กระทู้เตือนใจสำหรับ ผู้ที่คิดจะทำบัตรเครดิตแบบใช้เงินสดค้ำประกัน กับ ธนาคาร ไทยพาณิชย์

สวัสดีครับเพื่อนๆชาวพันทิพย์ทุกท่าน

       ก่อนอื่นต้องขอเรียนก่อนว่า ไม่ได้มา ดิสเครดิต หรือใช้อารมณ์ในการว่ากล่าว หรือ ดิสเครดิต ธนาคารแห่งนี้เลย  ทุกสิ่งทุกอย่างที่เขียนออกมา ผมเขียนด้วยความมีสติสัมปะชัญญะทุกประการ และคิดว่ากระทู้นี้จะเป็นกระทู้เตือนใจเพื่อนๆพี่หลายๆ
คนในที่นี้ให้ตระหนัก และตริตรองอย่างรอบคอบ ก่อนที่จะคิดทำบัตรเครดิต โดยเฉพาะ บัตรเครดิตแบบใช้เงินค้ำประกัน ครับ

วันที่เกิดเหตุ          31    มกราคม    2557

สถานที่เกิดเหตุ        ธนาคารไทยพาณิชย์   สาขาโรงพยาบาล เซนต์หลุยล์   เขต สาทร

    ผมมีอาชีพหลักในการทำงานบริษัทแห่งหนึ่ง+ เปิดเว็ปไซส์ขายสินค้าทางอินเตอร์เน็ตเป็นอาชีพเสริม  ด้วยวุฒิการศึกษา ทำให้เงินเดือนของผมยังไม่ผ่านคุณสมบัติของการสมัครบัตรเครดิตครับ แต่ก็ไม่เคยดิ้นรนที่คิดจะทำบัตรเครดิตมานานหลายปีตั้งแต่เคยตั้งกระทู้สอบถามความเป็นไปได้ที่จะทำบัตรเครดิตเมื่อประมาน 3 ปีที่แล้ว  
        จนกระทั่ง ธุรกิจ ขายของทางอินเตอร์เน็ต ที่ผมเปิดมาได้ประมาณ 4 ปี เริ่มขยับขยายตัวขึ้น  การสั่งซื้อสินค้าและการบริการมากขึ้น  ทำให้ผมเริ่มมองหาลู่ทางที่จะทำให้รายได้ผมเพิ่มมากขึ้นและคุ้มค่ากับตัวผม  ผมเลยตัดสินใจหาข้อมูลสำหรับการ ยื่นขอบัตรเครดิตแบบใช้เงินค้ำประกันดูครับ ผมเตรียมเอกสารทุกอย่าง ตามที่ได้เคยโทรสอบถาม คอลเซ็นเตอร์แล้ว และศึกษาจากอินเตอร์เน็ต
        หลังจากนั้นจึงได้เข้าไปยังธนาคารสาขาดังกล่าว เพื่อสอบการและเปิดบัญชี สมัครบัตรเครดิตแบบใช้เงินฝากค้ำประกัน
ผมไปถึงเวลา บ่ายสามโมงนิดๆ ครับก็เข้าไปสอบถามเจ้าหน้าที่ที่ให้บริการทันที

สิ่งที่รู้สึกถึงความไม่เป็นมืออาชีพ คือ การสอบถามกันข้ามหน้าข้ามตา
ผมเจอคำถามแรกที่รู้สึกนิดๆ คือ  ติดเครดิตบุโรไหม?
คำถามอาจดูไม่แรงครับแต่การคุยลักษณะตะโกนถาม ข้ามหน้าข้ามตากัน แทนที่จะให้ลูกค้านั่งแล้วคุยกันก่อน มันดูไม่ให้เกียรติลูกค้าเท่าไหร่ ครับอันนี้คือความคิดส่วนตัว ของคนที่มีความตั้งใจ อยากจะเอาเงินไปฝากกับเค้าถึงแม้จะเป็นการค้ำประกันการขอใช้บัตรเครดิต ครับ

