เราเพิ่งสมัครเรียนภาษาอังกฤษกับสถาบันแห่งหนึ่ง เรียนมาได้สัปดาห์ที่ 3 แล้ว เรียนทุกวันจันทร์ กับ ศุกร์ วันละ 2 ชม. ตอน 1 ทุ่ม โดยก่อนสมัครเรียนได้คุยกันชัดเจนแล้วเข้าใจว่าเราต้องเรียนวันตามกำหนดเท่านั้นถ้าวันไหนไม่สะดวก สามารถมาเรียนในรอบอื่นที่เป็นบทเดียวกันได้ คือ วันอังคารกับพุธตอน 6 โมงเย็น หรือ ไม่ก็เรียนวันเสาร์รวดเดียว 4 ชม. ซึ่งอันนี้เราเข้าใจและยอมรับได้ก็เป็นปกติของหลายๆ สถาบัน เราจึงได้ตัดสินใจเรียน เพราะที่นี่คลาสนึงไม่เกิน 6 คน และรอบที่เราเรียนก็มีแค่ 3-4 คนเท่านั้น
แต่วันศุกร์หน้าวันที่ 14 คือวันมาฆบูชา ซึ่งเป็นวันหยุดของโรงเรียน เราก็คิดว่าเขาจะโยกคลาสของเราไปวันอื่นของสัปดาห์ ในเวลา 1 ทุ่ม โดยอาจจะแจ้งให้นักเรียนทราบ แต่กลับกลายเป็นว่าวันที่ 14 เขาจะยุบคลาสของเราเลย โดยคนที่เรียนคลาสนี้จะต้องเลือกเองว่าจะเรียนเป็นวันพุธตอน 6 โมงเย็น หรือจะมาเรียนในวันเสาร์แทน ซึ่งก็คือต้องนั่งเบียดกับนักเรียนประจำในรุ่นนั้นๆ ทั้งๆ ไม่ได้เป็นความผิดนักเรียน แต่เป็นเพราะรอบเรียนของกลุ่มนี้ตรงกับวันหยุดของโรงเรียน เราเลยรู้สึกว่ามันไม่ค่อยยุติธรรมกับนักเรียนเท่าไหร่ ซึ่งพอเราพูดไปทางโรงเรียนก็ยืนยันว่าเป็นกฎของโรงเรียน ซึ่งข้อนี้ตอนก่อนจ่ายค่าเรียนเราได้ถามเซลก่อนแล้ว แต่อาจจะคุยกันแล้วเราเข้าใจผิดเอง แต่เราก็รู้สึกว่ามันดูไม่ค่อยแฟร์กับนักเรียนเท่าไหร่นัก ค่าเรียนของที่นี่ก็ไม่ได้ถูก แต่วันที่โรงเรียนหยุดกลับยุบคลาสของเราซะดื้อๆ โดยไม่มีการเลื่อนไปวันอื่นในเวลาเดิมให้ เพราะถ้าเรียน 6 โมงเย็น เลิกงานยังไงก็มาไม่ทันแน่ ส่วนวันเสาร์นั้นบังเอิญว่าเราติดงานที่เลี่ยงไม่ได้ เราจึงไม่สามารถมาเรียนได้
ก่อนหน้านี้เซลกำลังจะมาขายคอร์สเพิ่มเราเองก็คิดอยู่ว่าอาจจะซื้อคอร์สเพิ่ม เพราะชอบเพื่อนในห้อง ชอบอาจารย์ และหลักสูตรที่นี่ก็ดึงดูดให้เราอยากเรียนภาษาอังกฤษเราเลยคิดจะเรียนในระยะยาว แต่พอมาเจอเคสนี้เข้าเลยอาจต้องตัดสินใจใหม่ซะแล้ว เลยอยากถามเพื่อนๆ ดูว่าเคสนี้ทางโรงเรียนเอาเปรียบนักเรียนเกินไปมั๊ย หรือเราควรจะไม่สนใจประเด็นนี้แล้วสมัครเรียนต่อไปตามอย่างที่คิดไว้ครั้งแรก อยากขอความคิดเห็นหน่อยค่ะ เพราะเรากลัวเราคิดมากเกินไปแต่อีกใจหนึ่งก็คิดว่าจ่ายเงินก็ไม่ได้ถูกแต่รู้สึกเหมือนถูกเอาเปรียบยังไงไม่รู้
