สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 3
เทนนิสเป็นกีฬาที่มีเสน่ห์มาก เพราะเล่นกันบนพื้นผิวที่หลากหลาย
และแต่ละพื้นผิวก็ส่งผลกระทบต่อการกระดอนของลูกแตกต่างกันออกไป
ขออนุญาต พูดถึงคอร์ตต่าง ๆ เอาไว้ สำหรับแฟนเทนนิสที่ไม่มีความรู้เรื่องวัสดุ จะได้เข้าใจเกมและดูเทนนิสได้สนุกขึ้นนะคะ
ประเภทของคอร์ต แบ่งตามความเร็ว จะมี คอร์ตเร็วและคอร์ตช้า คอร์ตเร็วก็เช่น คอร์ตหญ้า คอร์ตพรม ฮาร์ดคอร์ตบางประเภท
คอร์ตเร็ว หมายถึง คอร์ตที่ลูกบอลตกกระทบแล้วกระดอนต่ำ มีความพุ่งเพราะองศาการทำมุมกับพื้นน้อยกว่า
ลองนึกถึงตัว V นะคะ ปลายตัว V แต่ละด้านหมายถึงการที่บอลออกมาจากนักกีฬาแต่ละฝั่ง
คอร์ตเร็วจะมีตัว V ที่กางแขนสองข้างออกกว้าง ทำมุมองศาน้อยกว่า
ส่วนคอร์ตช้าก็กลับกันเลยค่ะ ตัวอย่างคอร์ตช้าก็พวกคอร์ตดินและฮาร์ดคอร์ตบางประเภท
แบ่งตามวัสดุ ก็มีคอร์ตดินแดง คอร์ตดินเขียว คอร์ตหญ้า คอร์ตหญ้าเทียม คอร์ตพรม คอร์ตปูน
ส่วนฮาร์ดคอร์ต จริง ๆ ก็คือคอร์ตปูนแข็ง ๆ แต่ในทัวร์จะมีปูวัสดุสังเคราะห์ไว้ด้านบน เพื่อประโยชน์ด้านความสวยงาม และมีผลต่อจังหวะการกระดอนด้วยค่ะ
เพราะวัสดุสังเคราะห์จะมีวิถีที่ดีกว่า พื้นผิวด้านหน้ามีความราบเรียบกว่าคอร์ตปูน ทำให้ลดลูก bad bounce ได้ดี
คอร์ตปูนหรือฮาร์ดคอร์ต ก็มีแยกย่อยออกไปอีก เช่นสนามเทนนิสในร่ม ก็นิยมใช้พื้นผิวที่เร็วกว่าสนามเทนนิสกลางแจ้ง
ยุคก่อนปี 2000 เทคโนโลยีเรื่องวัสดุศาสตร์ยังไม่ได้เข้ามามีบทบาทในวงการเทนนิสมากนัก
คอร์ตส่วนใหญ่จะเป็นคอร์ตเร็ว เพราะนิยมคอร์ตหญ้า คอร์ตพรม (ในร่ม)
แต่ยุคหลัง ผู้ชมทางโทรทัศน์มากขึ้น ระบบถ่ายทอดสดมีสัญญานแพร่ภาพที่ดี (คุณภาพดีขึ้น) สนามเทนนิสออกมากลางแจ้งมากขึ้น
วัสดุที่ใช้ทำพื้นคอร์ตก็ปรับปรุงและพัฒนาตามคนดู ทำให้ลูกกระดอนช้าลง และลดความพุ่ง เพื่อให้คนดูถ่ายทอดสดดูได้สนุก
นักเทนนิสก็ต้องปรับตัวและปรับวิธีการตีตามไปด้วย
พวกเสิร์ฟและวอลเลย์หน้าเน็ตจะมีปัญหากับคอร์ตที่ช้าลง เพราะถ้าตีแบบเดิม โอกาสได้แต้มก็น้อย เพราะตีนำแล้วขึ้นไปปิด
