ศาลฎีกา เยาวชนสั่งมีโทษ3 ปี แต่ตอนนี้อีก1 เดือนน้องกำลังจะจบปริญญาแล้ว ยังช่วยทันมั๊ยคะ
คือตอนนี้เราต้องการช่วยน้องคนหนึ่งเค้าซึ่งในที่นี้เราจะเรียกว่า น้องเจน โดนจับข้อหาค้ายาเสพติดพร้อมกับแม่ในขณะที่ตอนจับอายุ17 ราย
ละเอียดของการจับกุมคือ ตำรวจติดต่อซื้อขายยาไอซ์กับพี่สาวของน้องเจนโดยให้นายสมมุติว่า พี่โจร แต่ขณะนั้นพี่โจรไม่อยู่บ้าน ก้อเลย
ติดต่อให้ไปเอายาที่บ้านจากแม่ ในขณะที่ตำรวจมาที่บ้าน น้องเจนนั่งทำการบ้านอยู่ที่ห้องรับแขกหน้าบ้าน สายตำรวจมาเรียกชื่อแม่ น้องเจน
ออกไปเปิดประตูให้ และเมื่อสายลับได้พบกับแม่ของน้องเจน ทำการซื้อขายเีรียบร้อย ตำรวจแสดงตัวจับ และนำทุกคนในบ้านมารวมกันไว้ใน
ห้องนอนขณะนี้นมีทั้งหมด 5 คน คือ แม่ น้องเจน น้องคนเล็กอายุ 4 ขวบ และเพื่อนบ้านอีก 2 คน หลังจากนั้นตำรวจออกไปตรวจค้นหาหลัก
ฐานเพิ่ม จังหวะนั้นแม่ วิ่งหนีออกทางหน้าต่างของห้องนอน และตำรวจตามกลับมาไม่ได้ จึงนำตัวน้องเจนไปเก็บตัวไว้ที่เซฟเฮาส์ เป็นเวลา 1
คืน ให้น้องเจนติดต่อให้แม่มามอบตัวให้ได้ แต่แม่ไม่มามอบตัว ตำรวจจึงนำตัวน้องเจนไปโรงพัก แจ้งข้อหาร่วมกันครอบครองเพื่อจำหน่าย
คดีนี้มีผู้ถูกฟ้อง 3 คนคือ แม่ พี่โจร น้องเจน ภายหลังแม่ถูกจับอีกจึงติดคุกไปตามระเบียบ ส่วนพี่โจร ศาลชั้นต้นยกฟ้อง ส่วนน้องเจนผู้น่า
สงสาร ศาลชั้นต้นตัดสิน ฝึกอบรมและควบคุมความประพฤกติ 3 ปี ปรับ 700000 บาท ยื่นอุทรห์ต่อ ศาลอุทรณ์ยกฟ้อง เมื่อไม่กี่วีนที่ผ่านมา
ฎีกาตกยืนตามศาลชั้นต้น แต่น้องตอนนี้อายุ 23 ปี 10เดือนแล้ว อีก 2 เดือนก้อจะครบ 24 ปีก้อจะถูกส่งตัวมาอยู่ที่เรือนจำ
นี่คือรายละเอียดของคดี เราสงสารน้องคนนี้มากเพราะรู้จักกันมานานมาก สนิทกันมาก รักเหมือนน้องแท้ๆ น้องคนนี้เป็นคนที่ดีและน่าสงสาร
มาก ทุกคนที่รู้เรื่องนี้ต่างสงสารน้อง แม้แต่หัวหน้าระดีบผู้บริหาร ที่โรงแรมที่น้องทำงานอยู่ รู้ ถึงกับออกปากช่วยเหลือ ทำหนังสือรับรองมาให้
และหมายเหตุใต้หนังสือรับรองการทำงานมาว่า "หากพนักงานสิ้นสุดการรับโทษของกระบวนการทางกฎหมายแล้วทางโรงแรมยินดีที่จะรับ
นางสาว......กลับเข้าทำงานตามปรกติ" เราจึงมีความคิดว่า จะเขียนหนังสือขอความเมตตา ส่งไปถึงผู้มีอำนาจในการตัดสินใจ ให้รู้ถึงประวัติ
ของเด็กคนนี้เผื่อท่านจะเมตตา ไม่ให้น้องเข้าไปยู่ในเรือนจำ และให้บำเพ็ญประโยชน์อย่างอื่นแทน
เรื่อง คำแถลงขอความเมตตาให้แก่...นางสาวเจน..............
