กระทู้นี้http://pantip.com/topic/31504907 ขออนูญาติตอบเป็นข้อๆตามที่คุณตั้งขึ้นมา
1. นโยบายนี้ เพื่อเป็นหลักประกันสุขภาพให้ประชาชนไทยทุกคนสามารถรับบริการรักษาโรค โดยจ่ายเพียงสามสิบบาท โดยจัดสรรประชาชนลงทะเบียนกับโรงพยาบาล (รัฐและเอกชน) โดยจัดสรรงบประมาณให้โรงพยาบาลเหล่านี้ ตามชนิดและจำนวนผู้ป่วย
ตอบ...อันนี้ถุกต้องครับ
[i]2. ประชาชนทั่วไป มองว่า เป็นนโยบายที่ดีมาก เพราะทำให้คนจนไม่ต้องเสียเงิน แต่ในความเป็นจริงแล้ว เดิมประชาชนที่ไม่สามารถจ่ายได้ ไม่ต้องเสียเงินอยู่แล้ว เนื่องจากมีสามารถเข้าพบสังคมสงเคราะห์ของแต่ละ รพ. ได้ หากไม่มีเงินจริงๆ หรือผู้ที่มีรายได้น้อย อาจพิจารณาจัดสรรลดหย่อนให้เป็นกรณีๆ ไป
ตอบ...อันนี้ถ้าพูดเเบบชาวบ้าน เค้าเรียกอนาถา คนใข้อนาถา ต้องไปต่อคิวหน้าห้องยื่นเรื่อง รอพิจารณา อันนี้ผมว่า ต่างกันมากนะครับ ในอดีต คนใข้ในลักษณะนี้ จะได้รับบริการที่สุดเเสนประทับใจต้องจดจำไปตลอดชีวิต สายตาเหยียดๆ สุ้มเสียงตะคอก ของนางพยาบาลเป็นที่โจษขานของสังคม ผมไม่ทราบเจ้าของกระทู้ อายุเท่าไหร่ เคยมีประสบการณ์ไปรักษาเเบนี้บ้างไหม การจ่าย30บาท มันบ่งบอกสิทธิ์ที่เรามี จากเงินอุดหนุน รายหัว ต่อคนต่อปีเดี่ยวจะไปตอบข้อต่อไป
3. นโยบายดูดีมาก แต่กำหนดเม็ดเงินในโครงการไว้ต่ำ (ไม่มีทางที่จะครอบคลุมการรักษาได้หมดอยู่แล้ว แม้ในมหาอำนาจอย่างอเมริกา ก็ทำไม่ได้) ให้งบเฉลี่ย 2 พันกว่าบาทต่อผู้ป่วย 1 คนต่อปี ไม่ใช่ รพ. จ่ายอะไร เบิกได้หมดนะครับ ดังนั้น รพ.รัฐบาล ก็จะ "เข้าเนื้อ" ตัวเอง หรือมิฉะนั้น ก็จ้องยอมรักษาให้ต่ำกว่ามาตรฐาน ที่เขาบอกว่าเป็นอะไรมาก็แจกพารานะครับ
ตอบ...อันนี้เป็นความจริงเพียงด้านเดียว ผมยกตัวอย่างบ้านผมนะครับ มีพ่อเเม่พี่น้องรวมกันในบ้าน9คน หากคูณด้วย2พันกว่าบาทอย่างที่คุณว่า ก็เกือบสองหมื่น/ปี ในหนึ่งปี ที่บ้านผมไปหาหมออาจไม่เท่ากันทุกปี เฉลี่ย/2-3ครั้ง ก็ส่วนใหญ่ ปวดหัวตัวร้อย มีบ้างที่เป็นหวัด ค่ายาคงไม่เท่าไหร่ ที่เหลือคือส่วนที่ไม่ได้ใช้ เค้าก็คงนำไปเฉลี่ยกับคนที่เข้ามาใช้บริการ อื่นๆ ที่คุณสรุปว่าต่ำกว่ามาตราฐานอันนี้ขึ้นอยู่กับสำนึกของ รพ เเละหมอครับ เเต่ส่วนใหญ่เท่าที่ ถามไถ่ผู้คนรอบข้างก็พอใจ ไม่ใช่ยาพารา อย่างที่ใครบอกคุณหรอกครับ
4. ด้วยเหตุนี้ รพ. ที่ยังรักษาเต็มที่ตามมาตรฐาน เช่น รร.แพทย์หลายแห่งที่ร่วมโครงการ จึงออกมายอมรับว่าขาดทุนไปไม่ต่ำว่าร้อยล้านในระยะแรก นำมาซึ่งการถอนตัวออกของ รพ มหาวิทยาลัย หลายๆ แห่ง ไม่งั้นได้ปิด รพ. ภายในห้าปี ล้มละลายครับ และ กลุ่มนี้รับไม่ได้กับการรักษาที่ไม่เต็มมาตรฐาน เลยถอนออกซะเลย 555