ลูกเดินทางช้า คู่ต่อสู้สามารถตีผ่านได้ เนื่องจากมีเวลาเตรียมตัวนานกว่าคอร์ตเร็ว
ยกตัวอย่างนักเทนนิสจากสหราชอาณาจักร ยุคก่อนจะมี ทิม เฮนแมน, เกรก รูเซดสกี้ ซึ่งเสิร์ฟหนักแล้วขึ้นวอลเลย์หน้าเนต
แต่ยุคใหม่จะเป็นนักกีฬาเบสไลน์ ตีท้ายคอร์ต อย่างเช่น แอนดี้ มาร์รีย์
หรือนักเทนนิสที่กลางเก่ากลางใหม่อย่างโรเจอร์ เฟเดอเรอร์ ก็ต้องปรับตัวมาตีท้ายคอร์ตมากขึ้น เพราะพื้นคอร์ตยุคใหม่มันช้า
ส่วนของคอร์ตรีบาวด์และเพล็กฯ จริง ๆ การเปลี่ยนจากแรกไปวัสดุที่สอง ถือเป็นส่วนหนึ่งของการพัฒนาและเซฟนักกีฬา
เพราะมันช่วยลดการบาดเจ็บ เนื่องจากคอร์ตเพล็กฯ ทนร้อนและไม่ขยายตัวมากเท่ากับรีบาวด์
รีบาวด์เป็นคอร์ตที่ออสเตรเลียผลิตขึ้นเอง ส่วนของเพล็กมาจากอเมริกัน
เท่าที่ดู รู้สึกคอร์ตแบบรีบาวด์จะไม่มีแล้วนะคะ จะเปลี่ยนมาใช้เพล็กแล้ว
ส่วนเรื่องความสวยงาม อันนี้ไม่ค่อยเกี่ยวค่ะ เพราะความสวยงาม มันวัดกันที่สี ซึ่งจะรีบาวด์หรือเพล็กก็แต่งสีได้
สมัยก่อนคอร์ตส่วนใหญ่จะเป็นสีเขียว แต่จากการศึกษา พบว่า พื้นคอร์ตสีฟ้า สีม่วง จะลดอาการล้าของประสาทตาได้ดีกว่า (ทั้งคนแข่งและคนดู)
เนื่องจากสีเขียวจะมีการสะท้อนแสงมากกว่า
แต่ในสนามอินดอร์ซึ่งมีแสงรบกวนน้อย บางแห่งก็มีการใช้คอร์ตสีส้มค่ะ แต่ไม่นิยมนำมาใช้กับคอร์ตกลางแจ้งเพราะแสงสะท้อนมาก
จากคำถามเรื่องความเร็ว
คอร์ตหญ้าเร็วสุดค่ะ ลูกแฉลบ พุ่ง และมี bad bounce จะบอกว่ามันเป็นเสน่ห์อย่างนึงก็ว่าได้
รองลงมาก็คอร์ตพรม แต่คอร์ตประเภทนี้ ในทัวร์ไม่ได้ใช้แล้ว จะมีก็พวกตามสนามส่วนตัวหรือพวกคอร์ตเอกชน
ต่อมาก็ฮาร์ดคอร์ตประเภทต่าง ๆ ซึ่งสนามของออสเตรเลียนโอเพ่นกับยูเอสโอเพ่นก็เป็นฮาร์ดคอร์ต
ช้าสุดก็คอร์ตดินค่ะ ซึ่งก็มีแยกย่อยออกไปอีก เช่นคอร์ตดินแดงหรือ red clay จะช้าและกระดอนสูงกว่า คอร์ตดินสีเขียว green clay
คอร์ตดินแดงเองก็เร็วต่างกัน เช่นคอร์ตที่อัดแน่น ๆ อย่างเฟรนช์โอเพ่นก็ช้ากว่าคอร์ตใหม่ในรายการทัวร์ปกติ
หรือคอร์ตดินแบบปูดินเฉพาะด้านบน อย่างรายการพอร์ชกรังปรีซ์ที่สตุ๊ดการ์ด คอร์ตดินของที่นี่ก็ถือว่าเร็วและพุ่งมาก
เพราะพื้นล่างมันไม่ใช่ดิน มันมีดินแค่ด้านบนเท่านั้น