เรียน ………
สิ่งที่แนบมาด้วย
1 ผลการเอ็นทรานซ์คณะเศรษฐศาสตร์ ที่มหาวิทยาลัยทักษิน
2 เอกสารยืนยันการผ่าตัดสมองที่โรงพยาบาล.......
3 เอกสารยืนยันการผ่าตัดสมองที่โรงพยาบาล.......
4 วุฒิการศึกษาระดับ ปวส. ที่โรงเรียน..........
5 เอกสารการกู้ยืมเรียน
6 หนังสือรับรองการเป็นนักศึกษาจากมหาวิทยาลัย...........
7 ใบรับรองการทำงาน และการได้ปรับตำแหน่ง จากโรงแรม.............
8 ผลตรวจปัสสาวะ เมื่อครั้งถูกจับกุม เมื่อ 2551 (ถ้าหาไม่ได้ จะเขียนอ้างอิงว่า หลักฐานส่วนนี้อยู่ในสำนวนคดีในขั้นตอนของศาลชั้นต้น)
9 ใบรับรองแพทย์ การป่วยเป็นโรคปอดอุดกั้นเรื้อรังของบิดา
10 ใบประกาศนียาบัตร ที่เกี่ยวข้องกับการทำงาน
ดิฉัน นางสาว ...................................................... ด้านการเกี่ยวข้องกับนางสาวเจน นั้น ดิฉันมิได้เป็นเครือญาติทางสายเลือด สามี
ของดิฉันกับนางสาวเจนเป็นลูกพี่ลูกน้องกัน ดิฉันจึงอยู่ในฐานะพี่สะใภ้ แต่ทางด้านความสัมพันธ์ ดิฉันเป็นคนใกล้ชิดกับนางสาวเจนมาก เปรียบ
เสมือนพี่สาวแท้ๆ เนื่องจาก ภายหลังจากที่มารดาของนางสาวเจนได้ถูกจับกุมและถูกคุมขัง นางสาวเจนพร้อมน้องสาวอีกหนึ่งคน คือ เด็กหญิง
คนเล็ก อายุ 10 ปี ได้เข้ามาอยู่ในความดูแลของดิฉัน และสมาชิกคนอื่นๆในครอบครัวมาโดยตลอด จึงทำให้ดิฉันรับรู้และเข้าใจปัญหาที่เกิดขึ้นเป็นอย่างดี
นางสาวเจน ปัจจุบัน อายุ 23 ปี 10 เดือน ถูกศาลฏีกาพิพากษาโทษฝึกอบรบและควบคุมความประพฤติ 3 ปี ปรับ 700000 บาท ซึ่งให้อยู่
ในสถานพินิจจนครบ 24 ปีบริบูรณ์ ให้ย้ายไปฝึกอบรมและควบคุมความประพฤติ ที่ทัณฑสถาน …………. (ในส่วนนี้เราคิดว่าจะไปคัดคำ
พิพากษามาดูเพื่อใส่รายละเอียดให้ถูกต้องกว่านี้ นี่เป็นเพียงที่เราจำได้ตอนฟังจากคำพิพาษาเื่ท่านั้น)
นางสาวเจน ต้องคดี เมื่อ วันที่ ... เดือน .... พ.ศ.2551 ขณะนั้น อายุ 17 ปี กำลังศึกษาอยู่ระดับมัธยมศึกษาปีที่ 6 ที่โรงเรียน........