โรงเรียนสอนภาษาอังกฤษทำแบบนี้ถือว่ายุติธรรมกับนักเรียนหรือไม่คะ
แต่วันศุกร์หน้าวันที่ 14 คือวันมาฆบูชา ซึ่งเป็นวันหยุดของโรงเรียน เราก็คิดว่าเขาจะโยกคลาสของเราไปวันอื่นของสัปดาห์ ในเวลา 1 ทุ่ม โดยอาจจะแจ้งให้นักเรียนทราบ แต่กลับกลายเป็นว่าวันที่ 14 เขาจะยุบคลาสของเราเลย โดยคนที่เรียนคลาสนี้จะต้องเลือกเองว่าจะเรียนเป็นวันพุธตอน 6 โมงเย็น หรือจะมาเรียนในวันเสาร์แทน ซึ่งก็คือต้องนั่งเบียดกับนักเรียนประจำในรุ่นนั้นๆ ทั้งๆ ไม่ได้เป็นความผิดนักเรียน แต่เป็นเพราะรอบเรียนของกลุ่มนี้ตรงกับวันหยุดของโรงเรียน เราเลยรู้สึกว่ามันไม่ค่อยยุติธรรมกับนักเรียนเท่าไหร่ ซึ่งพอเราพูดไปทางโรงเรียนก็ยืนยันว่าเป็นกฎของโรงเรียน ซึ่งข้อนี้ตอนก่อนจ่ายค่าเรียนเราได้ถามเซลก่อนแล้ว แต่อาจจะคุยกันแล้วเราเข้าใจผิดเอง แต่เราก็รู้สึกว่ามันดูไม่ค่อยแฟร์กับนักเรียนเท่าไหร่นัก ค่าเรียนของที่นี่ก็ไม่ได้ถูก แต่วันที่โรงเรียนหยุดกลับยุบคลาสของเราซะดื้อๆ โดยไม่มีการเลื่อนไปวันอื่นในเวลาเดิมให้ เพราะถ้าเรียน 6 โมงเย็น เลิกงานยังไงก็มาไม่ทันแน่ ส่วนวันเสาร์นั้นบังเอิญว่าเราติดงานที่เลี่ยงไม่ได้ เราจึงไม่สามารถมาเรียนได้
ก่อนหน้านี้เซลกำลังจะมาขายคอร์สเพิ่มเราเองก็คิดอยู่ว่าอาจจะซื้อคอร์สเพิ่ม เพราะชอบเพื่อนในห้อง ชอบอาจารย์ และหลักสูตรที่นี่ก็ดึงดูดให้เราอยากเรียนภาษาอังกฤษเราเลยคิดจะเรียนในระยะยาว แต่พอมาเจอเคสนี้เข้าเลยอาจต้องตัดสินใจใหม่ซะแล้ว เลยอยากถามเพื่อนๆ ดูว่าเคสนี้ทางโรงเรียนเอาเปรียบนักเรียนเกินไปมั๊ย หรือเราควรจะไม่สนใจประเด็นนี้แล้วสมัครเรียนต่อไปตามอย่างที่คิดไว้ครั้งแรก อยากขอความคิดเห็นหน่อยค่ะ เพราะเรากลัวเราคิดมากเกินไปแต่อีกใจหนึ่งก็คิดว่าจ่ายเงินก็ไม่ได้ถูกแต่รู้สึกเหมือนถูกเอาเปรียบยังไงไม่รู้