เรื่องนักเทนนิสคนไหน ถนัดคอร์ตประเภทใด อันนี้ต้องตามดูค่ะ ไม่ยาก
จริง ๆ ยุคนี้ จะมาถนัดคอร์ตนี้ ไม่ถนัดคอร์ตนั้น ไม่ได้แล้ว
อย่างราฟาเอล นาดาล ก็เก็บแกรนด์สแลมครบแล้วทุกคอร์ต
ไม่จำเป็นว่านักเทนนิสที่มาจากสเปน โตมากับคอร์ตดิน จะตีคอร์ตดินได้ดีอย่างเดียว
จริง ๆ เราว่า ราฟาเป็นคนที่ตีคอร์ตหญ้าได้ดีคนนึง แต่คนอื่นที่เก่งคอร์ตหญ้าก็มีมาก หรือด้วยปัญหาการบาดเจ็บของราฟาเอง
ก็มีผลทำให้เก็บวิมเบิลดันและรายการคอร์ตหญ้าได้ไม่มากนัก (เก็บวิมบี้ได้สอง และมีควีนส์คลับ...........)
ส่วนคอร์ตดิน จะหาคนตีคอร์ตดินแบบเก่งฉีกหนีคนอื่นเหมือนราฟาได้ยาก เพราะต้องทักษะแน่นทั้งท้ายคอร์ตและหน้าเน็ต
มีร่างกายแข็งแรง มีสปินหนักและสไลด์ที่ดี
ถ้าเทียบกับเฟดแล้ว จริง ๆ ราฟาไม่ใช่พวก all around เพราะว่ากันตามจริง ๆ ราฟาฝึกมาจากคอร์ตดิน
เพราะสเปนจะเน้นคอร์ตดินมากกว่าพวกประเทศยุโรปกลางอย่างสวิสหรือเช็ก
แต่ทีมของราฟาพัฒนาวิธีการตีขึ้นมาจนยกระดับการเล่นแล้วชนะเมเจอร์บนพื้นหญ้าและฮาร์ดคอร์ตได้ แบบนี้คือการพัฒนาและเพิ่มทักษะของตัวเอง
คำถามเรื่อง ราฟาเก่งคอร์ตดินแต่ทำไมเก็บแกรนด์สแลมได้ครบทุกรายการ ทุกพื้นผิวสนาม คำตอบก็สามารถตอบแบบนี้ได้ค่ะ
เพราะการตีเทนนิสมันมีพื้นฐานและทักษะการตีเหมือนกัน การเปลี่ยนพื้นคอร์ตก็แค่ปรับแต่งนิดหน่อย อย่างเช่น เพิ่มสไลด์หรือการการเคลื่อนไหวของเท้า
คอร์ตหญ้าก็ตีแบบนึง ต้องโต้ลูกระดับเอวมากหน่อย คอร์ตดินต้องเตรียมสไลด์เท้าบนพื้น ประมาณเนี้ย
ตามเทนนิสแล้วรู้จักสังเกตจะสนุกค่ะ เราไม่จำเป็นต้องไปท่องจำ แต่อาศัยดูแล้วคิดตามไปด้วย
และแต่ละพื้นผิวก็ส่งผลกระทบต่อการกระดอนของลูกแตกต่างกันออกไป
ขออนุญาต พูดถึงคอร์ตต่าง ๆ เอาไว้ สำหรับแฟนเทนนิสที่ไม่มีความรู้เรื่องวัสดุ จะได้เข้าใจเกมและดูเทนนิสได้สนุกขึ้นนะคะ
ประเภทของคอร์ต แบ่งตามความเร็ว จะมี คอร์ตเร็วและคอร์ตช้า คอร์ตเร็วก็เช่น คอร์ตหญ้า คอร์ตพรม ฮาร์ดคอร์ตบางประเภท
คอร์ตเร็ว หมายถึง คอร์ตที่ลูกบอลตกกระทบแล้วกระดอนต่ำ มีความพุ่งเพราะองศาการทำมุมกับพื้นน้อยกว่า