ตอบ...อันนี้เข้าใจได้ครับ ถ้าเค้าทำมาค้าขาย กับความเจ็บป่วย มันย่อมไม่คุ้มการลงทุน ก็ต้องถอนตัวไป อันนี้ไม่ว่ากัน ก็ยังมีโรงพยาบาล อีกจำนวนมากยังร่วมโครงการ เเละมีการนำตัวอย่างการบริหารออกไปเผยเเพร่ต่อกันไป จนถึงต่างประเทศก็นำไปใช้ ในบางประเทศ ที่คุณอ้างว่ากลุ่มนี้รับไม่ได้กับการรักษาที่ไม่เต็มมาตราฐาน วัดจากอะไรครับอันนี้ผมถามทิ้งไว้
5. รพ.รัฐอื่นๆ หรือ เอกชน ที่ยังอยู่ในโครงการนี้ ก็ต้องพยายามรักษาด้วยงบที่ต่ำที่สุด เพื่อไม่ให้ต้องขาดทุนไปมากกว่านั้น แหม เอกชนนะครับ จะบอกว่าให้คุณตั้ง รพ. ขึ้นมาเพื่อเป็นสังคมสงเคราะห์หรือ แต่สุดท้าย รพ.เอกชน ส่วนใหญ่ เห็นว่า ไม่คุ้มค่ากับชื่อเสียงที่เสียไป เพราะอาจถูกด่า ว่าให้การรักษาไม่ได้มาตรฐาน จึงถอนตัวออกไปเยอะมาก
ตอบ....การที่โรงพยาบาล พยายามรักษาด้วยงบที่ต่ำที่สุด อันนี้ผมว่ามีส่วนจริงในบางส่วน การหริหารจัดการต้นทุนเป็นเรื่องธรรมดา ที่ทุกองค์กรต้องมาจัดการ ที่ไม่คุ้มค่ารัฐไม่ได้บังคับเอกชนรายใดสามารถปฎิเสธได้ ส่วนที่ถอนตัวไปอาจมีในช่วงเเรก เเต่หลายปีนี้ นโยบายของรัญก็บอกอยู่เเล้วให้คนจนเข้าถึงการรักษา (ปล. คุณย้ำถอนตัวสองครั้ง)
6. รพ รัฐ ที่เหลืออยู่ จำเป็นต้องกล้ำกลืน รับโครงการต่อ ตามคำสั่งนักการเมือง บางครั้งต้องให้การรักษาที่ต่ำกว่ามาตรฐาน เพื่อไม่ให้ รพ. ล่มจม ล้มละลาย แพทย์ถูกบีบสองด้าน ด้านหนึ่งคือ จรรยาแพทย์ ต้องรักษาผู้ป่วยให้ดีที่สุด อีกด้านหนึ่ง ต้องบริหารเม็ดเงิน ให้ใช้จ่ายอยู่ในกรอบที่ สปสช ให้มา ซึ่งต่ำกว่ากันมาก
ตอบ.......อาจมีบ้างที่ รพ รัฐรู้สึกไม่ค่อยพอใจ เเต่ถึงขนาดกล้ำกลืนตามคำสั่งนักการเมือง อันนี้ผมว่า เกินไปนิดนึง การย้ำหลายคลาเรื่องมาตราฐาน นี่ถ้านับมาตราฐาน จากอะไรกับใคร ถ้าโครงการนี้ทำให้ รพ ล่มจมอย่างที่คุณว่า ผ่านมาหลายปีคงพิสูจน์ไปเเล้วว่าไม่จริง ผมเชื่อในจรรยาเเทพย์เเละก้เชื่อด้วยว่าเเพทย์จะไม่คิดจ่ายยาที่ไม่ตอบสนองหรือได้ผลน้อยที่สุดเพื่อลดต้นทุน ส่วนเรื่องต้นทุนผมเขียนไว้ด้านบน
7. ผู้ป่วยจำนวนหนึ่งได้รับการรักษาต่ำกว่ามาตรฐาน เหมือนที่คุณ FromTheInside4 เขียนมาในกระทู้ด้านล่าง แต่ที่น่าสงสาร คือ หลายๆ คน ที่ต้องเสียชีวิต เพราะการรักษาที่ราคาสูงไม่ถูกอนุมัติโดยสิทธิ์ประกันสุขภาพถ้วนหน้า ซึ่ง ถ้าเป็นในอดีต หลักเฉลี่ยทุกข์เฉลี่ยสุข ทำให้คนที่พอมีพอกินบ้าง ช่วยร่วมจ่ายเงินค่ารักษาบางส่วนหรือทังหมด
ตอบ..........ถ้านับอดีตที่คุณว่าหลักเฉลี่ยทุกข์เฉลี่ยสุข กับ30บาท อันนี้คงไม่ใช่ " การรักษาที่ราคาสูงไม่ถูกอนุมัติโดยสิทธิ์ประกันสุขภาพถ้วนหน้า " เค้ามีขอบเขตเเละมากกว่าที่ผ่านมาหลายๆเรื่อง เรื่องเฉลี่ยสุขทุกข์ คนไทยทำกันอยู่เเล้ว ใน รพ หลายเเห่งมีคลีนิคพิเศษ ที่ให้ผู้ที่พอจะจ่ายได้ ช่วยกัน ศิริราช รามา จุฬา อีกหลายเเห่ง เค้ามีเพื่อเเบ่งปันกันลดภาระ รพ อาจไม่ครอบคลุม ทั้งหมด เเต่ก้พัฒนาไปเรื่อยๆ
