เผาตำรากฎหมายทิ้งให้หมด เพราะไม่มีค่าเมื่อเจอการตีความของ ตลก.ศาลรัฐธรรมนูญ

.....บังเอิญผมได้อ่านตำรากฎหมายเล่มหนึ่ง ที่หยิบยืมเพื่อนพ้องมาอ่านเพื่อประดับความรู้ พออ่านแล้วก็ทำให้คนที่ไม่ได้ร่ำเรียนมาทางกฎหมายอย่างผม ก็เกิดอาการงุนงงและสงสัยมิใช่น้อย เพราะในตำราเล่มนี้ มันช่างต่างจากสิ่งที่เกิดขึ้นจริงโดยการตีความของศาลรัฐธรรมนูญชนิดจากหน้ามือเป็นหลังเท้า

     ผมอ่านไปเจอคำ ว่า “กบฏ” ซึ่งขอหยิบยกมาทั้งความหมายตามพจนานุกรม ความหมายตามกฎหมาย และความหมายตามตำรากฎหมาย

ความหมายตามพจนานุกรม
ตามพจนานุกรม ให้ความหมายไว้ว่า กบฏ [กะบด] ก. ประทุษร้ายต่อทางอาณาจักร ทรยศ. น. การประทุษร้ายต่อทางอาณาจักร ความทรยศ (กบฏ) ชื่อความผิดอาญาฐานกระทําความผิดต่อความมั่นคงของรัฐภายในราชอาณาจักร โดยใช้กําลังประทุษร้ายหรือขู่เข็ญว่าจะใช้กําลังประทุษร้ายเพื่อล้มล้างหรือเปลี่ยนแปลงรัฐธรรมนูญ หรือล้มล้างอํานาจนิติบัญญัติ อํานาจบริหาร หรืออํานาจตุลาการ หรือแบ่งแยกราชอาณาจักร หรือยึดอํานาจปกครองในส่วนใดส่วนหนึ่งแห่งราชอาณาจักร เรียกว่า ความผิดฐานเป็นกบฏ.

ความหมายตามกฎหมาย
ประมวลกฎหมายอาญา  หมวด ๒ ความผิดต่อความมั่นคงของรัฐภายในราชอาณาจักร (กบฏ)
มาตรา ๑๑๓ บัญญัติว่า ผู้ใดใช้กำลังประทุษร้าย หรือขู่เข็ญว่าจะใช้กำลังประทุษร้าย เพื่อ
               (๑) ล้มล้างหรือเปลี่ยนแปลงรัฐธรรมนูญ
               (๒) ล้มล้างอำนาจนิติบัญญัติ อำนาจบริหาร หรืออำนาจตุลาการแห่งรัฐธรรมนูญ หรือให้ใช้อำนาจดังกล่าวแล้วไม่ได้ หรือ
               (๓) แบ่งแยกราชอาณาจักรหรือยึดอำนาจปกครองในส่วนหนึ่งส่วนใดแห่งราชอาณาจักร ผู้นั้นกระทำความผิดฐานเป็นกบฏ ต้องระวางโทษประหารชีวิต หรือจำคุกตลอดชีวิต

ความหมายตามตำรากฎหมาย
ตำรา วิชากฎหมายอาญา ภาค ๒-๓  หมวด ๒  ความผิดต่อความมั่นคงของรัฐภายในราชอาณาจักร  ความผิดตามมาตรา ๑๑๓  ของท่านไว้ ว่า    ผู้ที่กระทำความผิดตามกฎหมายอาญามาตรานี้  จะต้องกระทำความผิดครบองค์ประกอบตามกฎหมาย ดังต่อไปนี้