ลองนึกถึงตัว V นะคะ ปลายตัว V แต่ละด้านหมายถึงการที่บอลออกมาจากนักกีฬาแต่ละฝั่ง
คอร์ตเร็วจะมีตัว V ที่กางแขนสองข้างออกกว้าง ทำมุมองศาน้อยกว่า
ส่วนคอร์ตช้าก็กลับกันเลยค่ะ ตัวอย่างคอร์ตช้าก็พวกคอร์ตดินและฮาร์ดคอร์ตบางประเภท
แบ่งตามวัสดุ ก็มีคอร์ตดินแดง คอร์ตดินเขียว คอร์ตหญ้า คอร์ตหญ้าเทียม คอร์ตพรม คอร์ตปูน
ส่วนฮาร์ดคอร์ต จริง ๆ ก็คือคอร์ตปูนแข็ง ๆ แต่ในทัวร์จะมีปูวัสดุสังเคราะห์ไว้ด้านบน เพื่อประโยชน์ด้านความสวยงาม และมีผลต่อจังหวะการกระดอนด้วยค่ะ
เพราะวัสดุสังเคราะห์จะมีวิถีที่ดีกว่า พื้นผิวด้านหน้ามีความราบเรียบกว่าคอร์ตปูน ทำให้ลดลูก bad bounce ได้ดี
คอร์ตปูนหรือฮาร์ดคอร์ต ก็มีแยกย่อยออกไปอีก เช่นสนามเทนนิสในร่ม ก็นิยมใช้พื้นผิวที่เร็วกว่าสนามเทนนิสกลางแจ้ง
ยุคก่อนปี 2000 เทคโนโลยีเรื่องวัสดุศาสตร์ยังไม่ได้เข้ามามีบทบาทในวงการเทนนิสมากนัก
คอร์ตส่วนใหญ่จะเป็นคอร์ตเร็ว เพราะนิยมคอร์ตหญ้า คอร์ตพรม (ในร่ม)
แต่ยุคหลัง ผู้ชมทางโทรทัศน์มากขึ้น ระบบถ่ายทอดสดมีสัญญานแพร่ภาพที่ดี (คุณภาพดีขึ้น) สนามเทนนิสออกมากลางแจ้งมากขึ้น
วัสดุที่ใช้ทำพื้นคอร์ตก็ปรับปรุงและพัฒนาตามคนดู ทำให้ลูกกระดอนช้าลง และลดความพุ่ง เพื่อให้คนดูถ่ายทอดสดดูได้สนุก
นักเทนนิสก็ต้องปรับตัวและปรับวิธีการตีตามไปด้วย
พวกเสิร์ฟและวอลเลย์หน้าเน็ตจะมีปัญหากับคอร์ตที่ช้าลง เพราะถ้าตีแบบเดิม โอกาสได้แต้มก็น้อย เพราะตีนำแล้วขึ้นไปปิด
ลูกเดินทางช้า คู่ต่อสู้สามารถตีผ่านได้ เนื่องจากมีเวลาเตรียมตัวนานกว่าคอร์ตเร็ว
ยกตัวอย่างนักเทนนิสจากสหราชอาณาจักร ยุคก่อนจะมี ทิม เฮนแมน, เกรก รูเซดสกี้ ซึ่งเสิร์ฟหนักแล้วขึ้นวอลเลย์หน้าเนต
แต่ยุคใหม่จะเป็นนักกีฬาเบสไลน์ ตีท้ายคอร์ต อย่างเช่น แอนดี้ มาร์รีย์
หรือนักเทนนิสที่กลางเก่ากลางใหม่อย่างโรเจอร์ เฟเดอเรอร์ ก็ต้องปรับตัวมาตีท้ายคอร์ตมากขึ้น เพราะพื้นคอร์ตยุคใหม่มันช้า
ส่วนของคอร์ตรีบาวด์และเพล็กฯ จริง ๆ การเปลี่ยนจากแรกไปวัสดุที่สอง ถือเป็นส่วนหนึ่งของการพัฒนาและเซฟนักกีฬา