8. เงินที่เคยได้รับจากประชาชนที่พอจ่ายได้บ้าง จำนวนนี้แหละครับ ที่เคยถูกนำไปช่วยคนที่ป่วย ซึ่งจำเป็นต้องได้รับการรักษาด้วยวิธีที่ราคาสูงและไม่ครอบคลุมโดยสิทธิ์ สปสช แต่ในปัจจุบัน กลุ่มนี้ตายหมดครับ จงระลึกไว้ครับ ว่าที่พวกคุณไม่ต้องเสียเงินรักษาโรคในวันนี้ ถ้าคุณพอมีจ่ายได้บ้าง นั่นแหละ คุณกำลังฆ่าผู้ป่วยที่ไม่มีรายได้ หรือแม้แต่ตัวคุณเอง หากเมื่อไร คุณกำลังเป็นโรคที่ต้องใช้การรักษาหรือยาราคาสูงครับ
ตอบ...ในอดีตมันพิสูจน์ไปเเล้ว หลักที่คุณว่ามันไม่ตอบโจทย์ที่คุณอ้าง ส่วนที่คุณห่วงมันสามารถพัฒนาต่อได้ ส่วนคนที่พอจ่ายได้ ว่างๆคุณไปดู จุฬา ศิริราช รามา คนใช้ใช้ช่องทางนี้จำนวนมาก ลองไปดูครับ ตามหลักสิทธิ์ คนต้องเท่ากัน ใ้คนจนเเต่ไม่ให้คนอื่น โดยหลักมันทำไม่ได้
9. ยาที่กำหนดให้ใช้ ส่วนมากราคาถูกหรือมาตรฐานต่ำ ลองเทียบกับของข้าราชการหรือเอกชนดูครับ แต่ไม่ต้องกลัวครับ เนื่องจากการขาดทุนงบประมาณจากหลายๆ โครงการประชานิยมของรัฐบาล ตอนนี้กำลังจะทำให้เท่าเทียมกัน คือ ห่วยหมดทั้งบัญชียาข้าราชการ ประกันสังคมและประกันสุขภาพ นั่นคือ ต่อไป ข้าราชการก็เบิกได้เฉพาะยามาตรฐานต่ำเหมือนสิทธิ์อื่นๆ ครับ
ตอบ....ผมเชื่อว่าหลายๆโรงพยาบาลมาอ่าน ข้อกล่าวหาของคุณเค้าคงเสียใจ มาตราฐานที่ว่าคุณวัดจากตรงไหน ยาในยานอก หรือยามียี่ห้อหรือยา ไม่มีมาตราฐาน การเหมารวมไม่ได้เเยก อ่านมาถึงตรงนี้ผมมีความรู้สึกว่าคุณอคติโดยเหมารวม
10. นอกจากนั้น ยาบางไอเทม ยังมีการจัดซื้อโดยไม่โปร่งใส มาตรฐานต่ำ แต่ราคาสูง เหมือนเอื้อประโยชน์ให้แก่บางบริษัท เดี๋ยวผมจะเขียนต่อไปในส่วนของความสัมพันธ์ต่อกลุ่มทุนยาครับ
ตอบ...ตรงนี้ผมรออ่าน สัญญานะครับ
11. เมื่อรักษาโดยไม่ต้องเสียเงิน ผู้ป่วยมาพบแพทย์บ่อยมากขึ้น บางคนไม่ได้ป่วยอะไรก็มา ทำให้แพทย์รัฐ ซึ่งงานหนักอยู่แล้ว ต้องทำงานหนักมากขึ้นไปอีก
ตอบ....การพบเเพทย์บ่อย ยอมรับครับว่าเป็นภาระ เเต่หากมองมุมดีๆ คนรู้สึกไม่สบาย ถ้าไม่มีกำเเพงค่าใช้จ่ายในการพบหมอ รู้เร็วรักษาได้ทันเเทนที่จะปล่อยให้ลุกลามจนเกินการรักษา เเละที่คุณว่าบางคนไม่ป่วยอะไรก้ไปหาหมอ อันนี้ผมว่าเกินไปนิดนึง ในข้อเท็จจริงคนอะไร ไม่เป็นอะไรไปหาหมอ ถามคนในห้องใครอยากไปหาหมอ อันนี้งงครับ
12. มองในแง่แพทย์บ้างนะครับ อันนี้เอาเฉพาะแพทย์ รพ.รัฐ โดยเฉพาะในชุมชน ไม่นับแพทย์ใน รพ.เอกชนในเครือข่ายตระกูลชิน หรือ อจ.แพทย์นะครับ แพทย์กลุ่มนี้ส่วนหนึ่งเป็นแพทย์ที่ดี มีอุดมการณ์ ออกไปช่วยประชาชน แต่สิ่งที่พบตอนนี้คือ ผู้ปวยจำนวนมาก บางคนตรวจสองสามร้อยคนในครึ่งวัน ใช้การรักษาและยาราคาถูก เงินที่จำกัด แถมยังเปิดโอกาสให้กองทุนสามารถ ‘ไล่เบี้ย’ กับแพทย์ กรณีรักษาไม่ได้ มาตรฐานอีกด้วย แพทย์จำนวนมากจึงไหลออกสู่ภาคเอกชนอย่างต่อเนื่อง