        สักพักเจ้าหน้าที่ให้ผมไปนั่งรอคิวครับ ผมก็ไปนั่งรอคิวจน ลูกค้าเริ่มซาลงแล้ว เลยเอะใจว่า หากจะเปิดอีกบัญชีผมจะต้องไปถอนเงินออกมาก่อน ผมเลยไปสอบถามเจ้าหน้าที่ที่ว่างไม่มีลูกค้าครับ จากนั้นก็เดินออกไปกดเงินหน้าธนาคาร
    แต่ปรากฏว่า ตู้ATM กำลังปิดเพื่อใส่เงินเข้าไปครับ ผมก็นึกขึ้นมาได้ทันทีว่า วันนี้ผม มีจุดประสงค์ อีกอย่างที่จะทำธุรกรรมกับธนาคารนี้ นั่นคือ การเปลี่ยนเบอร์โทรศัพท์ที่ใช้ในการทำธุรกรรมอินเตอร์เน็ตแบงค์กิ้งเป็นเบอร์ที่ใช้ในปัจจุบัน ผมเลยหยิบสมุดบัญชีธนาคาร  ติดมาด้วยครับ  ก็เลยกะว่าจะใช้บุคแบงค์ถอนออกมาดีกว่า หลังจากนั้นจึงกลับเข้าไปในธนาคาร

        เจ้าหน้าที่ท่านแรกเชิญผมมาเพื่อทำการถอนเงิน แต่เธอบอกว่า เครื่องเธอทำไม่ได้ ให้ผมรอเจ้าหน้าที่คนถัดไป ผมก็โอเคครับ ระหว่างที่รอเธอได้เอาสมุดบัญชีผมไปอัพเดทให้เพื่อคั่นเวลา หลังจากนั้นสักพักพนักงานผู้หญิงที่จะให้บริการผม ก็เดินมานั่งโต๊ะครับ  

เธอสอบถามว่า :    ทำไมถึงจะทำบัตรเครดิตแบบเอาเงินค้ำประกัน   ผมทำงานอะไร  ทำไมเงินเดือนไม่ถึง ?
ผมตอบออกไปว่า:     ผมเป็นฟรีแลนซ์ครับ  ผมเปิดเว็ปขายของ  เงินเดือนประจำผมไม่สามารถทำบัตรเครดิตได้ครับ
เธอสอบถามกลับมาอีกว่า :    ขอโทษนะคะไม่ทราบว่ามีเงินฝากประจำบ้างไหม
ผมตอบ:        มีครับ
เธอถาม:        เท่าไหร่คะ
ผม:        100000
เธอ:        ห๊ะ แค่ แสนเดียว ที่ถามเพราะทำไมไม่ทำแบบใช้เงินฝากประจำในการค้ำประกันคะ?    
    
        ผมเงียบไปครับก็ยิ้มตอบกลับไป หลังจากนั้นเธอก็ขอเอกสารผมครับ คือบัตรประชาชนและ ทะเบียนบ้าน ซึ่งตรงนี้ผม คิดว่าเป็น สำเนาทะเบียนบ้านครับ เพราะผมเป็น คน ตจว มาทำงานที่กรุงเทพ เลยมีแต่สำเนาเก็บไว้กับตัว เธอหยิบ บัตรประชาชนผมไปดู แล้วมาพูดกับผมว่า

“บัตรประชาชนไม่เหมือนตัวจริงเลยคะ ไปทำอะไรกับทรงผมมาคะในบัตรไม่เหมือนเลย”

ผมก็อยากจะตอบสวนกลับไปแรงๆเหมือนกันแต่ตอนนั้นผมไม่ได้โกรธอะไร จึงพูดแค่ว่า อ๋อรูปสมัยก่อนครับทรงผมสมัยก่อน แหะๆ