เพราะมันช่วยลดการบาดเจ็บ เนื่องจากคอร์ตเพล็กฯ ทนร้อนและไม่ขยายตัวมากเท่ากับรีบาวด์
รีบาวด์เป็นคอร์ตที่ออสเตรเลียผลิตขึ้นเอง ส่วนของเพล็กมาจากอเมริกัน
เท่าที่ดู รู้สึกคอร์ตแบบรีบาวด์จะไม่มีแล้วนะคะ จะเปลี่ยนมาใช้เพล็กแล้ว
ส่วนเรื่องความสวยงาม อันนี้ไม่ค่อยเกี่ยวค่ะ เพราะความสวยงาม มันวัดกันที่สี ซึ่งจะรีบาวด์หรือเพล็กก็แต่งสีได้
สมัยก่อนคอร์ตส่วนใหญ่จะเป็นสีเขียว แต่จากการศึกษา พบว่า พื้นคอร์ตสีฟ้า สีม่วง จะลดอาการล้าของประสาทตาได้ดีกว่า (ทั้งคนแข่งและคนดู)
เนื่องจากสีเขียวจะมีการสะท้อนแสงมากกว่า
แต่ในสนามอินดอร์ซึ่งมีแสงรบกวนน้อย บางแห่งก็มีการใช้คอร์ตสีส้มค่ะ แต่ไม่นิยมนำมาใช้กับคอร์ตกลางแจ้งเพราะแสงสะท้อนมาก
จากคำถามเรื่องความเร็ว
คอร์ตหญ้าเร็วสุดค่ะ ลูกแฉลบ พุ่ง และมี bad bounce จะบอกว่ามันเป็นเสน่ห์อย่างนึงก็ว่าได้
รองลงมาก็คอร์ตพรม แต่คอร์ตประเภทนี้ ในทัวร์ไม่ได้ใช้แล้ว จะมีก็พวกตามสนามส่วนตัวหรือพวกคอร์ตเอกชน
ต่อมาก็ฮาร์ดคอร์ตประเภทต่าง ๆ ซึ่งสนามของออสเตรเลียนโอเพ่นกับยูเอสโอเพ่นก็เป็นฮาร์ดคอร์ต
ช้าสุดก็คอร์ตดินค่ะ ซึ่งก็มีแยกย่อยออกไปอีก เช่นคอร์ตดินแดงหรือ red clay จะช้าและกระดอนสูงกว่า คอร์ตดินสีเขียว green clay
คอร์ตดินแดงเองก็เร็วต่างกัน เช่นคอร์ตที่อัดแน่น ๆ อย่างเฟรนช์โอเพ่นก็ช้ากว่าคอร์ตใหม่ในรายการทัวร์ปกติ
หรือคอร์ตดินแบบปูดินเฉพาะด้านบน อย่างรายการพอร์ชกรังปรีซ์ที่สตุ๊ดการ์ด คอร์ตดินของที่นี่ก็ถือว่าเร็วและพุ่งมาก
เพราะพื้นล่างมันไม่ใช่ดิน มันมีดินแค่ด้านบนเท่านั้น
เรื่องนักเทนนิสคนไหน ถนัดคอร์ตประเภทใด อันนี้ต้องตามดูค่ะ ไม่ยาก
จริง ๆ ยุคนี้ จะมาถนัดคอร์ตนี้ ไม่ถนัดคอร์ตนั้น ไม่ได้แล้ว
อย่างราฟาเอล นาดาล ก็เก็บแกรนด์สแลมครบแล้วทุกคอร์ต
ไม่จำเป็นว่านักเทนนิสที่มาจากสเปน โตมากับคอร์ตดิน จะตีคอร์ตดินได้ดีอย่างเดียว
จริง ๆ เราว่า ราฟาเป็นคนที่ตีคอร์ตหญ้าได้ดีคนนึง แต่คนอื่นที่เก่งคอร์ตหญ้าก็มีมาก หรือด้วยปัญหาการบาดเจ็บของราฟาเอง
ก็มีผลทำให้เก็บวิมเบิลดันและรายการคอร์ตหญ้าได้ไม่มากนัก (เก็บวิมบี้ได้สอง และมีควีนส์คลับ...........)
