ถ้า พท คราวหน้าเป็นรัฐบาล ขอให้ยกเลิกโครงการนี้ได้มั๊ยครับ หรือทำให้มันเสียน้อยกว่านี้ครับ
แน่นอนว่าเรื่อง "จำนำข้าว"ถือว่าเป็นเรื่องใหญ่สำหรับรัฐบาล ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร พรรคเพื่อไทย รวมไปถึง "หัวหน้าแก๊ง"ใหญ่ คือทักษิณ ชินวัตร เพราะนโยบายดังกล่าวมีการคุยโม้ว่านี่คือ "ทีเด็ด"แบบ "ทักษิณคิดยิ่งลักษณ์ทำ"แต่มาถึงปัจจุบันนโยบายประชานิยมหลักของรัฐบาลที่รับจำนำ(รับซื้อ)ข้าวทุกเมล็ดตันละ 15000 บาท เกิดการขาดทุนรวมแล้วกว่า 4 แสนล้านบาท ทำลายตลาดและคุณภาพข้าวของไทยจนย่อยยับ ในฤดูกาลแรกๆยังพอคึกคักเพราะยังมีเงินหมุนจ่ายครบวงรอบ แต่พอย่างเข้าฤดูกาลที่สองที่สามเริ่มติดขัด เริ่มมีเงื่อนไข ไม่ทุกเมล็ด ไม่อั้นแบบเดิม เริ่มมีเงื่อนไขจำกัดโควตา ไม่เหมือนเดิม หรือแม้แต่ลดราคาจำนำลงมาเหลือ 12000 บาทก็มี แต่เมื่อถูกแรงกดดัน การข่มขู่ของชาวนาเพียงชัาวข้ามคืนก็ต้องเปลี่ยนกลับมาให้ราคาจำนำวงเงินเท่าเดิม แต่มีการจำกัดโควตา แต่ประเด็นก๋คือ นี่คือสัญญาณ "ถังแตก"มาให้เห็นแต่ตั้งช่วงกลางปี ที่มีการเปิดโปงจากรองปลัดกระทรวงการคลัง สุภา ปิยะจิตติ ในฐานะประธานผู้ตรวจสอบบัญชีโครงการดังกล่าวว่ามีการขาดทุนไม่ต่ำกว่า 4 แสนล้านบาท ขณะที่หลายฝ่ายไม่ว่าจะเป็นสถาบันวิจัยการพัฒนาประเทศไทย(ทีดีอาร์ไอ) ก็ได้ออกมาเตือนให้รัฐบาลยกเลิกหรือเปลี่ยนแปลงวิธีการรับจำนำเสียใหม่ เพราะกำลังจะก่อให้เกิดหายนะตามในอนาคตอันใกล้นี้
แต่รัฐบาลก็ไม่สนใจยังเดินหน้าต่อ ขณะเดียวกันก็มีการปิดบังตัวเลขการขายข้าวและจำนวนเงินจากการขายข้าวว่ามีจำนวนเท่าไหร่ หรือขายให้ใครไปบ้าง โดยอ้างว่าเป็นความลับ หรืออ้างว่ายังขายข้าวไม่หมดจึงปิดบัญชีไม่ได้ จากเดิมที่มีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ที่ชื่อ บุญทรง เตริยาภิรมย์ เมื่อถูกโจมตีหนักก็เปลี่ยนมาเป็น นิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล ยังเดินหน้าเต็มตัว และอ้างว่ามีการขายข้าวแบบจีทูจีได้หลายล้านตัน แค่เฉพาะกับจีนที่อ้างว่าจะรับซื้อไม่น้อยกว่าปีละ 1 ล้านตันติดต่อกันถึง 5 ปี ทั้งที่ทางฝ่ายจีนไม่มีคำแถลงยืนยันเรื่องนี้ออกมาเลย
