เผยปมลับในใจของประทัดตั้งแต่เด็ก กลัวการนั่งเครื่องบินความเร็วสูงเป็นที่สุด

กระทู้คำถาม
แหล่งข่าวที่ไม่อาจเปิดเผยตัวตน ได้ทำการขุดคุ้ยปมลับในอดีตของประทัดในวัยเด็ก

สื่อลับดังกล่าวเผยว่า เริ่มแรกเดิมทีนั้นประทัดมีความใฝ่ฝันเป็นทหารอากาศ ดช.ประทัดในสมัยนั้นต้องการเป็นนักบิน  เค้าต้องการขับเครื่องบินF-5 ของกองทัพอากาศ  แน่นอนเมื่อจบมศ.3 เค้าได้สอบเข้าโรงเรียนเตรียม และสามารถสอบติด เค้าตั้งใจว่าเค้าจะเลือกเหล่าทหารอากาศ แต่เมื่อเรียนเตรียมทหารไปจนใกล้จะจบในชั้นปีที่2 ซึ่งตอนนี้เองนักเรียนเตรียมที่จะจบต้องทำการเลือกเหล่า เพื่อศึกษาต่อ

นักเรียนเตรียมประทัด ถึงแม้จะเป็นนักเรียนบังคับบัญชา ซึ่งได้ยอมรับว่ามีความเป็นผู้นำสูง เค้าคอยสั่งเรียกแถว คุมเพื่อนวิ่ง สั่ง-เพื่อนโดยต้องไม่ต้องมีเหตุผล  การเรียนอยู่ในระดับดี แน่นอนเค้าย่อมมีสิทธที่จะเลือกเหล่าทอ. เหล่าที่เค้าใฝ่ฝันก่อนใคร

แต่ถึงกระนั้น นักเรียนเตรียมประทัดก็รู้ตัวว่าเค้าเป็นโรคกลัวความสูง  ซึ่งอาจส่งผลให้ไม่สามารถเป็นนักบินได้ตามที่ใจฝัน  กอรปกับความไม่สมส่วนของอวัยวะของดวงตาที่ไม่เท่ากันของทั้งสองข้าง  อาจทำให้เค้าพลาดโอกาสที่จะเป็นศิษย์การบิน  ถึงเค้าเลือกเหล่าทอ. และเรียนดีเป็นที่1ของรุ่นซักแค่ไหน  ดวงตาที่เป็นปัญหาของเค้า และโรคกลัวความสูง คงทำให้เค้าไม่ผ่านการเกณฑ์การทดสอบการคัดเลือกของโรงเรียนการบินเป็นแน่

สุดท้ายนักเรียนเตรียมประทัด ตัดสินใจเลือกเหล่าทหารบก  แน่นอนเค้าเสียใจที่ไม่ได้เลือกทอ. แต่เค้าไม่มีทางเลือก เพราะถ้าเลือทอ. ยังไงเค้าก็คงไม่ได้เป็นนักบิน  

ประทัดขึ้นเหล่าทารบก เค้าต้องเรียนที่นี้อีก5ปี  เพื่อนร่วมรุ่นคนนึงของประทัดเปิดเผยกับทางทีมข่าวว่า เมื่อตอนอยู่ปี3 นักเรียนนายฮ้อยทุกคนต้องเรียนหลักสูตรกระโดดร่ม ประทัดซึ่งเป็นโรคกลัวความสูงเป็นอย่างมากมีความกังวลเป็นอย่างมากในระหว่างการฝึกและโดดจริง5ครั้ง  แต่สุดท้ายเค้าก็ผ่านมันมาได้

เมื่อประทัดจบการศึกษาออกไปเป็นนายทหาร เค้าเริ่มทำใจได้แล้วกับการที่ไม่ได้เป็นนักบิน ตอนนี้เค้าพร้อมที่จะเติบโตในหน้าที่การงานในส่วนของทัพบก  และเค้าก็เติบโตเจริญรุ่งเรืองในหน้าที่การงานในทัพบกเรื่อยมาจนได้มาเป็นหัวเสือ

ความลับในใจของประทัดมาแตกเอาตอนเมื่อวันศุกร์ที่ 10 มกราคม 2557 ก่อนหน้างานวันเด็กแห่งชาติ1วัน  เมื่อเค้าได้รบเร้าให้ลิ่วล้อคนสนิทและสอพลอคนสนิทที่อยู่รอบกายเค้าให้พาไปงานวันเด็กที่กองทัพอากาศจะจัดขึ้นในวันเสาร์ที่11 มกราคม 2557 ที่ฐานทัพอากาศดอนเมือง

ลูกหาบคนสนิทนายนึงเปิดเผยว่า ท่านต้องการไปสัมผัสเครื่องบินขับไล่ของกองทัพอากาศอย่างใกล้ชิด  บางทีถ้าท่านอายุน้อยกว่านี้อีกซัก20ปี ท่านอาจจะลองนั่งไปกับเครื่องด้วยเลย  มันเคยเป็นความใฝ่ฝันในวัยเด็กของท่านซึ่งพวกผมเข้าใจดี  ทีมงานลิ่วล้อปรึกษากันว่าจะจัดให้ท่านได้สัมผัสและใกล้ชิดเครื่องบินขับไล่โดยไม่ต้องไปเข้าคิวกับเด็กๆ