หลังจากการถูกจับกุม ทางญาติได้ดำเนินเรื่องประกันตัวและ ยื่นขอความเป็นธรรมต่อศาลอุทรณ์ หลังจากนั้น นางสาวเจนได้กลับมาใช้ชีวิตเช่น
เด็กคนอื่นๆทั่วไป คือตั้งใจและมุ่งมั่นในการศึกษา จนประสบความสำเร็จในก้าวแรก นั่นคือ เอ็นทรานซ์ติดในคณะเศรษฐศาสตร์
มหาวิทยาลัย................ และเริ่มเข้าเรียนที่มหาวิทยาลัย.....เมื่อเดือนมิถุนายน 2551 และเรียนได้เพียง 3 เดือน ก็มีอันต้องหยุดชะงัก
เนื่องจากนางสาวเจน ประสบอุบัติเหตุ อย่างรุนแรงต้องผ่าตัดสมอง เมื่อวันที่ .......
หลังจากที่รักษาตัวจนหายในระดับหนึ่ง (เหตุที่ดิฉันเลือกใช้คำว่า ”รักษาตัวจนหายในระดับหนึ่ง” แทนที่จะเป็นคำว่า “หายเป็นปรกติ” เนื่องจาก
นางสาวเจนต้องกลับไปผ่าตัดใหม่อีกครั้ง นับจากวันที่ผ่าตัดรักษาครั้งแรกอีก 6เดือน เพื่อใส่กระโหลกส่วนหนึ่งที่ยังไม่ได้ใส่ตอนผ่าตัดครั้งแรก
ในรายละเอียดส่วนนี้เรารอเอกสารจากทางโรงพยาบาล จึงยังไม่เสร็จเรียบร้อย และผลข้างเคียงของการผ่าตัดสมองก้อ ยังมิได้หายดีโดยสนิท
ยังมีอาการต่างๆ เช่น หลงลืม เวียนศรีษะในบางครั้ง และต้องระมัดระวังการกระทบกระเทือนต่อสมองเป็นอย่างมาก นอกจากนั้นผลกระทบใน
การผ่าตัดครั้งนั้น ทำให้หูข้างหนึ่งของนางสาวปรียาภรณ์มีการได้ยินที่ผิดปรกติไปจากเดิมอย่างถาวร) นางสาวปรียาภรณ์ก้อยังกลับมามุ่งมั่นใน
ด้านการศึกษาอีกครั้ง แม้ว่าร่างกายยังไม่สมบูรณ์นัก โดยการสมัครเพื่อศึกษาต่อที่โรงเรียน...... ซึ่งเริ่มเข้ารับการศึกษาตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายน
2552 แต่ในขณะนั้นมารดาของนางสาวเจนได้ถูกจับกุมและคุมขังอยู่ในเรือนจำ จึงทำให้หนทางด้านการศึกษาของนางสาวเจนมีอุปสรรคด้าน
ค่าใช้จ่าย เนื่องจากบิดาของนางสาวเจนมีรายได้ไม่เพียงพอต่อการเลี้ยงดูบุตรสาวทั้งสองคน
นางสาวเจน จึงต้องดิ้นรนด้วยตนเอง โดยการกู้ยืมเงินการศึกษา ทำงานนอกเวลาเรียนที่ร้านอาหารซิสเลอร์ สาขา........ และขอความช่วย
เหลือจากญาติๆ อีกบางส่วน จนจบการศึกษา ระดับประกาศนียาบัตรวิชาชีพชั้นสูงเมื่อปีวันที่ 31 มีนาคม 2554
และเมื่อจบการศึกษาระดับ ประกาศนียาบัตรวิชาชีพชั้นสูง นางสาวเจนได้เข้าศึกษาต่อในมหาวิทยาลัย......... ซึ่งใช้เวลาเรียนในวันเสาร์ และ
อาทิตย์ ส่วนในวันจันทร์ถึงศุกร์ ได้ทำงานที่โรงแรม..... บีช รีสอร์ท ซึ่งเริ่มเข้าทำงานเมื่อวันที่ 2 เมษายน 2555 ในตำแหน่ง Guest Service