อย่างไรก็ดี แม้ว่าจะมีการเปิดโปงเรื่องการสวมสิทธิ์ การทุจริตทุกขั้นตอน มีคนในครอบครัว ทักษิณ ชินวัตร รวมทั้งหัวคะแนน นักการเมืองในรัฐบาลได้ประโยชน์ พ่อค้านายทุนของพรรครัฐบาลรวยกันพุงปลิ้น มีเสียงท้วงติงอย่างไรรัฐบาลก็เดินหน้าเต็มตัว มิหนำซ้ำยังมาโจมตีฝ่ายคัดค้านว่า "ขัดขวางไม่ให้ชาวนารวย"เสียอีก ขณะเดียวกันหากมีการจำกันได้ก่อนหน้านี้ทางพรรคเพื่อไทยยังเคยท้าทายพรรคฝ่ายค้านว่าหากไม่เห๋นด้วยกับการจำนำข้าวก็ให้ประกาศออกมาเลยว่าจะหาเสียงด้วยการยกเลิกจำนำข้าว แต่มาถึงวันนี้กลายเป็นว่า พรรคเพื่อไทยนั่นแหละไม่กล้าพูดถึงเรื่องดังกล่าวเลยสักแอะเดียว ทั้งที่นโยบายจำนำข้าวเคยเป็นเรื่องหลักที่เคยใช้หาเสียงจนชนะการเลือกตั้งแบบถล่มทลาย
ความหายนะปรากฏชัดในฤดูกาลจำนำปี 2556/57 ที่รัฐบาล "ถังแตก"หมดหน้าตักแล้ว นั่นคือ "หมุนเงินไม่ทัน"เพราะกระทรวงพาณิชย์ระบายข้าวไม่ได้ ขายข้าวไม่ได้ หรือถ้าขายได้ก็ต้องขายในราคาต่ำต้องขาดทุนอย่างหนัก อย่างไรก็ดีที่ผ่านมามีการคาดการณ์กันว่ารัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร หวังจะใช้เงินกู้ 2 ล้านล้านบาท โดยจะ "เล่นแร่แปรธาตุ"นำมาโปะหมุนไปก่อน แต่ดันกลายเป็นว่าร่างกฎหมายดังกล่าวถูกแช่แข็ง เอาไว้ในศาลรัฐธรรมนูญ และมีแนวโน้มแท้งสูง ทำให้ทุกอย่าง "ป๊อก"สะดุดกึกทันที
ที่ผ่านมาพยายามจะโบ้ยใส่ร้ายว่าเป็นเพราะมีการชุมนุมต่อต้านรัฐบาล มีการยึดกระทรวงการคลังทำให้การจ่ายเงินทำได้ล่าช้า แต่ก็ถูกประจานตอบโต้กลับไปแล้วถ้าเป็นแบบนั้นจริงทำไมเงินเดือนข้าราชการ เงินเดือนรัฐมนตรีคลังทุกคนถึงยังจ่ายครบตรงเวลา ก็ต้องเงียบเสียงไป หรือ เตรียมจะใช้วิธีล้วงเอาเงินฝากของธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร(ธกส.)จำนวน 5.5 หมื่นล้านบาทมาสำรองจ่ายไปก่อน แต่ก็ถูกต่อต้านจากพนักงาน รวมทั้งจะมีการกู้เงินอีก 1.3 แสนล้านบาทมาจ่ายก่อน แต่ก็ติดปัญหาต้องขออนุมัติจากคณะกรรมการการเลือกตั้งก่อน
ทุกอย่างจึง "ฝีแตก"เอาในวันที่ 15 มกราคม ที่มีการนัดหมายล่าสุดว่าจะเงินให้ชาวนาผ่านทาง ธกส. แต่ก็แห้วตามคาด และแม้รัฐบาลจะมีการนัดหมายใหม่เป็นวันที่ 25 มกราคม และภายในเดือนนี้ตามลำดับ แต่คำถามก็คือชาวนาจะ "รอไหว"หรือไม่ เพราะเวลาผ่านมา 4-5 เดือนแล้ว ต้องกินต้องใช้ หนี้สินประดังเข้ามา จะให้ "จ่ายหนี้เป็นประชาธิปไตย"คงไม่ไหวแน่ ถึงแม้ว่าจะ "กันเองชอบพอ"กันแค่ไหน แต่เรื่องปากท้องต้องมาก่อน ดังนั้นอย่าได้แปลกใจที่เวลานี่เริ่มได้เห็นการเคลื่อนไหวของชาวนาในหลายจังหวัดอีกครั้ง ทั้งเตรียมการปิดถนนกดดัน รวมถึงการ"เป็นโจทก์ร่วม"ฟ้อง ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ทั้งแพ่งและอาญา ผ่านทางสภาทนายความกันแล้ว
