ช่วงหลังวันปีใหม่ที่เพิ่งผ่านมานี้ เราไปเดินห้างกับแฟนที่ห้างแห่งหนึ่ง ซึ่งมันจะมีแผงขายอุปกรณ์เกี่ยวกับโทรศัพท์มือถือ
พวกสายยูเอสบี ที่ชาจแบต หรื สายหูฟัง ซึ่งเป็นแผงเล็กๆ ที่ร้านนั้นขายของอุปกร์จากประเทศจีนอะไรแบบนี้
แต่ไม่ได้ขายโทรศัพท์นะ แล้วคราวนี้ตอนเดินห้าง แฟนบอกกับเราว่า เขาอยากซื้อสายยูเอสบีอีกอันหนึ่ง
เราเลยเดินไปที่ร้านนี้ กะว่าจะดูสินค้า เพราะแฟนอยากได้ พอเดินไปปั๊ป เราก็เห็นโทรศัพท์วางอยู่
เป็นโทรศัพท์มือถือแบบรุ่นสี่ห้าปีก่อน ราคาไม่กี่บาท ซึ่งตอนนั้นเรารีบเดินเข้าไป จะเข้าไปหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา
เพราะคิดว่า มีคนทำตกและลืมเอาไว้ ในใจกะว่าจะนำไปให้พนักงานประชาสัมพันธ์เพื่อประกาศหาเจ้าของ
มุมที่เราเดินไปเรามองไม่เห็นว่าโทรศัพท์นั้นมันกำลังชาจแบตอยู่ คือมุมนั้นเห็นแค่ตัวโทรศัพท์วางอยู่เด่นมากคะ
ในจังหวะที่เรากำลังจะหยิบ มือกำลังจะเอื่อมไปจับโทรศัพท์ อยู่ดีๆ ก็มีมือมาหยิบโทรศัพท์คว้าไปอยางรวดเร็ว
จังหวะนั้นเรายังไม่ได้จับตัวโทรศัพท์เลยนะ เราตกใจ เลยเหงยหน้ามองดู เป็นอยู่หญิง หน้าตาตื่นตกใจมาก
หน้าตาเหมือนว่าเรากำลังจพไปขโมยโทรศัพท์ของเขา เรายังจำหน้านั้นได้เลย หน้าตาเหวอแบบตกใจสุดขีด
ไอ้ตัวเราก็ตกใจเช่นกัน เอาล่ะ งานเข้าแล้ว เขาคิดว่าเราเป็นขโมยแน่เลย ตอนนั้นเราเองก็ตกใจสุดๆเหมือนกัน
แต่ยืนช็อกสักครู่อ่ะ วินาทีนั้นคิดว่าซวยแล้ว หน้าตาผู้หญิงคนนั้นเหวอแบบนี้ ต้องไม่เชื่อเราแน่นอนว่าเราคิดว่ามีคนลืมโทรศัพท์ไว้
เราทำตัวไม่ถูกเลย เลยหันไปหาแฟน แฟนก็บอกว่า อ่ะนะ แล้วเขาก็ยืนเลือกสินค้าต่อ ส่วนตัวเราก็เหวอรับประทานสิคะ
วินาทีนั้น เราไม่รู้จะทำยังไง เพราะจากหน้าตาและความเร็วในการคว้าโทรศัพท์ของผู้หญิงคนนั้น
มันทำให้เราคิดว่าเขาคิดว่าเราเป็นขโมย เราเลย เออ ไม่อธิบายแล้ว แล้วทำตัวเฉยๆ
ยืนเลือกสายยูเอสบีโทรศัพท์ แล้วแฟนก็ซื้อมาอันหนึ่ง แล้วเราก็ดูสินค้าอื่นต่อ
แล้วก็ออกมาจากร้าน ก่อนออกมาจากร้าน เราก็หันหน้าไปมองคนขายอีกรอบ คนขายก็มองหน้าเราแปลกๆ เราก็มองเขาแปลกๆ
กลับมาบ้านก็มานั่งคิดเรื่องนี้ต่อ เรารู้สึกไม่สบายใจเลย เพราะเราไม่ได้เป็นขโมย เราแค่คิดว่ามีคนลืมของ เราจะเอาไปมอบให้เจ้าหน้าที่ประชาสัมพันธ์เท่านั้น ทำไมเราต้องถูกมองว่าเป็นขโมยด้วย แล้วเราก็โกรธตัวเองที่ทำไมตอนนั้นไม่อธิบายให้ผู้หญิงเจ้าของร้านฟัง
คือตอนนั้นมันอึ้งกับหน้าตาเจ้าของร้านมาก ไม่รู้จะอธิบายยังไง ถ้าคนจะขโมยอ่ะนะ มันรีบคว้าแล้ววิ่งไปแล้ว ไม่มายืนซื้อของต่อหรอก
เหตุการณ์นี้ผ่านมาสองอาทิตย์แล้ว เรายังรู้สึกเสียเซลฟ์อยู่เลย ความตั้งใจทำดี กลายเป็นเถูกมองว่าเป็นมารสังคมซะอย่างนั้น
ถ้าเป็นแบบนี้ หากครั้งหน้าเราเจอคนลืมของไว้ เราคงไม่อยากช่วยแล้วล่ะ เดี๋ยวถูกหาว่าเป็นขโมย
ไม่มีใครชอบหรอกนะ ที่ถูกกล่าวหาหรือมองเราไปในทางที่ไม่ดี ทั้ที่เราไม่ได้มีเจตนาที่ไม่ดีเลย
ทุกวันนี้เวลาดูข่าวขโมยหรืออะไรก็แล้วแต่ จะทำให้คิดถึงเหตุกาณ์นี้ที่ถูกกว่าหาว่าเป็นขโมยทางสายตา