Agent(พนักงานต้อนรับส่วนหน้า) Front Office Department (ฝ่ายต้อนรับส่วนหน้า) และได้รับการปรับตำแหน่งให้เป็น Senior Guest
Service Agent (พนักงานต้อนรับส่วนหน้าอาวุโส) ในวันที่ 1 มกราคม 2557 ซึ่งแสดงให้เห็นว่านางสาว เจน ประพฤติตนเป็นคนดี มีวินัย
ในการทำงาน จนได้รับการไว้วางใจให้ปรับตำแหน่งดังกล่าว ซึ่งในขณะนั้น ดิฉันและครอบครัวมีความปลาบปลื้มยินดีเป็นยิ่งนัก กับความสำเร็จ
ทั้งด้านการงานที่กำลังก้าวหน้า และด้านการศึกษา ซึ่งกำลังจะจบการศึกษา ระดับปริญญาตรี ในอีก 1 เดือนข้างหน้า แต่อุปสรรคก็เกิดขึ้นอีก
ครั้งเมื่อศาลฎีกาพิพากษา ให้มีความผิด ต้องโทษ เมื่อวันที่ 22 มกราคม 2557
วัตถุประสงค์ที่ดิฉันได้จัดทำหนังสือฉบับนี้ขึ้น เพื่อต้องการแสดง และยืนยันว่า ขณะนี้ นางสาว เจน เป็นผู้ซึ่งพร้อมด้วย คุณธรรม มโนธรรม
และวจีธรรม สามารถดำเนินชีวิตอยู่ในสังคมได้ ไม่เป็นอันตรายต่อบุคคลอื่นและสังคม และยังสามารถสร้างคุณประโยชน์ ให้แก่สังคมได้เป็น
อย่างดี
ขอโปรดให้ท่านได้เล็งเห็นถึงความมุ่งมั่นของเด็กคนหนึ่งที่พยายามจะผลักดันตัวเองให้หลุดพ้นจากวงจรยาเสพติด ซึ่งเป็นสิ่งที่ ดิฉันในฐานะผู้
ใกล้ชิดมองเห็นมาโดยตลอดระยะเวลา 10 ปี ที่ได้มารู้จักและใกล้ชิดกับครอบครัวนี้ ดิฉันคิดว่าตลอดเวลาทั้งในอดีต จนถึงปัจจุบัน นางสาว
เจน ได้คิดดี ทำดีที่สุดแล้ว ในฐานะของเด็กคนหนึ่งที่บังเอิญมาเกิดในครอบครัวที่มีพ่อ แม่ และพี่สาว ตกเป็นทาสของยาเสพติด ซึ่งสภาพ
แวดล้อมเช่นนี้ มันล่อแหลมยิ่งนักต่อการเติบโตของเด็กคนหนึ่ง แต่นางสาว เจน ยังสามารถเติบโตขึ้นมาเหมือนเช่นเด็กที่ได้รับการอบรมมา
อย่างดี ในสายตาของดิฉัน นางสาว เจน เป็นบุคคลที่คิดดี ทำดี ประพฤติดี ขยันและอดทน เป็นที่รักของทุกคนที่ใกล้ชิด ไม่เคยตกเป็นทาส
ของยาเสพติด ดังจะเห็นได้จากผลการตรวจปัสสาวะเมื่อครั้งถูกจับกุมเมื่อปี 2551
และด้วยเหตุผลที่กล่าวมาทั้งหมด ดิฉันใคร่ขอเรียนท่านโปรดพิจารณาให้เมตตาแก่นางสาว ปรียาภรณ์ ตามแต่ท่านเห็นสมควร
ทุกอย่างที่เขียนเป็นความจริง สามารถตรวจสอบได้ทุกอย่าง และมีหลักฐานทุกอย่าง
b]นี่คือโครงร่างหนังสือที่เราร่างไว้ ที่มาตั้งกระทู้ แค่อยากรู้ว่า มันจะมีโอกาศเป็นไปได้มากน้อยแค่ไหน
และ ใครคือผู้มีอำนาจในการตัดสินใจให้น้องออกมาบำเพ็ญประโยชน์ข้างนอกคะ คือจากการสอบถามเจ้าหน้าที่ที่สถานพินิจ เค้าบอกมีโอกาศเป็นไปได้ แต่เสียตรงที่ว่า น้องมีเวลาอยู่ที่สถานพินิจ แค่ 2 เดือนเอง ก้อต้องถูกส่งไปที่เรือนจำแล้ว ประมาณว่ามีเวลาพิสูจน์ตัวเองน้อยเกินไป มีคนที่เคยทำได้คือ อยู่ในสถานพินิจแล้วครึ่งหนึ่ง ค่ะ