ตอบ....คนเป็นเเพทย์ คิดจะมาทางนี้ ความสุขของเขาคือพยายามช่วยชีวิตคนให้มากที่สุด ในเต่ระที่เค้ากำหนดจำนวน เวลา ที่ชัดเจน อาจเป็นงานหนักผมไม่เถียง เเต่ขนาด "เปิดโอกาสให้กองทุนสามารถ ‘ไล่เบี้ย’ กับแพทย์ กรณีรักษาไม่ได้ มาตรฐานอีกด้วย แพทย์จำนวนมากจึงไหลออกสู่ภาคเอกชนอย่างต่อเนื่อง" เค้ามีสิทธิ์ที่จะเลือกเเต่หากเหมาว่าโดนไล่เบี้ย ผมว่าเกินไป
13. แพทย์ที่เปิดคลินิกหรือ รพ เอกชน กลับไม่กระทบมาก เนื่องจากผู้ที่ไปคลินิกหรือเอกชนส่วนมาก พอที่จะจ่ายได้อยู่แล้ว และได้ยาที่มาตรฐานดีขึ้น ร่วมถึงไม่ต้องไปทนความแออัดยัดเยียดที่เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ในรพ.รัฐ จากโครงการ 30 บาท ลองดูคลินิก ตจว. ดูได้ดูครับ คนยังค่อนข้างมาก ดังนั้นคนที่คัดค้านไม่ใช่แพทย์กลุ่มนี้
ตอบ...อันนี้ไม่จริงครับ ก็คุณเขียนเองว่าคน มาใช้สิทธิ์ตั้งมากมาย จนเเพทย์งานหนัก ลาออก จะไม่กระทบกับคลีนิค รพ เอกชน ได้อย่างไร มันย้อนเเย้งกับที่คุณเขียนมา ผมว่านี่เเหละกลุ่มผู้เสียผลประโยชน์ ที่เคยทำมาหากินกับการเจ็บป่วย
ผมเล่าทิ้งท้ายสำหรับคนที่ผ่านเรื่องรักษาเจ็บป่วย พ่อเเละเเม่ หมดเงินไปเเทบหมดตัว ทุ่มทุกสิ่งที่มีอยู่เพื่อเเลกกับชีวิตคนที่เรารัก เริ่มจากเเม่ ป่วย ความดัน เบาหวาน โรคฮิตคนอายุมาก เข้า รพ ครั้งหนึ่งหลายพันอาจหลายหมืน ถ้านานอาจหลายเเสน นับรวมคงหลายล้าน เราไม่มีสิทธิ์ที่จะต่อรอง ค่าใช้จ่าย เชื่อว่าหลายคนในนี้ เคยผ่านอย่างที่ผมผ่านมา พ่อเเม่ สมัยผมไม่มี30เเบบนี้ ค่าใช้จ่ายมหาศาล โรงพยาบาลเก็บค่าใช้จ่ายเเพงมาก อย่าบอกนะว่าไป เเบบอนาถา เคยพาคนงานเเขนหักไปครั้งเดียว เเค่ครั้งเดียว จะไม่กลับไปขอร้อง ให้เค้าช่วยอีกเลย
จริงๆผมไม่อยากมานั่งตอบ เเต่อ่านเเล้ว ตามไปอ่านที่เค้าตอบ(กดไปที่ชื่อ)ก็จะมีคำตอบ .....ไม่เนียน นโยบายดีๆ ปล่อยให้มานั่งทำลายกันง่ายๆ 30บาทผมเชื่อช่วยชื่อวิตคนมากมาย เเละเป็นที่พึ่งของคนยากจน เเม่ในระหว่างดำเนินการ จะมีอะไีผิดพลาดไปบ้าง ต้องช่วยกันปรับปรุง เพราะนี่คือสิ่งที่จะต่อยอดไปในอนาคต ไม่ต้องตกอยู่ในสภาพที่คนเเก่ๆ รุ่นพ่อเเม่เราพูดไว้ หาเงินมาจนเเก่เฒ่า ต้องเอาไปให้กับ....โรงพยาบาล ยามเเก่ พัฒนาไปครับ ถึงรุ่นเราต้องไปใช้จะได้ใช้ของดีๆ
ปล.อ่อ ผมอ่านตามเม้นข้างล่างกระทู้ ไปอ้างคุณวิชัยทองเเตง โยงทักษิณ ไม่ว่ากัน เเต่เจ้ารพ ของนะเค้าผู้อุปถัมป์รายใหญ่ม๊อบสุเทพมิใช่หรือ ทำไมเว้นไว้ครับ
ว่างๆจะมาต่อที่เหลือ 7ข้อข้างล่าง