องค์ประกอบภายนอก  ใช้กำลังประทุษร้ายหรือขู่เข็ญว่าจะใช้กำลังประทุษร้าย
องค์ประกอบภายใน
(๑) เจตนาธรรมดา
(๒) มูลเหตุชักจูงใจอย่างใดอย่างหนึ่ง ดังต่อไปนี้
     ก. เพื่อล้มล้างหรือเปลี่ยนแปลงรัฐธรรมนูญ
     ข. เพื่อล้มล้างอำนาจนิติบัญญัติ อำนาจบริหาร หรืออำนาจตุลาการแห่งรัฐธรรมนูญ หรือเพื่อให้ใช้อำนาจดังกล่าวแล้วไม่ได้
     ค. เพื่อแบ่งแยกราชอาณาจักรหรือยึดอำนาจปกครองในส่วนหนึ่งส่วนใดแห่งราชอาณาจักร

คำอธิบาย
คำว่า “ใช้กำลังประทุษร้าย” หมายความว่า ทำการประทุษร้ายแก่กายหรือจิตใจของบุคคล ไม่ว่าจะทำด้วยใช้แรงกายภาพหรือด้วยวิธีอื่นใด และให้หมายความรวมถึงการกระทำใดๆซึ่งเป็นเหตุให้บุคคลหนึ่งบุคคลใดอยู่ในภาวะที่ไม่สามารถขัดขืนได้ ไม่ว่าจะโดยใช้ยาทำให้มึนเมา สะกดจิต หรือใช้วิธีอื่นใดอันคล้ายคลึงกัน

คำว่า “ขู่เข็ญ” หมายความว่า แสดงออกให้ทราบว่าจะใช้กำลังประทุษร้ายในอนาคต

     ส่วนจะได้ใช้กำลังประทุษร้ายหรือขู่เข็ญว่าจะใช้กำลังประทุษร้ายต่อบุคคลใดไม่สำคัญ  เพราะมาตรานี้ไม่จำกัดบุคคลผู้ถูกกระทำคือ จะเป็นเจ้าพนักงาน  ตำรวจ ทหาร หรือบุคคลธรรมดาก็ได้ ความสำคัญอยู่ที่การกระทำและมูลเหตุชักจูงใจพิเศษที่มาตรานี้บัญญัติไว้  ถ้าไม่มีการกระทำคือใช้กำลังประทุษร้าย หรือขู่เข็ญว่าจะใช้กำลังประทุษร้ายก็ไม่มีความผิด หรือถ้ามีการกระทำดังกล่าว แต่ผู้กระทำไม่มีมูลเหตุชักจูงใจตามมาตรานี้ก็ไม่มีความผิด

     ความผิดตามมาตรานี้สำเร็จเมื่อมีการใช้กำลังประทุษร้ายหรือขู่เข็ญว่าจะใช้กำลังประทุษร้าย ในเมื่อผู้กระทำมีเจตนาธรรมดาและกระทำโดยมูลเหตุชักจูงใจดังกล่าว  ส่วนผลเช่นการล้มล้างรัฐธรรมนูญจะเกิดขึ้นใหม่หรือไม่ ไม่สำคัญ


     อ่านความหมายในตำรากฎหมายแล้วก็งุนงงกับท่าที่ของ ตลก.ศาลรัฐธรรมนูญ ในการ พิจารนายกคำร้องของสภาทนายความแห่งประเทศไทยที่ร้องขอให้ศาลรัฐธรรมนูญสั่งให้ ม็อป กปปส. เลิกกระทำการปิดล้อมและยึดสถานที่ราชการในตอนนั้น ทั้งที่ศาลอาญาออกหมายจับแกนนำ กปปส.ในคดีกบฏแล้ว แต่ ตลก.ศาลรัฐธรรมนูญ กลับบอกว่า การแสดงออกของ ม็อป กปปส.เป็นการชุมนุมโดยสงบปราศจากอาวุธ เป็นสิทธิที่สามารถกระทำได้

แล้วข้อความที่ปรากฏในตัวบทกฎหมาย อีกทั้งความหมายในตำรากฎหมาย มันมีไว้เพื่ออะไรกัน?