       เพื่อนๆครับ  บัตรประชาชนผมถ่ายตอน พ.ศ 2552    ปีนี้ 2557 แล้ว ผมก็อยากรู้ว่า หน้าตาผมมันจะไม่เปลี่ยนไปตามวัยบ้างเลยเหรอครับ 5 ปีแล้ว

         ระหว่างที่กำลังสนทนาเรื่องบัตรประชาชนผม  พนักงานท่านนี้ก็ได้เปลี่ยนสมุดบัญชีเล่มใหม่ให้ผม เนื่องจากเดิมที่เอามาอัพเดท มันล้นมาเยอะมากครับ เนื่องจากตั้งแต่เปิดใช้งานมาผมก็จะใช้แค่ เอทีเอ็ม และธุรกรรมการเงินทางอินเตอร์เน็ต ตลอด สมุดเล่มนี้เลยเก็บไว้อย่างดีในซองเอกสารครับ  หลังจากนั้นเธอก็ได้พินิจพิเคราะห์กับบัตรประชาชนของผมและนำไปถ่ายสำเนา ผมจึงยื่นสำเนาทะเบียนบ้านที่เตรียมมาให้เธอครับ เธอตอบกลับมาว่า

“ ไม่ได้ค่ะ เอกสารต้องเป็นของจริง ต้องให้ดิฉันเป็นผู้ยืนยันว่าได้ซีร๊อกสำเนาจากสาขานี้ไป ใช้สำเนาที่เตรียมมาไม่ได้ค่ะ”
ผมเลยบอกไปว่า  พี่ครับผมเป็นคนต่างจังหวัดครับ เลยไม่ได้เตรียมสำเนาฉบับจริงมา
เธอย้อนกลับว่า จังหวัดไหนคะ?
ผมก็พาลซื่อ เชียงใหม่ครับ
เธอเลยหันไปคุยกับเพื่อน   “ นี่ก็คนเหนือเหมือนกัน  มาชุบตัว แล้วหัวเราะ”
อ่าวว่าให้เราหรือปล่าว  แต่ก็คิดว่า เค้าคงแซวเล่นกับเพื่อนและว่าให้เพื่อนเค้า ไม่ใช่ว่าให้เรา

        หลังจากที่พนักงานหญิงคนนั้นแจ้งผมให้ที่บ้านส่งเอกสาร คือสำเนาทะเบียนบ้าน ฉบับจริงมาแล้วค่อยมาใหม่ พร้อมทั้งกล่าวขอโทษผมพร้อมทั้งฉีกเอกสารสำเนาพวกบัตรประชาชนทิ้ง ผมก็เดินออกมาและคิดว่า ไม่เป็นไร เดี๋ยวโทรให้น้องสาวส่งเอกสารมาให้แล้วค่อยมาทำ

    เรื่องมันน่าจะจบแล้วใช่ไหมครับ แต่ยังครับ พอผมออกมาแล้วผมก็เอะใจว่า ลืมขอเปลี่ยนเบอร์โทรศัพท์ที่ใช้ในการทำธุรกรรมอินเตอร์เน็ต เลยเดินเข้ามาอีกรอบ คราวนี้ผมเดินหาพนักงานที่ใกล้ประตูที่สุด เพราะไม่ค่อยมีลูกค้ามาใช้บริการแล้ว ผมตรงเข้าไปที่พนักงานอีกท่าน พร้อมกล่าวว่า
       
         พี่ครับ ผมจะรบกวนขอเปลี่ยนแปลงเบอร์โทรศัพท์ที่ใช้ในการทำธุรกรรมอินเตอร์เน็ตครับ พนักงานท่านนั้นขอบัตรประชาชนพร้อมบัญชีธนาคารของผม ผมเลยยื่นไปครับ  พนักงานหญิงท่านเดิมเดินกลับมาพร้อมทั้งหยิบบัตรประชาชนผมไปให้เพื่อนดู พร้อมหัวเราะ