จำนำข้าว
แน่นอนว่าเรื่อง "จำนำข้าว"ถือว่าเป็นเรื่องใหญ่สำหรับรัฐบาล ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร พรรคเพื่อไทย รวมไปถึง "หัวหน้าแก๊ง"ใหญ่ คือทักษิณ ชินวัตร เพราะนโยบายดังกล่าวมีการคุยโม้ว่านี่คือ "ทีเด็ด"แบบ "ทักษิณคิดยิ่งลักษณ์ทำ"แต่มาถึงปัจจุบันนโยบายประชานิยมหลักของรัฐบาลที่รับจำนำ(รับซื้อ)ข้าวทุกเมล็ดตันละ 15000 บาท เกิดการขาดทุนรวมแล้วกว่า 4 แสนล้านบาท ทำลายตลาดและคุณภาพข้าวของไทยจนย่อยยับ ในฤดูกาลแรกๆยังพอคึกคักเพราะยังมีเงินหมุนจ่ายครบวงรอบ แต่พอย่างเข้าฤดูกาลที่สองที่สามเริ่มติดขัด เริ่มมีเงื่อนไข ไม่ทุกเมล็ด ไม่อั้นแบบเดิม เริ่มมีเงื่อนไขจำกัดโควตา ไม่เหมือนเดิม หรือแม้แต่ลดราคาจำนำลงมาเหลือ 12000 บาทก็มี แต่เมื่อถูกแรงกดดัน การข่มขู่ของชาวนาเพียงชัาวข้ามคืนก็ต้องเปลี่ยนกลับมาให้ราคาจำนำวงเงินเท่าเดิม แต่มีการจำกัดโควตา แต่ประเด็นก๋คือ นี่คือสัญญาณ "ถังแตก"มาให้เห็นแต่ตั้งช่วงกลางปี ที่มีการเปิดโปงจากรองปลัดกระทรวงการคลัง สุภา ปิยะจิตติ ในฐานะประธานผู้ตรวจสอบบัญชีโครงการดังกล่าวว่ามีการขาดทุนไม่ต่ำกว่า 4 แสนล้านบาท ขณะที่หลายฝ่ายไม่ว่าจะเป็นสถาบันวิจัยการพัฒนาประเทศไทย(ทีดีอาร์ไอ) ก็ได้ออกมาเตือนให้รัฐบาลยกเลิกหรือเปลี่ยนแปลงวิธีการรับจำนำเสียใหม่ เพราะกำลังจะก่อให้เกิดหายนะตามในอนาคตอันใกล้นี้
แต่รัฐบาลก็ไม่สนใจยังเดินหน้าต่อ ขณะเดียวกันก็มีการปิดบังตัวเลขการขายข้าวและจำนวนเงินจากการขายข้าวว่ามีจำนวนเท่าไหร่ หรือขายให้ใครไปบ้าง โดยอ้างว่าเป็นความลับ หรืออ้างว่ายังขายข้าวไม่หมดจึงปิดบัญชีไม่ได้ จากเดิมที่มีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ที่ชื่อ บุญทรง เตริยาภิรมย์ เมื่อถูกโจมตีหนักก็เปลี่ยนมาเป็น นิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล ยังเดินหน้าเต็มตัว และอ้างว่ามีการขายข้าวแบบจีทูจีได้หลายล้านตัน แค่เฉพาะกับจีนที่อ้างว่าจะรับซื้อไม่น้อยกว่าปีละ 1 ล้านตันติดต่อกันถึง 5 ปี ทั้งที่ทางฝ่ายจีนไม่มีคำแถลงยืนยันเรื่องนี้ออกมาเลย