ตัวอย่าง
การบังคับเอาโทรศัพท์เคลื่อนที่ของผู้อื่น โดยทำท่าทางเหมือนจะชักอาวุธออกมาโดยล้วงเข้าไปในบริเวณเอว ถือว่าเป็นขู่เข็ญ ว่าในทันใดนั้นจะใช้กำลังประทุษร้ายหรือไม่ ?

คำตอบ : คำพิพากษาฎีกาที่ 868/2554 การขู่เข็ญว่าในทันใดนั้นจะใช้กำลังประทุษร้ายอันเป็นองค์ประกอบความผิดฐานปล้นทรัพย์นั้น อาจขู่ตรงๆหรือใช้ถ้อยคำ ทำกิริยา หรือทำประการใดให้เข้าใจได้เช่นนั้น เป็นการแสดงให้ผู้ถูกขู่เข็ญเข้าใจว่าจะรับภัยจากการกระทำของผู้ขู่เข็ญ การที่จำเลยกับพวกบังคับเอาโทรศัพท์เคลื่อนที่ของผู้เสียหาย โดย ม. พวกของจำเลยทำทางเหมือนจะชักอาวุธออกมาโดยล้วงเข้าไปในเสื้อบริเวณเอว แม้มิได้ใช้กำลังประทุษร้าย มิได้ใช้อาวุธมาขู่บังคับหรือพูดว่าจะใช้กำลังประทุษร้ายก็ตาม แต่กิริยาท่าทีของ ม. ดังกล่าวเป็นพฤติการณ์ที่ถือได้ว่าเป็นการขู่เข็ญว่าในทันใดนั้นจะใช้กำลังประทุษร้าย ทำให้ผู้เสียหายเกิดความกลัวว่าจำเลยกับพวกจะใช้กำลังประทุษร้าย จึงต้องจำยอมให้โทรศัพท์เคลื่อนที่แก่จำเลยกับพวกไป การกระทำของจำเลยกับพวกครบองค์ประกอบความผิดฐานปล้นทรัพย์แล้ว

เทียบกับเหตุการณ์จริง
การปิดล้อมสถานที่ราชการ ไม่ให้ข้าราชการปฏิบัติงานในสถานที่นั้น และแสดงออกชัดเจนด้วยการสั่งให้ข้าราชการทั่วประเทศหยุดปฏิบัติหน้าที่ โดยแสดงท่าทีว่าจะเปลี่ยนแปลงประเทศให้มี สภาประชาชน และกลุ่ม กปปส.ของตัวเองจะเป็นผู้คัดสรรผู้มาเข้าร่วมสภาประชาชน เรียกร้องให้ประชาชน ข้าราชการ กลุ่มธุรกิจต่างๆมาเข้าร่วมกับการกระทำของตัวเอง การแสดงออกเช่นนั้นของกลุ่ม กปปส.ถือว่าเป็นขู่เข็ญ ว่าต่อไปในภายภาคหน้าประชาชนที่ต้องการติดต่อราชการจะต้องได้รับความเดือดร้อนหรือไม่? และนานไปจะยิ่งแย่ลงหากไม่เข้าร่วมเพื่อทำการเปลี่ยนแปลงประเทศตามคำขู่ของ กปปส.

ตอนเขียนบทความนี้เสร็จ ผมลองให้เพื่อนที่เป็นอัยการลองอ่านการ เทียบกับเหตุการณ์จริง ที่ผมเขียนขึ้นเอง คูณรู้ไหม เพื่อนผมบอกว่าอย่างไร?
มันบอกถ้าเขียนอย่างนี้ ฟ้องที่ไหนก็ชนะ ยกเว้นที่เดียว
ผมถามว่า ที่ไหน?
เพื่อนผมตอบ ศาลรัฐธรรมนูญ
ผมก็ได้แต่ ............!!!

