรื่องการรักษาโรค มาเรื่องเลือกตั้ง มาเรื่องข้าว แล้วมาจบเรื่องศีลธรรม
โดยทุกเรื่องคุณหญิงเป็นผู้ยกมาก่อนทั้งสิ้น แล้ว อ.เจษตามอธิบาย
แต่ที่น่าขันคือ คุณหญิงกลับบอกว่า จะให้หมอพูดเรื่องข้าว เรื่องเลือกตั้ง เรื่องศีลธรรม มันไม่ใช่ ... แหมขี้ลืมจัง

คุณหมอมาจบลงที่ว่า
ผู้ใดถอยก่อนผู้นั้นเป็นผู้ยิ่งใหญ่ โดยสรุปให้รัฐบาลถอย

รัฐบาลยุบสภาคืนอำนาจให้ประชาชนในขณะที่ความนิยมตกต่ำถึงขีดสุด นี่ยังไม่เรียกว่าถอยอีกเหรอครับ
จะให้ถอยยังไงอีก ... จะให้ถอยโดยให้สุเทพขึ้นมาตั้งสภา โดยไม่ต้องมีการเลือกตั้ง โดยไม่มีความชอบธรรม โดยไม่ีมีกฏหมายอะไรรองรับเลย
มันไม่เป็นบ้านป่าเมืองเถื่อนไปเลยเหรอ ... จะเป็นทางออกที่ถูกต้องได้อย่างไร

กระทุ้นี้จะไม่พูดเรื่อง GT200 จะไม่กล่าวถึงเรื่องที่คุณหมอมักทำหน้าที่เกินนักนิติวิทยาศาสตร์มืออาชีพที่ควรพิสูจน์แต่หลักฐานไม่ควรชี้นำรูปคดี เพราะถือเป็นคนละเรื่องกัน

แต่หลังจากที่ฟังคุณหมอถกกับ อ.เจษฏาแล้ว ผู้ชมอย่างผมเห็นว่า อ.เจษนั้นมีเหตุผลเสมอต้นเสมอปลายในทุกเรื่องที่ออกมาแสดงความคิดเห็น
ส่วนคุณหมอก็มีความเห็นไม่เป็นในเชิงวิทยาศาสตร์เสมอต้นเสมอปลายเช่นกันครับ

คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่