อย่างไรก็ดี แม้ว่าจะมีการเปิดโปงเรื่องการสวมสิทธิ์ การทุจริตทุกขั้นตอน มีคนในครอบครัว ทักษิณ ชินวัตร รวมทั้งหัวคะแนน นักการเมืองในรัฐบาลได้ประโยชน์ พ่อค้านายทุนของพรรครัฐบาลรวยกันพุงปลิ้น มีเสียงท้วงติงอย่างไรรัฐบาลก็เดินหน้าเต็มตัว มิหนำซ้ำยังมาโจมตีฝ่ายคัดค้านว่า "ขัดขวางไม่ให้ชาวนารวย"เสียอีก ขณะเดียวกันหากมีการจำกันได้ก่อนหน้านี้ทางพรรคเพื่อไทยยังเคยท้าทายพรรคฝ่ายค้านว่าหากไม่เห๋นด้วยกับการจำนำข้าวก็ให้ประกาศออกมาเลยว่าจะหาเสียงด้วยการยกเลิกจำนำข้าว แต่มาถึงวันนี้กลายเป็นว่า พรรคเพื่อไทยนั่นแหละไม่กล้าพูดถึงเรื่องดังกล่าวเลยสักแอะเดียว ทั้งที่นโยบายจำนำข้าวเคยเป็นเรื่องหลักที่เคยใช้หาเสียงจนชนะการเลือกตั้งแบบถล่มทลาย
ความหายนะปรากฏชัดในฤดูกาลจำนำปี 2556/57 ที่รัฐบาล "ถังแตก"หมดหน้าตักแล้ว นั่นคือ "หมุนเงินไม่ทัน"เพราะกระทรวงพาณิชย์ระบายข้าวไม่ได้ ขายข้าวไม่ได้ หรือถ้าขายได้ก็ต้องขายในราคาต่ำต้องขาดทุนอย่างหนัก อย่างไรก็ดีที่ผ่านมามีการคาดการณ์กันว่ารัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร หวังจะใช้เงินกู้ 2 ล้านล้านบาท โดยจะ "เล่นแร่แปรธาตุ"นำมาโปะหมุนไปก่อน แต่ดันกลายเป็นว่าร่างกฎหมายดังกล่าวถูกแช่แข็ง เอาไว้ในศาลรัฐธรรมนูญ และมีแนวโน้มแท้งสูง ทำให้ทุกอย่าง "ป๊อก"สะดุดกึกทันที
ที่ผ่านมาพยายามจะโบ้ยใส่ร้ายว่าเป็นเพราะมีการชุมนุมต่อต้านรัฐบาล มีการยึดกระทรวงการคลังทำให้การจ่ายเงินทำได้ล่าช้า แต่ก็ถูกประจานตอบโต้กลับไปแล้วถ้าเป็นแบบนั้นจริงทำไมเงินเดือนข้าราชการ เงินเดือนรัฐมนตรีคลังทุกคนถึงยังจ่ายครบตรงเวลา ก็ต้องเงียบเสียงไป หรือ เตรียมจะใช้วิธีล้วงเอาเงินฝากของธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร(ธกส.)จำนวน 5.5 หมื่นล้านบาทมาสำรองจ่ายไปก่อน แต่ก็ถูกต่อต้านจากพนักงาน รวมทั้งจะมีการกู้เงินอีก 1.3 แสนล้านบาทมาจ่ายก่อน แต่ก็ติดปัญหาต้องขออนุมัติจากคณะกรรมการการเลือกตั้งก่อน
ทุกอย่างจึง "ฝีแตก"เอาในวันที่ 15 มกราคม ที่มีการนัดหมายล่าสุดว่าจะเงินให้ชาวนาผ่านทาง ธกส. แต่ก็แห้วตามคาด และแม้รัฐบาลจะมีการนัดหมายใหม่เป็นวันที่ 25 มกราคม และภายในเดือนนี้ตามลำดับ แต่คำถามก็คือชาวนาจะ "รอไหว"หรือไม่ เพราะเวลาผ่านมา 4-5 เดือนแล้ว ต้องกินต้องใช้ หนี้สินประดังเข้ามา จะให้ "จ่ายหนี้เป็นประชาธิปไตย"คงไม่ไหวแน่ ถึงแม้ว่าจะ "กันเองชอบพอ"กันแค่ไหน แต่เรื่องปากท้องต้องมาก่อน ดังนั้นอย่าได้แปลกใจที่เวลานี่เริ่มได้เห็นการเคลื่อนไหวของชาวนาในหลายจังหวัดอีกครั้ง ทั้งเตรียมการปิดถนนกดดัน รวมถึงการ"เป็นโจทก์ร่วม"ฟ้อง ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ทั้งแพ่งและอาญา ผ่านทางสภาทนายความกันแล้ว