ศาลฎีกา เยาวชนสั่งมีโทษ3 ปี แต่ตอนนี้อีก1 เดือนน้องกำลังจะจบปริญญาแล้ว ยังช่วยทันมั๊ยคะ
ละเอียดของการจับกุมคือ ตำรวจติดต่อซื้อขายยาไอซ์กับพี่สาวของน้องเจนโดยให้นายสมมุติว่า พี่โจร แต่ขณะนั้นพี่โจรไม่อยู่บ้าน ก้อเลย
ติดต่อให้ไปเอายาที่บ้านจากแม่ ในขณะที่ตำรวจมาที่บ้าน น้องเจนนั่งทำการบ้านอยู่ที่ห้องรับแขกหน้าบ้าน สายตำรวจมาเรียกชื่อแม่ น้องเจน
ออกไปเปิดประตูให้ และเมื่อสายลับได้พบกับแม่ของน้องเจน ทำการซื้อขายเีรียบร้อย ตำรวจแสดงตัวจับ และนำทุกคนในบ้านมารวมกันไว้ใน
ห้องนอนขณะนี้นมีทั้งหมด 5 คน คือ แม่ น้องเจน น้องคนเล็กอายุ 4 ขวบ และเพื่อนบ้านอีก 2 คน หลังจากนั้นตำรวจออกไปตรวจค้นหาหลัก
ฐานเพิ่ม จังหวะนั้นแม่ วิ่งหนีออกทางหน้าต่างของห้องนอน และตำรวจตามกลับมาไม่ได้ จึงนำตัวน้องเจนไปเก็บตัวไว้ที่เซฟเฮาส์ เป็นเวลา 1
คืน ให้น้องเจนติดต่อให้แม่มามอบตัวให้ได้ แต่แม่ไม่มามอบตัว ตำรวจจึงนำตัวน้องเจนไปโรงพัก แจ้งข้อหาร่วมกันครอบครองเพื่อจำหน่าย
คดีนี้มีผู้ถูกฟ้อง 3 คนคือ แม่ พี่โจร น้องเจน ภายหลังแม่ถูกจับอีกจึงติดคุกไปตามระเบียบ ส่วนพี่โจร ศาลชั้นต้นยกฟ้อง ส่วนน้องเจนผู้น่า
สงสาร ศาลชั้นต้นตัดสิน ฝึกอบรมและควบคุมความประพฤกติ 3 ปี ปรับ 700000 บาท ยื่นอุทรห์ต่อ ศาลอุทรณ์ยกฟ้อง เมื่อไม่กี่วีนที่ผ่านมา
ฎีกาตกยืนตามศาลชั้นต้น แต่น้องตอนนี้อายุ 23 ปี 10เดือนแล้ว อีก 2 เดือนก้อจะครบ 24 ปีก้อจะถูกส่งตัวมาอยู่ที่เรือนจำ
นี่คือรายละเอียดของคดี เราสงสารน้องคนนี้มากเพราะรู้จักกันมานานมาก สนิทกันมาก รักเหมือนน้องแท้ๆ น้องคนนี้เป็นคนที่ดีและน่าสงสาร
มาก ทุกคนที่รู้เรื่องนี้ต่างสงสารน้อง แม้แต่หัวหน้าระดีบผู้บริหาร ที่โรงแรมที่น้องทำงานอยู่ รู้ ถึงกับออกปากช่วยเหลือ ทำหนังสือรับรองมาให้
และหมายเหตุใต้หนังสือรับรองการทำงานมาว่า "หากพนักงานสิ้นสุดการรับโทษของกระบวนการทางกฎหมายแล้วทางโรงแรมยินดีที่จะรับ
นางสาว......กลับเข้าทำงานตามปรกติ" เราจึงมีความคิดว่า จะเขียนหนังสือขอความเมตตา ส่งไปถึงผู้มีอำนาจในการตัดสินใจ ให้รู้ถึงประวัติ
ของเด็กคนนี้เผื่อท่านจะเมตตา ไม่ให้น้องเข้าไปยู่ในเรือนจำ และให้บำเพ็ญประโยชน์อย่างอื่นแทน
เรื่อง คำแถลงขอความเมตตาให้แก่...นางสาวเจน..............
