บันทึกความทรงจำ...ปีครึ่งในอังกฤษ ชีวิตครบรส ช่วงที่ 1

ขอนำเรื่องราวประสบการณ์จากชีวิตจริงที่ได้พบเจอมา การใช้ชีวิตในต่างแดนโดยลำพังมาแชร์และแบ่งบันกับเพื่อนๆนะคะ ทั้งหมดที่เขียนขึ้นเป็นเหมือนการเขียนบันทึกความทรงจำในไดอารี่ที่ค่ะ สำหรับใครที่มีเรื่องราวสนุกๆ ก็อย่าลืมมาเล่าสู่กันฟังบ้างน้าาา

...............................................................................

ไม่น่าเชื่อว่าเวลาจะผ่านไปเร็วยังกับเครื่องบินเจ็ตที่บินผ่านไปต่อหน้าต่อตาแบบแทบจะกะพริบตาไม่ทัน จากสาวน้อยคนไทยที่แทบจะไม่เคยทำอะไรเองเลย ต้องมารบราฝ่าฟันกับทุกสิ่งอย่างที่ไม่เคยคิดว่าจะทำและไม่เคยคิดว่าจะทำได้ แต่ถึงทุกวันนี้ก็ทำให้ทุกคนและตัวเองได้รู้แล้วว่า ชีวิตก็ผ่านมาได้อย่างสวยๆ เริศๆ ตามคอนเส็ปท์ (^3^) muahhh!

ถ้าจะย้อนไปมองจุดเริ่มต้นของการกลายร่างเป็นสาวอังกฤษแบบเริศๆตามตำราของทาร่าแล้วนั้น ก็ต้องย้อนไปเกือบๆสองปีครึ่งโน้นก่อนเลยค่ะ เริ่มจากอกหัก เวิ่นเว้อ และเริ่มหาทางออกนอกประเทศตามที่เคยตั้งใจไว้ตั้งแต่สมัยวัยละอ่อน ถ้าจะให้พูดกันตรงๆก็คือ หนีความจริงค่ะ ไม่อยากเจอ ไม่อยากได้ยิน ไม่อยากอยู่ในที่เดิมๆ เข้าใจอารมณ์ละครหลังข่าวและนิยายที่เคยประนามไว้ว่า "น้ำเน่า" พอถึงคราวตัวเองบ้าง หงายเงิบค่าาา แทบอยากจะไปให้ไกลๆ บินยาวๆ นานๆ ไปเจอสิ่งใหม่ๆ แอบคิดว่าตัวเองเป็นนางเอกนิยาย บินไกลจากบ้านเกิดมาอยู่ต่างประเทศแล้วจะได้เจอพระเอกตาฟ้าๆ หัวทองๆกับเค้าบ้าง อะไรบ้าง แบบเน้ แอร๊ยยย!!! ณ ตอนนั้นฟินอยู่เงียบๆ ฟินแบบไม่ส่งเสียงอยู่คนเดียว อิอิ