ขอตอบ..จากกระทู้เเนะนำข้างบนนั่นเรื่อง..30บาท รักษาทุกโรค
1. นโยบายนี้ เพื่อเป็นหลักประกันสุขภาพให้ประชาชนไทยทุกคนสามารถรับบริการรักษาโรค โดยจ่ายเพียงสามสิบบาท โดยจัดสรรประชาชนลงทะเบียนกับโรงพยาบาล (รัฐและเอกชน) โดยจัดสรรงบประมาณให้โรงพยาบาลเหล่านี้ ตามชนิดและจำนวนผู้ป่วย
ตอบ...อันนี้ถุกต้องครับ
[i]2. ประชาชนทั่วไป มองว่า เป็นนโยบายที่ดีมาก เพราะทำให้คนจนไม่ต้องเสียเงิน แต่ในความเป็นจริงแล้ว เดิมประชาชนที่ไม่สามารถจ่ายได้ ไม่ต้องเสียเงินอยู่แล้ว เนื่องจากมีสามารถเข้าพบสังคมสงเคราะห์ของแต่ละ รพ. ได้ หากไม่มีเงินจริงๆ หรือผู้ที่มีรายได้น้อย อาจพิจารณาจัดสรรลดหย่อนให้เป็นกรณีๆ ไป
ตอบ...อันนี้ถ้าพูดเเบบชาวบ้าน เค้าเรียกอนาถา คนใข้อนาถา ต้องไปต่อคิวหน้าห้องยื่นเรื่อง รอพิจารณา อันนี้ผมว่า ต่างกันมากนะครับ ในอดีต คนใข้ในลักษณะนี้ จะได้รับบริการที่สุดเเสนประทับใจต้องจดจำไปตลอดชีวิต สายตาเหยียดๆ สุ้มเสียงตะคอก ของนางพยาบาลเป็นที่โจษขานของสังคม ผมไม่ทราบเจ้าของกระทู้ อายุเท่าไหร่ เคยมีประสบการณ์ไปรักษาเเบนี้บ้างไหม การจ่าย30บาท มันบ่งบอกสิทธิ์ที่เรามี จากเงินอุดหนุน รายหัว ต่อคนต่อปีเดี่ยวจะไปตอบข้อต่อไป
3. นโยบายดูดีมาก แต่กำหนดเม็ดเงินในโครงการไว้ต่ำ (ไม่มีทางที่จะครอบคลุมการรักษาได้หมดอยู่แล้ว แม้ในมหาอำนาจอย่างอเมริกา ก็ทำไม่ได้) ให้งบเฉลี่ย 2 พันกว่าบาทต่อผู้ป่วย 1 คนต่อปี ไม่ใช่ รพ. จ่ายอะไร เบิกได้หมดนะครับ ดังนั้น รพ.รัฐบาล ก็จะ "เข้าเนื้อ" ตัวเอง หรือมิฉะนั้น ก็จ้องยอมรักษาให้ต่ำกว่ามาตรฐาน ที่เขาบอกว่าเป็นอะไรมาก็แจกพารานะครับ
ตอบ...อันนี้เป็นความจริงเพียงด้านเดียว ผมยกตัวอย่างบ้านผมนะครับ มีพ่อเเม่พี่น้องรวมกันในบ้าน9คน หากคูณด้วย2พันกว่าบาทอย่างที่คุณว่า ก็เกือบสองหมื่น/ปี ในหนึ่งปี ที่บ้านผมไปหาหมออาจไม่เท่ากันทุกปี เฉลี่ย/2-3ครั้ง ก็ส่วนใหญ่ ปวดหัวตัวร้อย มีบ้างที่เป็นหวัด ค่ายาคงไม่เท่าไหร่ ที่เหลือคือส่วนที่ไม่ได้ใช้ เค้าก็คงนำไปเฉลี่ยกับคนที่เข้ามาใช้บริการ อื่นๆ ที่คุณสรุปว่าต่ำกว่ามาตราฐานอันนี้ขึ้นอยู่กับสำนึกของ รพ เเละหมอครับ เเต่ส่วนใหญ่เท่าที่ ถามไถ่ผู้คนรอบข้างก็พอใจ ไม่ใช่ยาพารา อย่างที่ใครบอกคุณหรอกครับ
4. ด้วยเหตุนี้ รพ. ที่ยังรักษาเต็มที่ตามมาตรฐาน เช่น รร.แพทย์หลายแห่งที่ร่วมโครงการ จึงออกมายอมรับว่าขาดทุนไปไม่ต่ำว่าร้อยล้านในระยะแรก นำมาซึ่งการถอนตัวออกของ รพ มหาวิทยาลัย หลายๆ แห่ง ไม่งั้นได้ปิด รพ. ภายในห้าปี ล้มละลายครับ และ กลุ่มนี้รับไม่ได้กับการรักษาที่ไม่เต็มมาตรฐาน เลยถอนออกซะเลย 555