เรียน ………
สิ่งที่แนบมาด้วย
1 ผลการเอ็นทรานซ์คณะเศรษฐศาสตร์ ที่มหาวิทยาลัยทักษิน
2 เอกสารยืนยันการผ่าตัดสมองที่โรงพยาบาล.......
3 เอกสารยืนยันการผ่าตัดสมองที่โรงพยาบาล.......
4 วุฒิการศึกษาระดับ ปวส. ที่โรงเรียน..........
5 เอกสารการกู้ยืมเรียน
6 หนังสือรับรองการเป็นนักศึกษาจากมหาวิทยาลัย...........
7 ใบรับรองการทำงาน และการได้ปรับตำแหน่ง จากโรงแรม.............
8 ผลตรวจปัสสาวะ เมื่อครั้งถูกจับกุม เมื่อ 2551 (ถ้าหาไม่ได้ จะเขียนอ้างอิงว่า หลักฐานส่วนนี้อยู่ในสำนวนคดีในขั้นตอนของศาลชั้นต้น)
9 ใบรับรองแพทย์ การป่วยเป็นโรคปอดอุดกั้นเรื้อรังของบิดา
10 ใบประกาศนียาบัตร ที่เกี่ยวข้องกับการทำงาน
ดิฉัน นางสาว ...................................................... ด้านการเกี่ยวข้องกับนางสาวเจน นั้น ดิฉันมิได้เป็นเครือญาติทางสายเลือด สามี
ของดิฉันกับนางสาวเจนเป็นลูกพี่ลูกน้องกัน ดิฉันจึงอยู่ในฐานะพี่สะใภ้ แต่ทางด้านความสัมพันธ์ ดิฉันเป็นคนใกล้ชิดกับนางสาวเจนมาก เปรียบ
เสมือนพี่สาวแท้ๆ เนื่องจาก ภายหลังจากที่มารดาของนางสาวเจนได้ถูกจับกุมและถูกคุมขัง นางสาวเจนพร้อมน้องสาวอีกหนึ่งคน คือ เด็กหญิง
คนเล็ก อายุ 10 ปี ได้เข้ามาอยู่ในความดูแลของดิฉัน และสมาชิกคนอื่นๆในครอบครัวมาโดยตลอด จึงทำให้ดิฉันรับรู้และเข้าใจปัญหาที่เกิดขึ้นเป็นอย่างดี
นางสาวเจน ปัจจุบัน อายุ 23 ปี 10 เดือน ถูกศาลฏีกาพิพากษาโทษฝึกอบรบและควบคุมความประพฤติ 3 ปี ปรับ 700000 บาท ซึ่งให้อยู่
ในสถานพินิจจนครบ 24 ปีบริบูรณ์ ให้ย้ายไปฝึกอบรมและควบคุมความประพฤติ ที่ทัณฑสถาน …………. (ในส่วนนี้เราคิดว่าจะไปคัดคำ
พิพากษามาดูเพื่อใส่รายละเอียดให้ถูกต้องกว่านี้ นี่เป็นเพียงที่เราจำได้ตอนฟังจากคำพิพาษาเื่ท่านั้น)
นางสาวเจน ต้องคดี เมื่อ วันที่ ... เดือน .... พ.ศ.2551 ขณะนั้น อายุ 17 ปี กำลังศึกษาอยู่ระดับมัธยมศึกษาปีที่ 6 ที่โรงเรียน........
หลังจากการถูกจับกุม ทางญาติได้ดำเนินเรื่องประกันตัวและ ยื่นขอความเป็นธรรมต่อศาลอุทรณ์ หลังจากนั้น นางสาวเจนได้กลับมาใช้ชีวิตเช่น
เด็กคนอื่นๆทั่วไป คือตั้งใจและมุ่งมั่นในการศึกษา จนประสบความสำเร็จในก้าวแรก นั่นคือ เอ็นทรานซ์ติดในคณะเศรษฐศาสตร์
มหาวิทยาลัย................ และเริ่มเข้าเรียนที่มหาวิทยาลัย.....เมื่อเดือนมิถุนายน 2551 และเรียนได้เพียง 3 เดือน ก็มีอันต้องหยุดชะงัก
เนื่องจากนางสาวเจน ประสบอุบัติเหตุ อย่างรุนแรงต้องผ่าตัดสมอง เมื่อวันที่ .......