เอาอีกสักหนึ่งการตีความที่แสนปวดกะโหลกของ ตลก.ศาลรัฐธรรมนูญชุดนี้
     จากเหตุ ร่างแก้ไขประกอบรัฐธรรมนูญ ที่มาสว. อันโด่งดังจากคำว่า “สภาผัวเมีย” และคำวินิจฉัยตัดสินที่ออกมาในแนวทางว่า สมาชิกรัฐสภาที่เข้าชื่อยื่นร่างแก้ไขประกอบรัฐธรรมนูญ ที่มาสว. ฉบับนี้ ไม่สามารถกระทำได้ เพื่อเป็นการ “ล้มล้างการปกครอง” ตามมาตรา 68 ที่ว่า  บุคคลจะใช้สิทธิและเสรีภาพตามรัฐธรรมนูญเพื่อล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขตามรัฐธรรมนูญนี้ หรือเพื่อให้ได้มาซึ่งอำนาจในการปกครองประเทศโดยวิธีการซึ่งมิได้เป็นไปตามวิถีทางที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญนี้ มิได้

     ตามความหมายของตำรากฎหมายที่ผมอ่าน ไม่มีความหมายของคำว่า “ล้มล้างการปกครอง” แต่ก็พึ่งเข้าใจได้ตามสัญชาติญาณพื้นฐาน Common Sense ว่า การล้มล้างการปกครองในที่นี้คือ การล้มล้าง ระบอบการปกครองประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ซึ่งพระราชอำนาจของพระมหากษัตริย์ทรงใช้ผ่าน 3 ฝ่าย คือ ฝ่ายบริหาร ฝ่ายตุลาการ และฝ่ายนิติบัญญัติ และประชาชนเป็นเจ้าของอำนาจที่แท้จริง แสดงสิทธิด้วยการเลือกตัวแทนของตัวเองใน 2 ฝ่าย คือฝ่ายบริหารและฝ่ายนิติบัญญัติ

     แต่การแก้ไขที่มา สว. ล้มล้างอำนาจใดใน  3 ฝ่ายกระนั้นหรือ ถ้าหาก ยกเลิก สว.ไปเลยว่าไปอย่าง แต่นี้เขาต้องการเปลี่ยนให้ประชาชนเจ้าของอำนาจที่แท้จริงเป็นผู้เลือกตัวแทน มิใช่ให้ชนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งทำการเลือกโดยไม่ผ่านความเห็นของคนทั้งประเทศ

     ที่ ตลก.ศาลรัฐธรรมนูญตีความแบบนี้ เอาหลักใดมาตีความคำว่า “ล้มล้างการปกครอง” ซึ่งผมขอยกมาให้อ่านกัน
คำว่า “เปลี่ยนแปลงแก้ไขรัฐธรรมนูญ” หมายความว่า คงรูปรัฐธรรมนูญเดิมไว้แต่แก้ไขเพิ่มเติมเป็นบางมาตรา
คำว่า “ล้มล้างรัฐธรรมนูญ” หมายความว่า ยกเลิกรัฐธรรมนูญที่ใช้อยู่ในขณะกระทำ หรือกระทำในทางข้อเท็จจริงไม่ให้รัฐธรรมนูญดังกล่าวใช้บังคับได้ เช่น ยึดอำนาจการปกครองและประกาศเลิกสถาบันต่างๆของรัฐธรรมนูญ

     สมาชิกรัฐสถาที่ลงชื่อยื่นร่างแก้ไขที่มา สว. ทำการเข้าข่ายคำไหน ระหว่าง “เปลี่ยนแปลงแก้ไขรัฐธรรมนูญ” หรือ  “ล้มล้างรัฐธรรมนูญ” คนที่ชาตินี้ไม่เคยเรียนกฎหมายมาก่อนอย่างผม ยังตอบได้เลย ว่าเขาทำการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ชื่อร่างพระราชบัญญัติ มันก็บอกแบบนั้น