เริ่มต้นของชีวิตครบรสด้วยการเรียนภาษาอังกฤษเพื่อสอบ IELTS บอกตรงๆว่า ณ จุดนั้น ยังไม่เคยคิดเลยว่าจะต้องทำอะไร ไปประเทศไหน ที่บ้านบอกให้เรียนก็เรียนๆไปเหอะ คิดแค่นั้นจริงๆค่าาา แหะๆ นิสัยไม่ดีเนอะ เอาหล่ะคราวนี้ เรียนใกล้จบ พี่ๆเจ้าหน้าที่ที่โรงเรียนก็ถามว่าจะให้ช่วยส่งใบสมัครให้มั้ย เอ่ออออ ตอนนั้นได้แค่ตอบไปว่า ค่ะ ก็คงต้องรบกวนพี่อ่ะค่ะ ประกอบกับที่บ้านและญาติๆก็เริ่มถามว่าจะไปเรียนที่ไหน? เรียนอะไร? ไปเมื่อไหร่? แว๊กกกกกก ถามอาร๊ายกันคะคุณๆท่านๆๆ ดิชั้นยังไม่ได้คิดอะไรเลยค่าาาา เรียนไปก็งั้นๆ เข้าหูซ้าย ทะลุหูขวา การบ้านก็เยอะ ขี้เกียจก็แยะ แต่ก็อ่ะนะ เรียนให้คุ้มค่าคอร์สที่พ่อแม่จ่ายไปหน่อย ได้แต่ตอบไปว่า "จะไปยุโรปค่ะ แต่ยังไม่คิดว่าจะไปไหนดี แหะๆ" เท่านั้นแหละค่าพี่น้องประชาชนที่รักทุกท่าน ทาร่ากลายเป็นหมูสามชั้นสับเละๆ ทั้งพี่ป้าน้าอาและท่านๆทั้งหลายร่ายยาวเป็นกิ้งกือสิบล้านตัวคืบคลานต่อกัน คนโน้นว่าอย่างนั้นสิดี คนนี้ว่าอย่างนี้สิดีกว่า อีกคนก็ไม่ยอม พยายามยัดเยียดความรู้และประสบการณ์(ของคนอื่นและจากหนังสือที่เคยอ่าน)ว่าต้องทำอย่างโน้น โดยเฉพาะท่านแม่ของดิชั้นเองคร่าาา นางเตรียมตัวเยอะกว่าคนที่ต้องจากบ้านจากเมืองมาเรียน นางอ่านหนังสือตั้งแต่เริ่มสอบ เริ่มยื่นใบสมัคร บลาบลาบลา และอีกมากมาย...ณ จุดนั้นแอบคิดในใจว่า ถ้านางไปเรียนแทนได้ นางทำไปแร้วค่าาาาา เริศที่สุดท่านแม่ของช้านนนนน

ระหว่างนั้นก็ตกอยุ่ในภาวะทำใจ บวกกับมีแรงฮึดจากการอกหักที่ว่า

"ยิ่งโสด จะต้องยิ่งสวย แต่ไม่ได้สวยเพราะให้เค้ากลับมา แต่สวยเพื่อเพิ่มความมั่นใจและเรียกขวัญกำลังใจของตัวเองกลับมา self-esteem and self confident are the must!"

ช่วงที่ใช้เวลาสุดสัปดาห์ในการเรียนและทำการบ้านนั้น วันธรรมดาทั่วไปก็เริ่มหันมาดูแลสุขภาพตัวเอง ทั้งสุขภาพทางกาย และสุขภาพทางจิต เริ่มต้นด้วยการสวดมนต์ ไหว้พระ ออกกำลังกาย ทานอาหารเจทุกๆวันพระและวันคล้ายวันเกิด...ไม่อยากบอกว่า ดูดีขึ้นมากกกกกกกกกกกกก แอร๊ยยยยยยยยยยยยย ..ไม่ได้คิดไปเองนะค้าาา คนรอบข้างเริ่มทัก เริ่มเป็นจุดสนใจของคนที่ผ่านไปผ่านมา ตอนนั้นกำลังใจเพิ่มขึ้นมาเป็นกองเลยค่าาา จากหญิงสาวอกหักเริ่มกลายเป็นสาวที่มีความมั่นใจและเคารพตัวเองมากขึ้น รู้สึกดีจริงๆค่ะ