หลังจากที่รักษาตัวจนหายในระดับหนึ่ง (เหตุที่ดิฉันเลือกใช้คำว่า ”รักษาตัวจนหายในระดับหนึ่ง” แทนที่จะเป็นคำว่า “หายเป็นปรกติ” เนื่องจาก
นางสาวเจนต้องกลับไปผ่าตัดใหม่อีกครั้ง นับจากวันที่ผ่าตัดรักษาครั้งแรกอีก 6เดือน เพื่อใส่กระโหลกส่วนหนึ่งที่ยังไม่ได้ใส่ตอนผ่าตัดครั้งแรก
ในรายละเอียดส่วนนี้เรารอเอกสารจากทางโรงพยาบาล จึงยังไม่เสร็จเรียบร้อย และผลข้างเคียงของการผ่าตัดสมองก้อ ยังมิได้หายดีโดยสนิท
ยังมีอาการต่างๆ เช่น หลงลืม เวียนศรีษะในบางครั้ง และต้องระมัดระวังการกระทบกระเทือนต่อสมองเป็นอย่างมาก นอกจากนั้นผลกระทบใน
การผ่าตัดครั้งนั้น ทำให้หูข้างหนึ่งของนางสาวปรียาภรณ์มีการได้ยินที่ผิดปรกติไปจากเดิมอย่างถาวร) นางสาวปรียาภรณ์ก้อยังกลับมามุ่งมั่นใน
ด้านการศึกษาอีกครั้ง แม้ว่าร่างกายยังไม่สมบูรณ์นัก โดยการสมัครเพื่อศึกษาต่อที่โรงเรียน...... ซึ่งเริ่มเข้ารับการศึกษาตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายน
2552 แต่ในขณะนั้นมารดาของนางสาวเจนได้ถูกจับกุมและคุมขังอยู่ในเรือนจำ จึงทำให้หนทางด้านการศึกษาของนางสาวเจนมีอุปสรรคด้าน
ค่าใช้จ่าย เนื่องจากบิดาของนางสาวเจนมีรายได้ไม่เพียงพอต่อการเลี้ยงดูบุตรสาวทั้งสองคน
นางสาวเจน จึงต้องดิ้นรนด้วยตนเอง โดยการกู้ยืมเงินการศึกษา ทำงานนอกเวลาเรียนที่ร้านอาหารซิสเลอร์ สาขา........ และขอความช่วย
เหลือจากญาติๆ อีกบางส่วน จนจบการศึกษา ระดับประกาศนียาบัตรวิชาชีพชั้นสูงเมื่อปีวันที่ 31 มีนาคม 2554
และเมื่อจบการศึกษาระดับ ประกาศนียาบัตรวิชาชีพชั้นสูง นางสาวเจนได้เข้าศึกษาต่อในมหาวิทยาลัย......... ซึ่งใช้เวลาเรียนในวันเสาร์ และ
อาทิตย์ ส่วนในวันจันทร์ถึงศุกร์ ได้ทำงานที่โรงแรม..... บีช รีสอร์ท ซึ่งเริ่มเข้าทำงานเมื่อวันที่ 2 เมษายน 2555 ในตำแหน่ง Guest Service
Agent(พนักงานต้อนรับส่วนหน้า) Front Office Department (ฝ่ายต้อนรับส่วนหน้า) และได้รับการปรับตำแหน่งให้เป็น Senior Guest
Service Agent (พนักงานต้อนรับส่วนหน้าอาวุโส) ในวันที่ 1 มกราคม 2557 ซึ่งแสดงให้เห็นว่านางสาว เจน ประพฤติตนเป็นคนดี มีวินัย
ในการทำงาน จนได้รับการไว้วางใจให้ปรับตำแหน่งดังกล่าว ซึ่งในขณะนั้น ดิฉันและครอบครัวมีความปลาบปลื้มยินดีเป็นยิ่งนัก กับความสำเร็จ