บอกตรงๆ รู้สึกแย่มากๆๆๆ
เรื่องเข้าใจผิดที่ทำเราเสียเซลฟ์เป็นอย่างมาก
พวกสายยูเอสบี ที่ชาจแบต หรื สายหูฟัง ซึ่งเป็นแผงเล็กๆ ที่ร้านนั้นขายของอุปกร์จากประเทศจีนอะไรแบบนี้
แต่ไม่ได้ขายโทรศัพท์นะ แล้วคราวนี้ตอนเดินห้าง แฟนบอกกับเราว่า เขาอยากซื้อสายยูเอสบีอีกอันหนึ่ง
เราเลยเดินไปที่ร้านนี้ กะว่าจะดูสินค้า เพราะแฟนอยากได้ พอเดินไปปั๊ป เราก็เห็นโทรศัพท์วางอยู่
เป็นโทรศัพท์มือถือแบบรุ่นสี่ห้าปีก่อน ราคาไม่กี่บาท ซึ่งตอนนั้นเรารีบเดินเข้าไป จะเข้าไปหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา
เพราะคิดว่า มีคนทำตกและลืมเอาไว้ ในใจกะว่าจะนำไปให้พนักงานประชาสัมพันธ์เพื่อประกาศหาเจ้าของ
มุมที่เราเดินไปเรามองไม่เห็นว่าโทรศัพท์นั้นมันกำลังชาจแบตอยู่ คือมุมนั้นเห็นแค่ตัวโทรศัพท์วางอยู่เด่นมากคะ
ในจังหวะที่เรากำลังจะหยิบ มือกำลังจะเอื่อมไปจับโทรศัพท์ อยู่ดีๆ ก็มีมือมาหยิบโทรศัพท์คว้าไปอยางรวดเร็ว
จังหวะนั้นเรายังไม่ได้จับตัวโทรศัพท์เลยนะ เราตกใจ เลยเหงยหน้ามองดู เป็นอยู่หญิง หน้าตาตื่นตกใจมาก
หน้าตาเหมือนว่าเรากำลังจพไปขโมยโทรศัพท์ของเขา เรายังจำหน้านั้นได้เลย หน้าตาเหวอแบบตกใจสุดขีด
ไอ้ตัวเราก็ตกใจเช่นกัน เอาล่ะ งานเข้าแล้ว เขาคิดว่าเราเป็นขโมยแน่เลย ตอนนั้นเราเองก็ตกใจสุดๆเหมือนกัน
แต่ยืนช็อกสักครู่อ่ะ วินาทีนั้นคิดว่าซวยแล้ว หน้าตาผู้หญิงคนนั้นเหวอแบบนี้ ต้องไม่เชื่อเราแน่นอนว่าเราคิดว่ามีคนลืมโทรศัพท์ไว้
เราทำตัวไม่ถูกเลย เลยหันไปหาแฟน แฟนก็บอกว่า อ่ะนะ แล้วเขาก็ยืนเลือกสินค้าต่อ ส่วนตัวเราก็เหวอรับประทานสิคะ
วินาทีนั้น เราไม่รู้จะทำยังไง เพราะจากหน้าตาและความเร็วในการคว้าโทรศัพท์ของผู้หญิงคนนั้น
มันทำให้เราคิดว่าเขาคิดว่าเราเป็นขโมย เราเลย เออ ไม่อธิบายแล้ว แล้วทำตัวเฉยๆ
ยืนเลือกสายยูเอสบีโทรศัพท์ แล้วแฟนก็ซื้อมาอันหนึ่ง แล้วเราก็ดูสินค้าอื่นต่อ
แล้วก็ออกมาจากร้าน ก่อนออกมาจากร้าน เราก็หันหน้าไปมองคนขายอีกรอบ คนขายก็มองหน้าเราแปลกๆ เราก็มองเขาแปลกๆ
กลับมาบ้านก็มานั่งคิดเรื่องนี้ต่อ เรารู้สึกไม่สบายใจเลย เพราะเราไม่ได้เป็นขโมย เราแค่คิดว่ามีคนลืมของ เราจะเอาไปมอบให้เจ้าหน้าที่ประชาสัมพันธ์เท่านั้น ทำไมเราต้องถูกมองว่าเป็นขโมยด้วย แล้วเราก็โกรธตัวเองที่ทำไมตอนนั้นไม่อธิบายให้ผู้หญิงเจ้าของร้านฟัง
คือตอนนั้นมันอึ้งกับหน้าตาเจ้าของร้านมาก ไม่รู้จะอธิบายยังไง ถ้าคนจะขโมยอ่ะนะ มันรีบคว้าแล้ววิ่งไปแล้ว ไม่มายืนซื้อของต่อหรอก
เหตุการณ์นี้ผ่านมาสองอาทิตย์แล้ว เรายังรู้สึกเสียเซลฟ์อยู่เลย ความตั้งใจทำดี กลายเป็นเถูกมองว่าเป็นมารสังคมซะอย่างนั้น
ถ้าเป็นแบบนี้ หากครั้งหน้าเราเจอคนลืมของไว้ เราคงไม่อยากช่วยแล้วล่ะ เดี๋ยวถูกหาว่าเป็นขโมย
ไม่มีใครชอบหรอกนะ ที่ถูกกล่าวหาหรือมองเราไปในทางที่ไม่ดี ทั้ที่เราไม่ได้มีเจตนาที่ไม่ดีเลย
ทุกวันนี้เวลาดูข่าวขโมยหรืออะไรก็แล้วแต่ จะทำให้คิดถึงเหตุกาณ์นี้ที่ถูกกว่าหาว่าเป็นขโมยทางสายตา
บอกตรงๆ รู้สึกแย่มากๆๆๆ