ปฎิรูปการพนันเสี่ยงโชคที่ต้องรับผิดชอบต่อสังคมไทย

ประเทศไทยของเรานั้นนับว่าเป็นประเทศที่มีวัฒนธรรมหลากหลายยาวนาน ทั้ังที่เป็นที่ยอมรับเชิดหน้าชูตาต่อชาวโลกและไม่เป็นที่ยอมรับทั่วไปด้วยแล้วทำเหมือนไม่มีอยู่จริง  ทั้งที่ดูว่าดีเลิศประเสริฐศรีเป็นเอกลักษณ์ประจำชาติ และไม่ดีเข้าขั้นอบายมุข มอมเมา มั่วสุม  ซึ่งการเสี่ยงโชคชิ่งรางวัล หรือ การพนันขันต่อ ก็ต้องนับว่ากลายเป็นวัฒนธรรมควบคู่กับสังคมไทยมานมนานกาเล มาเป็นร้อยๆปีแล้ว นับจากที่มีการจดบันทึกว่าเริ่มต้นที่ประเทศจีน  เมื่อประมาณ 100 ปีก่อนคริสต์ศักราช จากนั้นได้แพร่หลายต่อไปสู่ทั่วสังคมโลกจนเข้ามาสู่ประเทศไทย  ในเรื่องของการพนันขันต่อเริ่มเข้ามาในยุคใด สมัยใดไม่มีการบันทึกเป็นหลักฐานที่แน่ชัด แต่สันนิษฐานว่าการพนันน่าจะเข้ามาโดยการติดต่อทางการค้ากับประเทศจีน  ซึ่งคนจีนนำเข้ามา คือ การพนันประเภทถั่วโป ตั้งแต่สมัยกรุงสุโขทัยเป็นราชธานี แต่ที่มีปรากฏหลักฐานให้เห็นเด่นชัดนั้นมีขึ้นอยู่ในสมัยกรุงศรีอยุธยาเป็นราชธานี โดยในสมัยของสมเด็จพระเจ้าปราสาททอง หรือ ในสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราชได้มีการเล่นการพนันชนิดหนึ่งเรียกว่า กำตัด ซึ่งมีวิธีการเล่นและอุปกรณ์การเล่นคล้ายคลึงกับการเล่นถั่ว หรือ อีจี๋ของประเทศจีน จากข้อสันนิษฐานและเรื่องราวจากประวัติศาสตร์ดังกล่าวพอสรุปได้ว่า คนไทยได้รู้จักการเล่นการพนันมาตั้งแต่สมัยกรุงสุโขทัยเป็นราชธานี โนนแล้ว  ส่วนที่บันทึกได้เป็นเรื่องเป็นราวแน่ชัดที่สุดของประเทศไทย ก็คือการเล่นพนันประเภท"หวย"ซึ่งเป็นต้นกำเนิดของสลากกินแบ่ง สลากกินรวบ หรือลอตเตอรี่ (มีกำเนิดมาจากประเทศจีนในสมัยพระเจ้าเตากวางแห่งราชวงศ์ไต้เช็ง ประมาณ พ.ศ. 2364 – 2394) ซึ่งแต่เดิมได้มีการเรียกกันว่า ฮวยหวย (จีบยี่กี) และ ต่อมาภายหลังได้แพร่หลายเข้ามาในประเทศแถบทวีปยุโรปและอเมริกา เมื่อเทคโนโลยีทางจักรกลและไฟฟ้าเจริญก้าวหน้าจึงเกิดมีการเล่นแบบพลิกแพลง เช่น สล๊อทแมชีน หรือบิลเลียดไฟฟ้า เป็นต้น