"เนี๊ยะ ดูสิ ตัวจริงไม่เหมือนในบัตรเลย เอาบัตรประชาชนใครมาใช้หรือปล่าว ทำไมในรูปไม่เหมือนตัวจริงเลย"  พร้อมหันไปชี้ชวนให้พนักงานอีกท่านดู  ครั้งนี้ผมเริ่มฉุนครับ ผมเลยบอกไปว่า บัตรของผมครับเพียงแต่ทรงผมเปลี่ยนเท่านั้นเอง พร้อมทั้งพยายามหาอะไรมายืนยันเพื่อพิสูจน์ตัวเอง จากกระเป๋าใส่เงินครับ ก็ไปเจอ บัตรเครดิตอีกใบ ที่เป็นบัตรเสริม ที่มีชื่อผมอยู่เพราะพยายามหาแล้วครับแต่มันไม่มีอะไรบ่งบอก เอาวะอย่างน้อยบัตรเครดิตใบนี้ก็มีชื่อผมติดอยู่ เลยยื่นออกไปให้พนักงานที่นั่งอยู่ตรงนั้นดู

    พนักงานท่านนั้นคงได้สติเลยบอกว่า โอ๊ยไม่ต้องหรอกค่ะ พูดเล่นไปแค่นั้นเองแล้วก็เดินจากไป

        ผมเลยอดสงสัยไม่ได้ว่า การแต่งตัวผมไม่ให้เกียรติธนาคารหรือไงเปล่า ผมใส่เสื้อยืด กางเกงยีนต์ สะพายกระเป๋า แต่ใส่รองเท้าแตะ แล้วจะมาฝากเงินเพื่อทำบัตร แพลตตินั่ม นี่ ผมแต่งตัวไม่สุภาพเหรอ เสื้อผ้าการแต่งกายผมก็สะอาด ถึงแม้จะไม่ได้ใส่อะไรที่มันแพงมาก แต่ก็ดูไม่ซอมซ่อเลย เพราะถึงรองเท้าจะรองเท้าแตะแต่มันก็หลายตังอยู่นิ  ทำไมพนักงานถึงดูไม่ให้เกียรติ ผมเลย
ตอนนั้นผมเริ่มเซ็งพอสมควรแล้วครับก็คิดว่า คงจะไม่ทำละ เดี๋ยวแจ้งเปลี่ยนเบอร์โทรศัพท์เสร็จก็คงไม่กลับมาทำแล้ว

        แต่เรื่องมันไม่จบเท่านี้ครับ  ผมไม่สามารถเปลี่ยนแปลงเบอร์โทรศัพท์ในการทำธุรกรรมอินเตอร์เน็ตได้เนื่องจาก  พนักงานแจ้งว่า สาขาที่ผมเปิดบัญชีด้วย สะกดชื่อผมลงบัญชีผิดครับ

“จาก อเนก  แต่ พิมพ์มาเป็น  เอนก”

พนักงานท่านนั้นถามว่า ผมไปเปลี่ยนชื่อมาเหรอ ทำไมชื่อในบัตรไม่ตรงกัน ผมก็ตอบว่าเปล่าครับ
เธอถามกลับมาอีกว่า เปิดมานานหรือยัง
ผมตอบกลับไปว่า พี่ครับ ผมทำมาตั้งสี่ปีแล้ว ปกติก็ใช้แต่เอทีเอ็มกับ internet Banking เท่านั้นครับผมก็เพิ่งจะมาเห็นพร้อมพี่เหมือนกันครับ ว่าเค้าพิมพ์ผิด
เธอตอบกลับมาว่า อย่างงั้นต้องให้น้องไปเปลี่ยนบัญชีจากธนาคารสาขาที่เปิด
ผมเลยตอบกลับไป   พี่ครับไกลมากเลยนะครับ เมืองทองธานี  ผมเพิ่งย้ายมาอยู่สาทร ไปค่อนข้างจะลำบาก
ปกติผมใช้แต่ เอทีเอ็มกับ internet Banking เท่านั้นครับที่จะมาเปลี่ยนก็แค่เบอร์มือถือครับ เพราะถ้าจะให้ผมไปคงอีกนาน แบงค์นี้เป็นแบงค์เดียวจริงๆครับที่ต้องมาทำที่ธนาคาร ผมเริ่มโมโหพูดเสียงดังขึ้น แต่ไม่ได้โวยวายหรือเหวี่ยงครับ