     และยังมีความหมายของคำอื่นๆอีก นำมาลงไว้ เพื่อจะได้อ่านทำความเข้าใจ เป็นความรู้ไว้ประดับสมอง และเข้าใจกันอย่างแท้จริงว่า ตลก.ศาลรัฐธรรมนูญ หาได้มีบรรทัดฐานในการวินิจฉัยตัดสินคดีเลย

คำอธิบาย ความหมายของคำอื่นที่เกี่ยวข้อง
คำว่า “ล้มล้างอำนาจนิติบัญญัติ” หมายความว่าเลิกไม่ให้มีสภานิติบัญญัติ (ถ้ามีสภาประชาชนมาแทน ถือว่าล้มล้างอำนาจนิติบัญญัติไหม น่าคิด)
คำว่า “ล้มล้างอำนาจบริหาร” หมายความว่าเลิกไม่ให้มีคณะรัฐมนตรีในฐานะเป็นฝ่ายบริหาร (การพิจารณาร่างพรบ. 2.2 ล้านล้านของศาลรัฐธรรมนูญ และแสดงความเห็นว่า รถไฟความเร็วสูงไม่สมควรสร้าง เป็นการแทรกแซงการทำงานของฝ่ายบริหารไหม น่าคิด)
คำว่า “ล้มล้างอำนาจตุลาการ” หมายความว่าเลิกไม่ให้มีศาลยุติธรรม (การออกหมายจับแกนนำ กปปส.ของศาลอาญาในคดี กบฏ แต่ศาลรัฐธรรมนูญกลับเห็นว่าเป็นสิทธิที่พึ่งกระทำได้ ถือว่าเป็นการล้มล้างอำนาจตุลาการไหม น่าคิด)

คำว่า “แบ่งแยกราชอาณาจักร” หมายถึงการแยกประเทศไทยออกเป็นหลายประเทศ เช่น ประเทศไทยเหนือและประเทศไทยใต้ ภาษาสามัญเรียกการกระทำดังกล่าวว่า “แบ่งแยกดินแดน” (ที่คนกรุงเทพบางส่วนกับคนภาคใต้กำลังทำร่วมกับ กลุ่ม กปปส. ถือเป็นการแบ่งยแกดินแดนไหม น่าคิด)
คำว่า “ยึดอำนาจปกครองในส่วนใดแห่งราชอาณาจักร” หมายถึงยึดพื้นที่ส่วนหนึ่งส่วนใดแห่งราชอาณาจักรไว้ แล้วตั้งเป็นรัฐบาลอิสระโดยไม่ยอมขึ้นกับรัฐบาลกลาง (หากกปปส.ปิดล้มและยึดกรุงเทพได้ และแสดงออกว่าไม่ยอมไม่ขึ้นตรงกับรัฐบาลที่ประชาชนทั้งประเทศเป็นคนเลือก ถือว่าเข้าข่ายคำว่า ยึดอำนาจปกครองในส่วนใดแห่งราชอาณาจักร ไหม น่าคิด)

     ผมอ่านตำราเล่มนี้อยู่นาน ได้ความรู้อะไรเยอะแยะมากมาย จึงต้องขอขอบพระคุณ ศาสตราจารย์ ดร.หยุด แสงอุทัย ที่ได้บรรยายไว้ในตำรากฎหมายเล่มนี้ ทำให้ผมเข้าใจได้อย่างถ่องแท้แล้วว่า การตีความของ ตลก.ศาลรัฐธรรมนูญนี้ น่าจะเผาตำรากฎหมายที่เคยร่ำเรียนกันมาทิ้งให้หมด ถ้าหากยึดถือการตีความเรื่องการ “ล้มล้างการปกครอง”จากเหตุ ร่างแก้ไขประกอบรัฐธรรมนูญ ที่มาสว.

เป็น ตุลาการที่ ตลก จริงๆ ไม่ใข่แค่คำย่อ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่