ปัจจุบันนี้สังคมไทยควรนับปัญหา"การพนันเสี่ยงโชค"เป็นหนึ่งส่วนที่รวบรวมเข้าไปอยู่ในความเป็นอยู่ ในระบบชีวิตประจำวันในสังคม อย่าคิดว่า"ไกลตัว"กลายเป็นเรื่อง"ซับซ้อน"จนหาข้อมูลแนวทาง"บริหารจัดการ"และ"ควบคุมป้องกัน"ไม่ได้ หรือ คิดใกล้ตัวจนเป็นส่ิงที่ง่ายดาย"ตื่นเต้นเร้าใจ"จนยอมรับว่า"ชอบ"เลยเถิดไปจนติดถอนตัวไม่ได้ส่งผลร้าย ต่อคนใกล้ตัว  ต่อครอบครัว  ต่อเพื่อนฝูง  และต่อกลายเป็นปัญหาพื้นฐานของสังคมไปในทึ่สุด (อันที่จริงก็เป็นปัญหาที่แทรกอยู่แล้วในแทบจะทุกๆกลุ่มสังคมในขณะนี้) เราลองมายกตัวอย่างเอาแบบที่มันใกล้ตัวเราๆท่านๆคนทำงานทั่วไป รวมถึงเด็กๆเยาวชน นักเรียน นักศีกษา ตัวอย่างเช่น สลากกินแบ่งรัฐบาล หวยใต้ดืน หวยโชคทอง แมสเซสชิงรางวัล(โชคทองจากน้ำชาเขียว) แข่งม้า ตีไก่ ต่อมวย(สารพัดวิก) การพนันทางเทดโนโลยีออนไลน์ แทงบอล บาคาล่า หวยใต้ดืนออนไลน์ บ่อนการพนันทั้งที่เสียงค่าคุ้มครองและไม่เสียค่าคุ้มครอง บ่อนลอย บ่อนวิ่ง จุดรวมตัวของพวกรถรับจ้างตามพื้นที่ว่างต่างๆ มอเตอร์ไซด์รับจ้าง แท็กซี่ รถบรรทุก และไม่เว้นแม้แต่เจ้าหน้าที่บ้านเมืองที่ตั้งบ่อนเล่นกันได้แม้แต่อยู่ในสถานที่ราชการ ในแฟลต(เคยเห็นเล่นกันทั้งในเครื่องแบบก็มี)

แล้วถ้าพูดถึง"ปัญหาการพนัน"และ"ปัญหาการเสี่ยงโชคชิงรางวัล"สิ่งที่จะต้องมีควบคู่กันไปก็ต้องเป็นเรื่องของการตรวจจับบังคับใช้กฎหมายมาของเจ้าหน้าที่รัฐ มาควบคุมการกระทำผิด มาล้อมคลอก ซึ่งต้องบอกว่าไม่ได้ผล ไม่มีประสิทธิ์ภาพแต่ไหนแต่ไร เหตุง่ายก็เพราะว่าเจ่หน้าที่นั้นแหละเข้าไปมีส่วนร่วม ไปรับไปมีผลประโยชน์ร่วมเสียเอง หรือ คนใกล้ชิดของท่านๆไปดำเนินการเอาเสียเอง จะไปดูไปตามจับก็แต่คู่แข่งในพื้นที่หรือฝ่ายตรงข้ามตามใบสั่งเท่านั้นอะไรแบบนี้  แต่นัยความเป็นจริงเจ้าหน้าที่ดีเขาก็มี(มีดีมีชั่วในทุกๆวงการ)แต่ภาพรวมก็อย่างที่ว่ามันมาจากหัวขบวนมาจากระดับที่สูงกว่า"สูญญากาศ"ในการบังคับใช้จึงเกิดขึ้น

ซึ่งหนทางแก้ไขที่ดีที่สุดน่าจะต้องเป็นการปลูกฝัง"ความตระหนักรู้ รู้เท่าทัน ฝึกฝนจิตใจ และเสริมสร้างความเข้าใจเพื่อความรับผิดชอบให้รอบด้าน"เป็นภูมิคุ้มต้านทานกลจักรของการพนันที่มีในทุกๆรูปแบบ  ซึ่งต้องไม่ใช่วิถีทาง"ป้องกัน ปิดกัน ปฎิเสธ และประนามแบบสุดโต่ง"มันตึงเกิดไปเพราะที่ผ่านๆมามองแล้วไม่สามารถที่จะป้องกันให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีจริงๆเลย  เหตุเพราะว่าเวลานี้"โลกเปลี่ยนไปตลอดเวลา"เทคโนโลยี่การสื่อสารกระบวนการรูปแบบใหม่ของการพนันเกิดขึ้นตลอดเวลา สังคมมีช่องว่างมากมายคอยตามปิดช่องอย่างเดียวไม่มีทางปิดได้หมด (แทงบอลทางมือถือ หวยมือถือเดียวก็มี) เห็นควรว่า สถาบันครอบครัวและสังคมจะต้องหันกลับมาเรียนรู้อย่างจริงจัง หาแนวทาง หนทาง ให้กับคนใกล้ชิดของตัวเองได้"ตระหนักรู้ รู้เท่าทัน ฝึกฝนจิตใจ และเสริมสร้างความเข้าใจเพื่อความรับผิดชอบให้รอบด้าน"ให้กับตัวเองไว้ให้ได้ก่อนเป็นดี