ทั้งด้านการงานที่กำลังก้าวหน้า และด้านการศึกษา ซึ่งกำลังจะจบการศึกษา ระดับปริญญาตรี ในอีก 1 เดือนข้างหน้า แต่อุปสรรคก็เกิดขึ้นอีก
ครั้งเมื่อศาลฎีกาพิพากษา ให้มีความผิด ต้องโทษ เมื่อวันที่ 22 มกราคม 2557
วัตถุประสงค์ที่ดิฉันได้จัดทำหนังสือฉบับนี้ขึ้น เพื่อต้องการแสดง และยืนยันว่า ขณะนี้ นางสาว เจน เป็นผู้ซึ่งพร้อมด้วย คุณธรรม มโนธรรม
และวจีธรรม สามารถดำเนินชีวิตอยู่ในสังคมได้ ไม่เป็นอันตรายต่อบุคคลอื่นและสังคม และยังสามารถสร้างคุณประโยชน์ ให้แก่สังคมได้เป็น
อย่างดี
ขอโปรดให้ท่านได้เล็งเห็นถึงความมุ่งมั่นของเด็กคนหนึ่งที่พยายามจะผลักดันตัวเองให้หลุดพ้นจากวงจรยาเสพติด ซึ่งเป็นสิ่งที่ ดิฉันในฐานะผู้
ใกล้ชิดมองเห็นมาโดยตลอดระยะเวลา 10 ปี ที่ได้มารู้จักและใกล้ชิดกับครอบครัวนี้ ดิฉันคิดว่าตลอดเวลาทั้งในอดีต จนถึงปัจจุบัน นางสาว
เจน ได้คิดดี ทำดีที่สุดแล้ว ในฐานะของเด็กคนหนึ่งที่บังเอิญมาเกิดในครอบครัวที่มีพ่อ แม่ และพี่สาว ตกเป็นทาสของยาเสพติด ซึ่งสภาพ
แวดล้อมเช่นนี้ มันล่อแหลมยิ่งนักต่อการเติบโตของเด็กคนหนึ่ง แต่นางสาว เจน ยังสามารถเติบโตขึ้นมาเหมือนเช่นเด็กที่ได้รับการอบรมมา
อย่างดี ในสายตาของดิฉัน นางสาว เจน เป็นบุคคลที่คิดดี ทำดี ประพฤติดี ขยันและอดทน เป็นที่รักของทุกคนที่ใกล้ชิด ไม่เคยตกเป็นทาส
ของยาเสพติด ดังจะเห็นได้จากผลการตรวจปัสสาวะเมื่อครั้งถูกจับกุมเมื่อปี 2551
และด้วยเหตุผลที่กล่าวมาทั้งหมด ดิฉันใคร่ขอเรียนท่านโปรดพิจารณาให้เมตตาแก่นางสาว ปรียาภรณ์ ตามแต่ท่านเห็นสมควร
ทุกอย่างที่เขียนเป็นความจริง สามารถตรวจสอบได้ทุกอย่าง และมีหลักฐานทุกอย่าง
b]นี่คือโครงร่างหนังสือที่เราร่างไว้ ที่มาตั้งกระทู้ แค่อยากรู้ว่า มันจะมีโอกาศเป็นไปได้มากน้อยแค่ไหน
และ ใครคือผู้มีอำนาจในการตัดสินใจให้น้องออกมาบำเพ็ญประโยชน์ข้างนอกคะ คือจากการสอบถามเจ้าหน้าที่ที่สถานพินิจ เค้าบอกมีโอกาศเป็นไปได้ แต่เสียตรงที่ว่า น้องมีเวลาอยู่ที่สถานพินิจ แค่ 2 เดือนเอง ก้อต้องถูกส่งไปที่เรือนจำแล้ว ประมาณว่ามีเวลาพิสูจน์ตัวเองน้อยเกินไป มีคนที่เคยทำได้คือ อยู่ในสถานพินิจแล้วครึ่งหนึ่ง ค่ะ