แต่สุดท้ายแล้วในวันเด็กที่11 มกราคม 2557  ท่านก็ไม่ได้ไป  ท่านมีเรื่องกังวลใจเรื่องลูกสาวฝาแฝดสก๊อยเกิล2คนของท่าน  ท่านมัววุ่นอยู่กับการเปลี่ยนเซฟเฮ้า และจัดทีมอารักขาลูกสาวฝาแฝดสก๊อยเกิลของท่านใหม่  หลังมีข่าวว่าลูกสาวฝาแฝดสก๊อยเกิลของท่านอาจถูกจับตัว ถ้าท่านทำตัวไม่ดี

เหตุการณ์ไคลแม็กมาเกิดในอีก7วันต่อมา ซึ่งเป็นวันที่ 18 มกราคม 2557 หรือก็คือเมื่อวานนี้เอง  ซึ่งเป็นวันกองทัพธรรม โดยหลังจากที่ท่านประทัดได้เป็นประธานในพิธีเดินออกกำลังหน้าเสาธงแล้ว  ท่านได้ถูกเชื้อเชิญให้ไปนั่งเครื่องบินขับไล่ความเร็วสูง หลังจากที่มีคนสืบทราบมาว่าท่านจะทำนิสัยไม่ดี

สอพลอคสนิทซึ่งเป็นแหล่งข่าวอีกคนนึงให้ข้อมูลว่า  แน่นอนท่านไม่อยากไปเลย ตั้งแต่ท่านรู้ว่ามีคนชวนท่านไปขึ้นเครื่องบินขับไล่ความเร็วสูง ท่านก็หน้าซีดเผือกเหมือนไก่ต้ม  ถ้าท่านเลือกได้ ท่านคงไม่ไป แต่ท่านเลือกไม่ได้ ท่านเลยต้องไป   ทีมงานรอบกายท่านไม่ว่าจะเป็นลิ่วล้อคนสนิท สอพลอคนสนิท ลูกหาบคนสนิท  พลขับคนสนิทต่างก็ไม่อยากไปด้วยเลย  ทุกคนต่างบอกเป็นเสียงเดียวกันว่าท่านไปเองคนเดียวเถอะ ไปทำความฝันตั้งแต่วัยเยาว์ให้สำเร็จ  ท่านขับรถไปคนเดียวเลย เราไม่ได้อยากจะนั่งเครื่องบินแบบท่าน

แต่สุดท้ายเราก็ต้องพาท่านไปอยู่ดี  ท่านบอกว่าท่านเหงาท่านกลัว ไปด้วยกันเถอะนะ   ผมไม่เคยเห็นท่านเป็นแบบนี้มาก่อน  ปกติท่านจะต้องกร่าง ท่านจะต้องเสียงดัง  ท่านจะต้องเข้ม ต้องชี้หน้าชี้ตาคนอื่น  แต่ตอนนี้ดูท่านเหมือนหมาหงอยเลย

เป็นเวลาเกือบ3ชั่วโมง ที่เรารอท่านประทัดให้เสร็จสิ้นจากการนั่งเครื่องบินขับไล่  ทีมงานคนนึงของฝ่ายผู้จัดบอกกับพวกเราว่า ท่านประทัดอาจต้องใช้เวลาถึง2ชั่วโมงในการฝึกอบรมก่อนทำการนั่งเครื่องบินความเร็วสูง  ท่านต้องทำการทดสอบทั้งทางด้านร่างกายและจิตใจ ต้องทำการทดสอบจากเครื่องทดสอบแรงเหวี่ยง แรงG ตอนนั้นเราไม่รู้หรอกว่าท่านเป็นยังไง  บางทีท่านอาจหัวใจวายตายไปก็ได้ ซึ่งหวังว่าจะไม่เป็นอย่างนั้น

และวินาทีที่เรารอคอยมาถึง ท่านประทัดกลับออกมาขึ้นรถอย่างคนเป็นๆ ท่านยังมีชีวิตมีลมหายใจอยู่ ท่านไม่ได้พูดอะไร  เรารีบออกรถ ผมเองสังเกตุใบหน้าท่านได้เสี้ยววินาทีนึงพบว่า ท่านยิ่งกว่าหน้าซีดเหมือนไก่ต้ม สีหน้าท่านไม่สู้ดีดีเลย  เหงื่อออกเต็มตัว สงสัยจะเสียวจัด  ท่านอาจไม่เคยกลัวอะไรอย่างนี้มาก่อนในชีวิตนี้  ในใจผมพลอยชื่นชมยินดีที่ท่านทำความฝันในวัยเด็กได้เสียที ถึงแม้จะไม่ใช่ทั้งหมด แต่วันนี้ท่านก็ได้นั่งเครื่องบินความเร็วสูงแล้ว  ในขณะนั้นที่เราค่อยๆเคลื่อนรถออกไป  พวกเราในรถที่นั่งไปพร้อมกับท่านต่างก็ได้ยินเสียงปู้ด ป๊าด ปู้ด ป๊าด สลับกันมาเป็นระยะ และค่อยๆมีกลิ่นเหม็นโชยมาจากท่าน  พวกเรามองหน้ากันอย่างรู้ใจ  ตอนนั้นในใจผมคิดว่าสิเป็นอีหยังไปได้ นอกจากเสียงของคนที่กำลังขี้แตกตดเหม็น ตื่นกลัวสุดขีด   แต่พวกเราก็ทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ไม่มีเสียงหรือคำพูดใดๆออกจากปากใคร........(จบ)
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่