ตอบ...อันนี้เข้าใจได้ครับ ถ้าเค้าทำมาค้าขาย กับความเจ็บป่วย มันย่อมไม่คุ้มการลงทุน ก็ต้องถอนตัวไป อันนี้ไม่ว่ากัน ก็ยังมีโรงพยาบาล อีกจำนวนมากยังร่วมโครงการ เเละมีการนำตัวอย่างการบริหารออกไปเผยเเพร่ต่อกันไป จนถึงต่างประเทศก็นำไปใช้ ในบางประเทศ ที่คุณอ้างว่ากลุ่มนี้รับไม่ได้กับการรักษาที่ไม่เต็มมาตราฐาน วัดจากอะไรครับอันนี้ผมถามทิ้งไว้
5. รพ.รัฐอื่นๆ หรือ เอกชน ที่ยังอยู่ในโครงการนี้ ก็ต้องพยายามรักษาด้วยงบที่ต่ำที่สุด เพื่อไม่ให้ต้องขาดทุนไปมากกว่านั้น แหม เอกชนนะครับ จะบอกว่าให้คุณตั้ง รพ. ขึ้นมาเพื่อเป็นสังคมสงเคราะห์หรือ แต่สุดท้าย รพ.เอกชน ส่วนใหญ่ เห็นว่า ไม่คุ้มค่ากับชื่อเสียงที่เสียไป เพราะอาจถูกด่า ว่าให้การรักษาไม่ได้มาตรฐาน จึงถอนตัวออกไปเยอะมาก
ตอบ....การที่โรงพยาบาล พยายามรักษาด้วยงบที่ต่ำที่สุด อันนี้ผมว่ามีส่วนจริงในบางส่วน การหริหารจัดการต้นทุนเป็นเรื่องธรรมดา ที่ทุกองค์กรต้องมาจัดการ ที่ไม่คุ้มค่ารัฐไม่ได้บังคับเอกชนรายใดสามารถปฎิเสธได้ ส่วนที่ถอนตัวไปอาจมีในช่วงเเรก เเต่หลายปีนี้ นโยบายของรัญก็บอกอยู่เเล้วให้คนจนเข้าถึงการรักษา (ปล. คุณย้ำถอนตัวสองครั้ง)
6. รพ รัฐ ที่เหลืออยู่ จำเป็นต้องกล้ำกลืน รับโครงการต่อ ตามคำสั่งนักการเมือง บางครั้งต้องให้การรักษาที่ต่ำกว่ามาตรฐาน เพื่อไม่ให้ รพ. ล่มจม ล้มละลาย แพทย์ถูกบีบสองด้าน ด้านหนึ่งคือ จรรยาแพทย์ ต้องรักษาผู้ป่วยให้ดีที่สุด อีกด้านหนึ่ง ต้องบริหารเม็ดเงิน ให้ใช้จ่ายอยู่ในกรอบที่ สปสช ให้มา ซึ่งต่ำกว่ากันมาก
ตอบ.......อาจมีบ้างที่ รพ รัฐรู้สึกไม่ค่อยพอใจ เเต่ถึงขนาดกล้ำกลืนตามคำสั่งนักการเมือง อันนี้ผมว่า เกินไปนิดนึง การย้ำหลายคลาเรื่องมาตราฐาน นี่ถ้านับมาตราฐาน จากอะไรกับใคร ถ้าโครงการนี้ทำให้ รพ ล่มจมอย่างที่คุณว่า ผ่านมาหลายปีคงพิสูจน์ไปเเล้วว่าไม่จริง ผมเชื่อในจรรยาเเทพย์เเละก้เชื่อด้วยว่าเเพทย์จะไม่คิดจ่ายยาที่ไม่ตอบสนองหรือได้ผลน้อยที่สุดเพื่อลดต้นทุน ส่วนเรื่องต้นทุนผมเขียนไว้ด้านบน
7. ผู้ป่วยจำนวนหนึ่งได้รับการรักษาต่ำกว่ามาตรฐาน เหมือนที่คุณ FromTheInside4 เขียนมาในกระทู้ด้านล่าง แต่ที่น่าสงสาร คือ หลายๆ คน ที่ต้องเสียชีวิต เพราะการรักษาที่ราคาสูงไม่ถูกอนุมัติโดยสิทธิ์ประกันสุขภาพถ้วนหน้า ซึ่ง ถ้าเป็นในอดีต หลักเฉลี่ยทุกข์เฉลี่ยสุข ทำให้คนที่พอมีพอกินบ้าง ช่วยร่วมจ่ายเงินค่ารักษาบางส่วนหรือทังหมด
ตอบ..........ถ้านับอดีตที่คุณว่าหลักเฉลี่ยทุกข์เฉลี่ยสุข กับ30บาท อันนี้คงไม่ใช่ " การรักษาที่ราคาสูงไม่ถูกอนุมัติโดยสิทธิ์ประกันสุขภาพถ้วนหน้า " เค้ามีขอบเขตเเละมากกว่าที่ผ่านมาหลายๆเรื่อง เรื่องเฉลี่ยสุขทุกข์ คนไทยทำกันอยู่เเล้ว ใน รพ หลายเเห่งมีคลีนิคพิเศษ ที่ให้ผู้ที่พอจะจ่ายได้ ช่วยกัน ศิริราช รามา จุฬา อีกหลายเเห่ง เค้ามีเพื่อเเบ่งปันกันลดภาระ รพ อาจไม่ครอบคลุม ทั้งหมด เเต่ก้พัฒนาไปเรื่อยๆ