ย้อนกลับมาเรื่องเรียนต่อ...หลังจากที่ทนความกดดันจากพ่อแม่พี่น้องไม่ไหว บวกกับภาวะจิตใจเรียกร้อง "อยากไปเมืองนอก ไปไหนก็ได้ ขอให้ได้ไป" นี่เป็นคอนเส็ปท์แรกของการใช้ชีวิตแบบป๊อปๆในดงผู้ดีเก่า ในหัวสมองเริ่มมีการแตกเซลล์ช่วยทำงานในการคิดค้นหาประเทศ เมือง และสาขาที่ต้องการ...บอกตรงๆว่า inspiration อันดับแรกๆคือ ผช ค่าาา คือแบบว่า ณ สมัยละอ่อน นุ่งกระโปรงยาวเลยเข่า เสื้อขาวทรงทหารเรือ ผูกเนกไทด์ (ย้อนไปประมาณเกือบ 10 ปี...แม่เจ้า นี่แก่ขนาดเน้แล้วหราเนี่ยะะะะะะ กรีดร้องงงง) ณ สมัยนั้น ยังเป็นเด็กนักเรียนหัวฟูๆ หน้าเนิร์ดๆ ตั้งใจเรียน ระเบียบจัด เฟอร์เฟกชั้นนิสคนนึงเลยทีเดียว แต่!!!! แต่ค่ะแต่ แอบแอ๊บนะคะ แอ๊บแบบว่า แอ๊บแบบเด็กเนิร์ดอ่ะ แอบชอบอาจารย์ฝรั่งที่สอนวิชาฟังพูดดดดดด แอร๊ยยยยย!!! ณ ตอนนั้นคิดว่า แอบชอบอาจารย์แล้วพยายามทำตัวให้เก่งๆ จะได้โดดเด่นขึ้นมาบ้าง อะไรบ้าง แบบเน้ อาจารย์จะได้จำได้ว่าเราคือใคร ...มันอาจจะฟังดูตลก แต่ขอโทษ...ได้ผลนะค้าาา ฮิฮิฮิ เนี่ยะแหละแอ๊บๆแบบเด็กเนิร์ด ณ สมัยโน้นนนน ในมโนภาพของดิช้านเองงงงงง อ่ะๆๆ กลับมาเรื่อง ผช ต่อดีกว่า เอ่อออ...ไม่ใช่ เรื่องแรงบันดาลใจสิเนอะๆๆ แหะๆ ขอโทษค่ะ นอกเรื่องไปนิดส์นึง เค้าล้อเล่น อ่ะเคๆๆ ต่อๆๆ ก็อ่านะ มีแรงบันดาลใจซะขนาดนั้น มันก็ต้องอยากบ้างอะไรบ้างที่จะไปประเทศที่เป็นบ้านเกิด ผช คนน้านนนน ที่ฉันแอบหลงรัก สหรัฐอเมริกา ก็ได้กลายมาเป็นตัวเลือกอันดับแรกชนิดที่ว่าไม่คิดจะมองประเทศอื่นให้เสียเวลากันเลย สะบัดหัวฟูๆสองทีสวยๆ เริศๆ ป๊อปๆๆ แต่หลังจากที่ทำการวิจัยอยู่คนเดียวนั้น ได้พบผลสรุปว่า เรียนต่อที่นั่นใช้เวลา 2 ปี และไม่ได้ใช้ IELTS เป็นตัวยื่น แป่ววววววว แล้วที่เรียนมา เรียนทำม้ายยยย

แต่!! ทาร่าซะอย่าง สวย(แบบมโน)ไม่แคร์ เอาฟระ ไหนๆก็ไหนๆแล้ว ไปอังกฤษก็ได้ ไปเมืองผู้ดี เผื่อจะได้เป็นผู้ดีกับเค้าบ้างไรบ้างแบบเน้ ...ตอนนั้นในหัวมีแต่ว่า รถเมลล์แดงลอนดอน ชิงช้าใหญ่ๆ กับนาฬิกา Big Ben กับชุดสมัยโบราณเริ่มลอยมาในหัว ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าทำไมต้องมีชุด ผญ โบราณๆ ฟูฟ่องๆ ติดมาด้วย...มันต้องเริศแน่ๆเลย กรี๊ดดดดด!!! โอเค ตัดสินใจได้แระ ไปอังกฤษนี่แหละ ประเทศป๊อปแบบผู้ดีๆ จิบน้ำชายามบ่ายแบบสวยๆ ...สะบัดหัวฟูๆอีกสองที เสร็จภารกิจตามล่าหาประเทศ เริศ ;)
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่