    พนักงานท่านนั้นเลยขอตัวไปคุยกับพนักงานคนอื่น  ปรากฏว่า พนักงานที่เดินกลับมา คือ คนที่ล้อบัตรประชาชนสองรอบนั้นเองครับ

“ไม่ได้คะ ถ้าไม่ไปเปลี่ยนที่สาขาที่เปิดบัญชีก็ไม่สามารถทำอะไรได้เหมือนกับบัตรเครดิตนั้นแหละคะ ต้องไปเปลี่ยนเองนะคะเพราะไม่งั้นก็จะไม่สามารถเปลี่ยนอะไรให้ได้ค่ะ”
ผมเลยอึ้งเพราะ พี่แกเริ่มจะประชดอีก ผมเลยสวนกลับไปว่า
“ไม่เป็นไรครับถ้าเปลี่ยนไม่ได้ผมก็ใช้เอทีเอ็มต่อไปครับ เพราะคงไม่สะดวงไปจริงๆ เมืองทอง กับ สาธร กว่าผมจะหาวันหยุดวันปกติได้ครับ”
เธอตอบกลับมา ก็แล้วแต่คุณลูกค้าค่ะ เพราะทางสาขาคงไม่สามารถจะเปลี่ยนให้ได้

ผมเลยเดินออกมาครับ เหวอเล็กน้อย แล้วโทรหาพี่ผมเล่าเหตุการณ์ให้ฟัง  ตอนนั้นโกรธมากครับ โกรธที่โดนล้อเรื่องบัตรประชาชน ถึง สองครั้ง โดนล้อเรื่องเงินฝากประจำ อันน้อยนิด ที่บอกว่า  แค่แสนหนึ่ง  ที่โดนพนักงานหัวเราะเยาะและไม่ให้เกียรติ

    ผมอยากถามธนาคารเจ้าของบัญชีเหมือนกันครับว่า  ผมไม่เจียมใช่ไหมครับ ที่บังอาจลากแตะและเอาเงินเก็บอันน้อยนิดไปขอทำบัตรแพลตตินั่ม แบบใช้เงินค้ำประกัน  ตอนนี้ผมเข็ดแบงค์สีม่วงชั่วคราวครับ แต่ผมไม่ได้เหมารวมองค์กรครับว่าไม่ดี ผมว่าเป็นที่สาขาและตัวบุคคลมากกว่า

“พี่ผมบอกว่า  ถ้าผมมีเงินเก็บมากกว่านี้  ในวันข้างหน้า   ผมจะรู้สึกสงสารเค้าเองครับ
สงสารความใจแคบของเค้าที่มองคนหรือปฎิบัติต่อคนอย่างดูถูกดูแคลน”
ถ้าผมเอาบัตรประชาชนคนอื่นไปทำหรือไปใช้ ทำไมไม่เช็คลายเซ็นต์ตอนเปลี่ยนสมุดให้ผมครับ?
ถ้าคุณสมบัติผมไม่เหมาะสม ทำไมไม่ปฎิเสธผมดีๆครับไม่ใช่มา กระแนะกระแหน พูดจาประชดประชันไม่สมเป็นมืออาชีพเลยครับ

ผมฝากให้เรื่องนี้เป็นอุทาหรณ์สอนใจคนอยากใช้บัตรเครดิต ไม่ว่ากรณีใดก็ตามด้วยนะครับ ถ้าสถาบันการเงินสาขานั้นเค้าดูแคลนเรา อย่าได้ลดตัวลงไปใช้บริการของเค้าให้เสียเวลาดีกว่าครับ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่