8. เงินที่เคยได้รับจากประชาชนที่พอจ่ายได้บ้าง จำนวนนี้แหละครับ ที่เคยถูกนำไปช่วยคนที่ป่วย ซึ่งจำเป็นต้องได้รับการรักษาด้วยวิธีที่ราคาสูงและไม่ครอบคลุมโดยสิทธิ์ สปสช แต่ในปัจจุบัน กลุ่มนี้ตายหมดครับ จงระลึกไว้ครับ ว่าที่พวกคุณไม่ต้องเสียเงินรักษาโรคในวันนี้ ถ้าคุณพอมีจ่ายได้บ้าง นั่นแหละ คุณกำลังฆ่าผู้ป่วยที่ไม่มีรายได้ หรือแม้แต่ตัวคุณเอง หากเมื่อไร คุณกำลังเป็นโรคที่ต้องใช้การรักษาหรือยาราคาสูงครับ
ตอบ...ในอดีตมันพิสูจน์ไปเเล้ว หลักที่คุณว่ามันไม่ตอบโจทย์ที่คุณอ้าง ส่วนที่คุณห่วงมันสามารถพัฒนาต่อได้ ส่วนคนที่พอจ่ายได้ ว่างๆคุณไปดู จุฬา ศิริราช รามา คนใช้ใช้ช่องทางนี้จำนวนมาก ลองไปดูครับ ตามหลักสิทธิ์ คนต้องเท่ากัน ใ้คนจนเเต่ไม่ให้คนอื่น โดยหลักมันทำไม่ได้
9. ยาที่กำหนดให้ใช้ ส่วนมากราคาถูกหรือมาตรฐานต่ำ ลองเทียบกับของข้าราชการหรือเอกชนดูครับ แต่ไม่ต้องกลัวครับ เนื่องจากการขาดทุนงบประมาณจากหลายๆ โครงการประชานิยมของรัฐบาล ตอนนี้กำลังจะทำให้เท่าเทียมกัน คือ ห่วยหมดทั้งบัญชียาข้าราชการ ประกันสังคมและประกันสุขภาพ นั่นคือ ต่อไป ข้าราชการก็เบิกได้เฉพาะยามาตรฐานต่ำเหมือนสิทธิ์อื่นๆ ครับ
ตอบ....ผมเชื่อว่าหลายๆโรงพยาบาลมาอ่าน ข้อกล่าวหาของคุณเค้าคงเสียใจ มาตราฐานที่ว่าคุณวัดจากตรงไหน ยาในยานอก หรือยามียี่ห้อหรือยา ไม่มีมาตราฐาน การเหมารวมไม่ได้เเยก อ่านมาถึงตรงนี้ผมมีความรู้สึกว่าคุณอคติโดยเหมารวม
10. นอกจากนั้น ยาบางไอเทม ยังมีการจัดซื้อโดยไม่โปร่งใส มาตรฐานต่ำ แต่ราคาสูง เหมือนเอื้อประโยชน์ให้แก่บางบริษัท เดี๋ยวผมจะเขียนต่อไปในส่วนของความสัมพันธ์ต่อกลุ่มทุนยาครับ
ตอบ...ตรงนี้ผมรออ่าน สัญญานะครับ
11. เมื่อรักษาโดยไม่ต้องเสียเงิน ผู้ป่วยมาพบแพทย์บ่อยมากขึ้น บางคนไม่ได้ป่วยอะไรก็มา ทำให้แพทย์รัฐ ซึ่งงานหนักอยู่แล้ว ต้องทำงานหนักมากขึ้นไปอีก
ตอบ....การพบเเพทย์บ่อย ยอมรับครับว่าเป็นภาระ เเต่หากมองมุมดีๆ คนรู้สึกไม่สบาย ถ้าไม่มีกำเเพงค่าใช้จ่ายในการพบหมอ รู้เร็วรักษาได้ทันเเทนที่จะปล่อยให้ลุกลามจนเกินการรักษา เเละที่คุณว่าบางคนไม่ป่วยอะไรก้ไปหาหมอ อันนี้ผมว่าเกินไปนิดนึง ในข้อเท็จจริงคนอะไร ไม่เป็นอะไรไปหาหมอ ถามคนในห้องใครอยากไปหาหมอ อันนี้งงครับ
12. มองในแง่แพทย์บ้างนะครับ อันนี้เอาเฉพาะแพทย์ รพ.รัฐ โดยเฉพาะในชุมชน ไม่นับแพทย์ใน รพ.เอกชนในเครือข่ายตระกูลชิน หรือ อจ.แพทย์นะครับ แพทย์กลุ่มนี้ส่วนหนึ่งเป็นแพทย์ที่ดี มีอุดมการณ์ ออกไปช่วยประชาชน แต่สิ่งที่พบตอนนี้คือ ผู้ปวยจำนวนมาก บางคนตรวจสองสามร้อยคนในครึ่งวัน ใช้การรักษาและยาราคาถูก เงินที่จำกัด แถมยังเปิดโอกาสให้กองทุนสามารถ ‘ไล่เบี้ย’ กับแพทย์ กรณีรักษาไม่ได้ มาตรฐานอีกด้วย แพทย์จำนวนมากจึงไหลออกสู่ภาคเอกชนอย่างต่อเนื่อง