ส่วนคอร์ตดิน จะหาคนตีคอร์ตดินแบบเก่งฉีกหนีคนอื่นเหมือนราฟาได้ยาก เพราะต้องทักษะแน่นทั้งท้ายคอร์ตและหน้าเน็ต
มีร่างกายแข็งแรง มีสปินหนักและสไลด์ที่ดี
ถ้าเทียบกับเฟดแล้ว จริง ๆ ราฟาไม่ใช่พวก all around เพราะว่ากันตามจริง ๆ ราฟาฝึกมาจากคอร์ตดิน
เพราะสเปนจะเน้นคอร์ตดินมากกว่าพวกประเทศยุโรปกลางอย่างสวิสหรือเช็ก
แต่ทีมของราฟาพัฒนาวิธีการตีขึ้นมาจนยกระดับการเล่นแล้วชนะเมเจอร์บนพื้นหญ้าและฮาร์ดคอร์ตได้ แบบนี้คือการพัฒนาและเพิ่มทักษะของตัวเอง
คำถามเรื่อง ราฟาเก่งคอร์ตดินแต่ทำไมเก็บแกรนด์สแลมได้ครบทุกรายการ ทุกพื้นผิวสนาม คำตอบก็สามารถตอบแบบนี้ได้ค่ะ
เพราะการตีเทนนิสมันมีพื้นฐานและทักษะการตีเหมือนกัน การเปลี่ยนพื้นคอร์ตก็แค่ปรับแต่งนิดหน่อย อย่างเช่น เพิ่มสไลด์หรือการการเคลื่อนไหวของเท้า
คอร์ตหญ้าก็ตีแบบนึง ต้องโต้ลูกระดับเอวมากหน่อย คอร์ตดินต้องเตรียมสไลด์เท้าบนพื้น ประมาณเนี้ย
ตามเทนนิสแล้วรู้จักสังเกตจะสนุกค่ะ เราไม่จำเป็นต้องไปท่องจำ แต่อาศัยดูแล้วคิดตามไปด้วย
แสดงความคิดเห็น
อยากทราบความแตกต่างของพื้นผิวสนามแต่ละแบบครับ
Hard Court ของ Australian open นั้นชั้นผิวแบบ Plexicushion ซึ่งก่อนหน้านั้นเคยใช้แบบ Rebound ace
ส่วนของ US open นั้นเป็นผิวแบบ Deco Turf
เลยอยากทราบว่า
1. พื้นผิวแต่ละแบบ แตกต่างกันอย่างไรบ้างครับ
ทั้งเรื่องความเร็ว การกระดอน ความสวยงาม (!!)
2. ทำไม AO ถึงต้องเปลี่ยนมาใช้ Plexicushion ด้วยครับ
3. แล้วจะมีสนามไหนยังใช้ Rebound ace อยู่ไหม
4. ถ้าเทียบกับคอร์ทหญ้า พรม หรือดินแล้ว คอร์ททั้งสามแบบ เร็วกว่าช้ากว่าอย่างไรบ้าง
5. สุดท้าย นักเทนนิสแบบไหน หรือคนใด จะถนัดหรือชอบพื้นผิวแบบไหน เล่นสนามไหนได้ดีครับ
ขอบคุณนะคร้าบบบ