ตอบ....คนเป็นเเพทย์ คิดจะมาทางนี้ ความสุขของเขาคือพยายามช่วยชีวิตคนให้มากที่สุด ในเต่ระที่เค้ากำหนดจำนวน เวลา ที่ชัดเจน อาจเป็นงานหนักผมไม่เถียง เเต่ขนาด "เปิดโอกาสให้กองทุนสามารถ ‘ไล่เบี้ย’ กับแพทย์ กรณีรักษาไม่ได้ มาตรฐานอีกด้วย แพทย์จำนวนมากจึงไหลออกสู่ภาคเอกชนอย่างต่อเนื่อง" เค้ามีสิทธิ์ที่จะเลือกเเต่หากเหมาว่าโดนไล่เบี้ย ผมว่าเกินไป
13. แพทย์ที่เปิดคลินิกหรือ รพ เอกชน กลับไม่กระทบมาก เนื่องจากผู้ที่ไปคลินิกหรือเอกชนส่วนมาก พอที่จะจ่ายได้อยู่แล้ว และได้ยาที่มาตรฐานดีขึ้น ร่วมถึงไม่ต้องไปทนความแออัดยัดเยียดที่เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ในรพ.รัฐ จากโครงการ 30 บาท ลองดูคลินิก ตจว. ดูได้ดูครับ คนยังค่อนข้างมาก ดังนั้นคนที่คัดค้านไม่ใช่แพทย์กลุ่มนี้
ตอบ...อันนี้ไม่จริงครับ ก็คุณเขียนเองว่าคน มาใช้สิทธิ์ตั้งมากมาย จนเเพทย์งานหนัก ลาออก จะไม่กระทบกับคลีนิค รพ เอกชน ได้อย่างไร มันย้อนเเย้งกับที่คุณเขียนมา ผมว่านี่เเหละกลุ่มผู้เสียผลประโยชน์ ที่เคยทำมาหากินกับการเจ็บป่วย
ผมเล่าทิ้งท้ายสำหรับคนที่ผ่านเรื่องรักษาเจ็บป่วย พ่อเเละเเม่ หมดเงินไปเเทบหมดตัว ทุ่มทุกสิ่งที่มีอยู่เพื่อเเลกกับชีวิตคนที่เรารัก เริ่มจากเเม่ ป่วย ความดัน เบาหวาน โรคฮิตคนอายุมาก เข้า รพ ครั้งหนึ่งหลายพันอาจหลายหมืน ถ้านานอาจหลายเเสน นับรวมคงหลายล้าน เราไม่มีสิทธิ์ที่จะต่อรอง ค่าใช้จ่าย เชื่อว่าหลายคนในนี้ เคยผ่านอย่างที่ผมผ่านมา พ่อเเม่ สมัยผมไม่มี30เเบบนี้ ค่าใช้จ่ายมหาศาล โรงพยาบาลเก็บค่าใช้จ่ายเเพงมาก อย่าบอกนะว่าไป เเบบอนาถา เคยพาคนงานเเขนหักไปครั้งเดียว เเค่ครั้งเดียว จะไม่กลับไปขอร้อง ให้เค้าช่วยอีกเลย
จริงๆผมไม่อยากมานั่งตอบ เเต่อ่านเเล้ว ตามไปอ่านที่เค้าตอบ(กดไปที่ชื่อ)ก็จะมีคำตอบ .....ไม่เนียน นโยบายดีๆ ปล่อยให้มานั่งทำลายกันง่ายๆ 30บาทผมเชื่อช่วยชื่อวิตคนมากมาย เเละเป็นที่พึ่งของคนยากจน เเม่ในระหว่างดำเนินการ จะมีอะไีผิดพลาดไปบ้าง ต้องช่วยกันปรับปรุง เพราะนี่คือสิ่งที่จะต่อยอดไปในอนาคต ไม่ต้องตกอยู่ในสภาพที่คนเเก่ๆ รุ่นพ่อเเม่เราพูดไว้ หาเงินมาจนเเก่เฒ่า ต้องเอาไปให้กับ....โรงพยาบาล ยามเเก่ พัฒนาไปครับ ถึงรุ่นเราต้องไปใช้จะได้ใช้ของดีๆ
ปล.อ่อ ผมอ่านตามเม้นข้างล่างกระทู้ ไปอ้างคุณวิชัยทองเเตง โยงทักษิณ ไม่ว่ากัน เเต่เจ้ารพ ของนะเค้าผู้อุปถัมป์รายใหญ่ม๊อบสุเทพมิใช่หรือ ทำไมเว้นไว้ครับ
ว่างๆจะมาต่อที่เหลือ 7ข้อข้างล่าง